1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
เครื่องปรุง
เครื่องปรุง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยชูกลิ่นและรสของอาหารให้โดดเด่นและมีรสกลมกล่อมมากขึ้น อย่างแรกที่อยากจะขอแนะนำ ก็คือ Truffle oil แม้ว่า Truffle oil จะมีส่วนประกอบสำคัญ คือน้ำมันมะกอกและเห็ดทรัฟเฟิลคุณภาพไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอันทรงคุณค่า และด้วยราคาที่พอจะจับต้องได้นี้ จึงเป็นที่นิยมใช้ของบรรดาเชฟชั้นนำทั่วโลก ราคาขายในต่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 25.75 $ - 39.00 $ ในขวดขนาด 8 OZ ความสำคัญของ เห็ดทรัฟเฟิลนั้น ไม่ได้อยู่ที่ราคาที่แพงแสนแพง หากแต่อยู่ที่คุณค่าของมันที่สูงค่ายิ่ง และเหตุที่มีราคาแพงเช่นนี้ ก็เนื่องจากว่า ความยากลำบากในการค้นหา เห็ดทรัฟเฟิลไม่สามารถที่จะเพาะได้ และการเก็บเห็ดชนิดนี้ยังต้องอาศัยประสาทที่ไวต่อการดมกลิ่นของหมูป่าตัวเมียอีกด้วย เห็ดชนิดนี้ขึ้นอยู่ใต้ดินและอาศัยอยู่กับรากของต้นไม้ เช่น Beech, Oak, Birch, Hazel ,Pine เห็ดทรัฟเฟิลมีหลายชนิด แต่ที่เป็นที่นิยมกันมาก ก็คือ Black Truffle จากฝรั่งเศส สเปน และ อิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดทรัฟเฟิลดำจาก เปริโกต์ ฝรั่งเศสได้รับความนิยมมากที่สุดWhite Truffle เป็นชนิดที่มีราคาแพงมากขึ้น พบมากในเขต Piedmont ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเรื่องของคุณภาพ และสามารถเก็บได้เฉพาะในช่วงเดือน ตุลาคม ถึงพฤศจิกายนเท่านั้น และสนนราคาอยู่ระหว่าง 1,350-2,700 เหรียญต่อปอนด์ และที่ได้รับการบันทึกว่าแพงที่สุดในโลก คือจากการประมูลที่โด่งดังเกรียวกราวไปทั่วโลก ในการประมูล ราชินีเห็ดทรัฟเฟิลขาว หรือ Queen Tarfuto ในราคา 330,000 เหรียญ ในปี 2007 และด้วยความพิเศษของรสและกลิ่นหอมที่แสนพิเศษนี้ มันจึงได้รับการขานนามว่า The Daimond of the kitchen Balsamic Venigar Balsamic เป็นน้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักกากองุ่นที่เหลือจากการทำไวน์ ต้มไฟอ่อนเป็นเวลานานเพื่อให้น้ำระเหยออกไป จากนั้นก็ต้มต่อไปให้ได้น้ำเชื่อม แล้วนำไปบ่มหรือ aged ในถังไม้หลากชนิดเช่น Chesnut, Acacia, Cherry, Oak ,Mulberry , Ash เพื่อให้ดูดซับกลิ่นของไม้ และแหล่งผลิตบัลซามิกที่ดีที่สุดมีสองแห่งคือ เมือง Modena และ Regio Emilia ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี ในแคว้น Emilia-Romagna โดยผลผลิตบัลซามิกของทั้งสองเมืองนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในนาม "Aceto Balsamico Tradizionale di Modena" และ "Aceto Balsamico Tradizionale di Reggio Emilia" ซึ่งทั้งสองเป็นการผลิตด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม Reggio Emila (Aceto Balsamico Tradizionale di Reggio Emilia) สามารถแบ่งแยกความแตกต่างของระยะเวลาการบ่มได้จากสี ดังนี้ ในระดับ Red Label ใช้เวลาบ่มอย่างน้อย 12 ปี ในระดับ Silver Label ใช้เวลาบ่มอย่างน้อย 18 ปี ในระดับ Gold Label ใช้เวลาบ่มอย่างน้อย 25 ปีหรือมากกว่า Modena (Aceto Balsamico Tradizionale di Modena ใช้ระบบที่แตกต่างออกไปในการบ่งชี้ระยะเวลาการบ่ม นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไม Balsamic ชนิดนี้ถึงมีราคาแพง และยิ่งบ่มนานเท่าไหร่ ราคาก็จะแพงมากขึ้นเท่านั้น สนนราคาขายทั่วไป ขนาด 100Ml ราคา 100-400 $ และมีชนิดบ่มนานพิเศษ เช่น 115-Years balsamic Venigar of Modena 3.5 OZ ราคา 595 $ และอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดีคือ Commercial Grade Balsamic ซึ่งมีกรรมวิธีไม่ยุงยาก คือหมักน้ำเชื่อมจากองุ่นในถังสแตนเลสเพื่อให้เกิดรสเปรี้ยวแล้วบรรจุขวดทันที บัลซามิกชนิดนี้จึงมีราคาถูก แต่รสชาติก็ดีและนำไปทำอาหารได้หลากหลาย เช่น ใช้หมักเนื้อ ทำซอส และโดยเฉพาะ ใช้ทำ Balsamic Vinaigrette
Create Date : 29 มกราคม 2552
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 8:28:47 น.
4 comments
Counter : 5597 Pageviews.
โดย: นู๋เอ้ (Olive-ay ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:56:41 น.
โดย: Pastel pied วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:35:53 น.
โดย: noonagist วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:31:12 น.
โดย: tinaach วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:9:01:00 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
Through my passion of cooking, I have been able to share wonderful recipes. I cook all dishes from the best fresh ingredients that I could find. Please remember, you should understand the nature of all ingredients , practice, patience and enthusiastic are the keys to make confident and successful in cooking. So I packed this weblog that is full of helpful guidelines for learning and experiencing. This weblog is a must for any cooking lovers.