|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากนี้ไป กูจะไม่เศร้า และ ไม่หนี อีกแล้ว
จำได้ว่าตัวเอง เคยนั่งร้องไห้ครั้งหนึ่ง แล้วมีเสียงจากจิตสำนึกตัวเองว่า
"ไม่ว่าจะเกิดอะไร ฉันก็จะไม่วิ่งหนี อีกแล้ว"
เสียงนั้น เบามาก เพราะมาจากจิตสำนึก
ชีวิตของเด็กบัญชี ปีหนึ่ง เทอม ส่วนใหญ่จะหมดไปกับการทำรายงาน รายงานเยอะมากๆ อาทิตย์หนึ่ง จะต้องทำสักหนึ่งฉบับ
ถ้าคุณคิดว่าจะมาเรียนบัญชี แบบ ซีเรียส คุณอาจจะทำได้ แต่ สำหรับฉันเลือกที่จะไม่ทำ
หลักของบัญชี มีกฎตายตัว และ อาศัยความเข้าใจล้วนๆ เวลาที่คุณเห็น มันจะผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่า คุณไม่เคยอ่าน มันมาก่อน
สิ่งที่เราต้องพกติดตัวตลอดเวลาคือ เครื่องคิดเลข ไม่ใช่แบบ จิ้ม นิดหน่อยๆ นะคะ
เครื่องคิดเลขของเด็กบัญชี ควรย้อนหลังดูได้ 100ครั้ง เพราะเวลาที่คุณคิด งบดุล แล้วมันไม่ลงตัว คุณสามารถกดดูได้ว่าผิดอะไร แต่ถ้าเครื่องคิดเลขคุณไม่มี ก็จงกดต่อไปคะ ชาตินี้มันก็ไม่ลง
แล้วอย่าคิดว่า คุณทำโจทย์ มานับหมื่นๆ ข้อ หรือ เรียนมาแล้วนับ สิบปี แล้วคุณจะปิดงบดุลลง ฝันไปเถอะคะ
ต่อให้อ. ที่ สอนนักเรียนมา นับสิบปี ปิดไม่ลง ก็ไม่แปลกคะ
อ.บัญชี จะใช้เวลาเขียนกระดานมากกว่าวิชาอื่น เพราะ เขาจะเขียนเสร็จแล้วมองมัน แล้วเทียบกับหนังสือ ทำแบบนี้ สัก ห้ารอบ แล้วมองไปรอบห้อง เพื่อพักสายตา หรือเรียก ยัยอรวตี (กรูเอง) ขึ้นมาตอบสิ (รักมาก โดนตลอด) (อรวตีจะตอบได้ทั้งถูกและผิด ไม่ว่าอย่างไง อ. ก็จะ) มองกระดาน ยิ้มหวานหนึ่งครั้ง (อาจแอบแยกเขี้ยวใส่ รวมไปถึงประจาน ...... ) แล้วอธิบาย
บัญชียากตรงไหน โอ้ยยยย
บัญชีมีหลักการง่ายๆ อยู่ว่า บัญชี มีสองขา คือขา เดบิต กับ ขาเครดิต สมการ มีอยู่ว่า สินทรัพย์ เท่ากับ ส่วนของเจ้าของ + หนี้สิน และ ด้วยสมการนี้ เราจึงสามารถแยกเป็น สินทรัพย์ ค่าใช้จ่าย เท่ากับ ส่วนของเจ้าของ รายได้ หนี้สิน
พูดแล้วมันง่ายคะ
ถ้าสินทรัพย์ และค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้น คุณก็จับมันใส่ช่องเดบิต และถ้ามันลด ก็ใส่ที่ช่องเครดิต
ซึ่งมันตรงกันข้ามกับส่วนของเจ้าของ รายได้ หนี้สิน ถ้าเพิ่ม ไปเพิ่มช่อง เครคิต ถ้าลด ไปลดที่เดบิต
โจทย์ก็ง่าย 9 ม.ค นายสิน ชื้อสินค้ามา 500บาท ด้วยเงินเชื่อ จากร้าน นิคม
10 ม.ค. นายสินจ่ายหนี้ทั้งหมด ร้านนิคม ด้วยเช็ค นำฝากเข้าธนาคารทันที
(และทำให้เราแปลกใจว่า ทำไมเมิงไม่เดินกลับมาร้าน แล้วจ่ายๆ เงินสดซ่ะให้มันจบๆ ) ม.ค. 9. (เราจะเอาพ.ศ. และ เดือนขึ้นก่อนคะ เพื่อง่ายในการดูบันทึกรายวัน) เดบิต ชื้อ 500 ภาษีชื้อ(แวท 7%)35 เครดิต เจ้าหนี้ ร้านนิคม 535 (กว่าจะได้ขนาดนี้ เราต้องทำ ประมาณ สิบรอบ ถึงจะจำได้ )
ข้อสิบขี้เกียจทำคะ
ทุกครั้งที่คุณพูดว่า ไอ้สาด แม่งทำไมยากอย่างนี้ ก็จะมีคนตะโกนตอบคุณว่า
ยากดิ ไม่ยาก อาม่า อาเตี่ยเมิงจะส่งมาเรียนเหรอ
บัญชี เป็นวิชา ที่คนเรียน มักจะไม่ค่อยเครียด ทำเป็นสนุกสนาเฮฮา แต่ เห็นแบบนั้น เขาจริงจังมากนะคะ
เราเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตั้งแต่เรียนบัญชี เพราะต้องคิดตลอด เวลา เพราะทุกครั้งเราจ่ายเงินไป 100 บาท เราต้อง เสียภาษี 7 บาทในการใช้แต่ละครั้ง ซึ่งเท่ากับ100บาทที่คุณคิด มันก็คือ คุณใช้ 107 บาท ต่างหากล่ะคะ
แล้ว เราถ้าเราอยากให้กิจการ อยู่รอด ต้องมีการ..... เล็กน้อย คือ เวลาที่เราจะลด อะไรให้กับลูกค้า เราจะคิดภาษีชื้อให้เต็มที่ แต่เวลาลดราคา เราจะคิดลดราที่ตัวต้นทุนคะ เพราะ ถ้าเราคิดภาษีชื้อ+ต้นทุนไป คิดแวท 7% ก็จะสูงตามไปด้วย เราจึงต้องตั้งลดราคา จากต้นทุน ซึ่งจำนวนต่ำกว่า ทำให้ลดราคาได้น้อยลง และ เหตุผลนี้ จึงทำกิจการจึงอยู่รอดต่อไปได้
สายที่อิ่มเรียน เป็นสายบริหารธุรกิจ ซึ่ง เขาจะสอนเราว่า เรา ทุกคน ถึงแม้จะ อยู่ในธุรกิจอย่างไร ก็ต้องมีการช่วยเหลือสังคม
เพราะ อะไรรู้ไหมคะ
ธุรกิจ ต้องพึ่งสังคม และ ถ้าเราสามารถทำให้สังคมเห็นว่า เราดีต่อสังคม ภาพลักษณ์ของเราก็จะดี ส่งผลให้ ธุรกิจก็จะเติบโต ตามไปด้วย
ถ้าคุณไม่ได้ใจแข็ง เป็นพวก อ่อนโยน คุณเรียนสายบริหารไม่รอดหรอกคะ
เห็นมาเยอะแล้ว พวกที่อ่อนๆ คิดจะซิ่วกันเป็นแถว
เอ็มเคยมาถามเราว่า อิ่มคะแนนแกต่ำแบบนี้ แกจะทำอย่างไง
ตอบด้วยความมั่นใจ
กูไม่ออก กูจะหน้าด้าน อยู่ต่อไป
กูจะต้องยืนหยัด ยืนยัน
และที่สำคัญ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะไม่หนี อีกแล้ว
Create Date : 26 สิงหาคม 2548 |
|
1 comments |
Last Update : 26 สิงหาคม 2548 0:50:11 น. |
Counter : 572 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ปล่อยผม (ปล่อยผม ) 26 สิงหาคม 2548 9:54:22 น. |
|
|
|
| |
|
|
มีไรฟลังไมค์มานะเฟ้ยยยย