|
ผมเป็นหนุ่มเมืองกรุง
ผมเป็นหนุ่มเมืองกรุง ชอบมุ่งอยู่กับงาน พอถึงรุ่งเช้า ก็ก้าวเท้าออกจากบ้าน
ผมไม่รวยไม่จน เป็นคนพอมีกิน จึงต้องหาทรัพย์สิน เอาไว้กินเจือจาน
แต่เท่าที่เกิดมา ยี่สิบกว่าฤดูฝน ยังอับด้อยถอยจน คนชื่นชูคู่ดวงมาน
ไอ้เคยน่ะเคยหรอก แต่ไม่ถึงกับบอกรัก ไอ้กลัวกลัวอกหัก น้ำต้มผักจะไม่หวาน
ก็เลยอยู่มาผู้เดียว ไม่ถึงกับเปลี่ยวเหว่ว้า เป็นลูกผู้ชายต้องกล้า ใครไม่ต้องมาสงสาร
ต้องยืนหยัดต่อสู้ ยืนอยู่อย่างเป็นหนึ่ง ยึดพระธรรมเป็นที่พึ่ง โดยไม่ต้องพูดถึงอุดมการณ์
พ่อสอนไว้ให้ใจแข็ง ผมก็แข็งตามสอน แม่บอกว่าอย่ากะล่อน ต้องแน่นอนและอ่อนหวาน
ผมเป็นหนุ่มเมืองกรุง จึงมุ่งแต่การกอบ รู้ผิดรู้ชอบ รู้ระบอบเป็นประมาณ
รู้ว่าไฟเหลืองต้องเร่ง รู้ว่าต้องเก่งตัดหน้า ผิดเอ็ง ถูกข้า และอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ผมมีแต่ตัวด้วนกลาง ปีกหางกันดาร
จึงดูเหมือนซื่อเขลา ตามเค้าไม่ค่อยทัน ทั้งสีหน้าท่าปั้น คำจำนรรจ์กล่าวขาน
เขาพูดอ่อนซ่อนคม ผมก็ไม่รู้แจ้ง เขาพูดดำให้เป็นแดง ผมก็แดงตามท่าน
ออกซื่อสัตย์ขนาดนี้ เป็นคนดีพอใช้ แต่ยังไม่พบคนถูกใจ จนกระทั่งวันวาน
พบสาวเหน้าหนึ่ง ว่าสวยซึ้งก็ไม่ถึงขั้น ดูๆ ก็อย่างงั้น แต่ยิ้มนั้นหว๊าน... หวาน
ยิ้มทีดั่งโลกแย้ม พวงแก้มอิ่มใส ตาพริ้มเหมือนยิ้มให้ โปรยไปดุจให้ทาน
ชีวิตผมเลยซวนเซ เพราะบุพเพเหหัก กำหนดบทแรกรัก ณ ที่พักผู้โดยสาร
อยากรู้จักมักจี่ แต่ติดที่ยังไม่กล้า ชั้นแต่สบนัยน์ตา ยังประหม่าเกินประมาณ
พ่อสอนไว้ให้ใจแข็ง ท่าจะแข็งไม่พอ ทำยังไงดีพ่อ ยากเหมือนถ่อขึ้นต้นตาล
ถึงตีนไต่ตาลตก แค่ฟกช้ำดำเขียว แต่ตกสาวเปล่าเปลี่ยว เด๋อเป็นเสี่ยวอีสาน
เอ่ยปากจะทัก ก็ให้หนักลิ้นหน่วง ดั่งกลัวพิกุลร่วง มีแต่ห่วงมิห้าวหาญ
จะให้ถาโถมโจมจู่ เป็นขี้ตู่ถูไถ สุดอดจำทำได้ ด้วยมิใช่อันธพาล
นับหนึ่งถึงสิบ จะขยิบตาให้ แต่จิตไม่เป็นใจ เลยต้องนับไปถึงล้าน
ให้กลัดกลุ้มรุมร้อน ไม่มีผ่อนความคิด เหมือนคนเสพยาติด หลงพิษขนมหวาน
ร่ำเรียนมาก็ใช่น้อย ความรู้ไม่ด้อยอัตคัต แต่วิชารักปฏิบัติ เหมือนเด็กพึ่งหัดเขียนอ่าน
อาศัยสูตรเคมีใด จึงจะจับใจเจนจบ วิชาบังคับหรือสมทบ มาบวกลบคูณหาร
วันนั้นตั้งใจมั่น จะรู้จักกันให้จงได้ แต่มีเหตุเป็นไป ผมตื่นสายเกินการณ์
จึงไม่พบสบเธอ แต่ช่างเถอะต้องไม่ท้อ ลูกผู้ชายนะครับพ่อ ต้องหมั่นถ่อก่อสาน
พอถึงวันพรุ่ง ผมก็มุ่งมาแต่เช้า หวังได้เจอเธอเจ้า แต่มันเช้าเกินประมาณ
ผมจึงอดไม่ได้ หลับใหลในไม่ช้า รู้สึกตัวถึงผวา เหลียวหาเธอรอบด้าน
ก็เห็นหลังไวๆ ขึ้นไปกับรถคันหรู นั่งหน้าเป็นตุ๊กตาคู่ ผมได้แต่ก้มดูสังขาร
ท่าผมจะอาภัพ อับจนคนหมาย และในบทสุดท้าย คงเป็นผู้ชายขึ้นคาน
แต่ช่างเถิดไม่เป็นไร ลูกผู้ชายต้องไม่หวั่น พ่อเคยสอนไว้อย่างนั้น ให้คงมั่นดุจสัณฐาน
ผมเป็นหนุ่มเมืองกรุง ชอบมุ่งแต่การงาน แม้ว่าจะไร้คู่ แต่ชีวิตยังอยู่ได้อีกนาน... น๊าน... นาน
....โดยปินดา โพสยะ นิตยสาร ไปยาลใหญ่ หนังสือที่ เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่เกลียดหนังสือไร้รูปภาพ เมื่อเวลาผ่านไป คิดจะกลับมาหาอ่านใหม่ ก็ยากเย็นเข็ญใจเต็มที
แต่ช่างเถิดไม่เป็นไร แม้จะไม่มีให้ดู และแม้ชีวิตจะไร้คู่ แต่ชีวิตก็ยังอยู่ได้อีกนาน น๊าน นาน...
คุ้นๆ ไหมครับ
Create Date : 21 มกราคม 2548 |
|
6 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2548 14:22:26 น. |
Counter : 493 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: oreo (eera ) 21 มกราคม 2548 14:44:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: prncess 21 มกราคม 2548 15:39:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซีบวก 22 มกราคม 2548 6:35:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: WhaT iT'S W๐l2tH IP: 61.91.91.37 22 มกราคม 2548 11:42:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: chpooe IP: 124.120.94.133 22 กันยายน 2550 12:43:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tukta IP: 182.232.175.30 15 กันยายน 2563 16:27:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
โดยเฉพาะท่อนที่ว่า
ถึงตีนไต่ตาลตก
แค่ฟกช้ำดำเขียว
แต่ตกสาวเปล่าเปลี่ยว
เด๋อเป็นเสี่ยวอีสาน
รุสึกว่าได้ยินใครเอามาพูดในทีวีด้วยอ่า