ฟิสิกส์พื้นฐานที่ผู้นำเรือไปช่วยผลักดันน้ำต้องทราบ
เรือที่แล่นทวนน้ำไม่ได้อย่านำไปช่วยผลักดันน้ำเลยครับ
ก่อนอื่น ขอขอบพระคุณน้ำใจทุกท่านที่นำเรือไปช่วยผลักน้ำหรือที่กำลังคิดจะนำเรือไปช่วยผลักดันน้ำ ทั้งที่ต้องการค่าน้ำมันและไม่ต้องการค่าน้ำมัน มันเป็นภาพที่สวยงามมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพหนึ่ง แต่ก็อย่าให้ภาพฟองน้ำกระเซ็นแรงๆที่เรือมาทำให้รู้สึกว่าน้ำไหลเร็วขึ้นเลยครับ ทุกอย่างต้องมีหลักการของมัน
อยากให้รู้ว่า การขับดันน้ำด้วยเรือนี้ เค้าต้องการแค่ ใบพัด เรือเท่านั้น ดังนั้น ไม่ควรเอาอะไรหนักๆไปไว้ในเรือโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ท้องเรือกินน้ำลึกขึ้น เกิดเป็นแรงเสียดทานมากขึ้น ถ้าปล่อยให้วิ่งทวนน้ำก็จะวิ่งได้ช้าลงอีก ถ้าเอาเฉพาะกังหันจุ่มลงน้ำได้อย่างเดียวก็จะยิ่งดีมาก จะถอดกังหันออกมาใช้หรือจะใช้สลิงค์ยกตัวเรือให้ลอยขึ้น เหลือเพียงกังหันจุ่มลงน้ำก็ได้ครับ
นักคิดหลายท่านอาจมีข้อสงสัยว่า วิธีการนี้ช่วยได้ผลจริงหรือ หลายท่านมีการเขียนสมการคณิตศาสตร์และตัวเลขมาวิเคราะห์ น้ำไหลเร็วเท่าไหร่ เรือขับน้ำได้มากเท่าไหร่ หลายท่านอาจจะกำลังปวดหัวกับผลลัพท์ที่ได้ หลายท่านอาจอยากก้าวข้ามไปช่วยเหลือเลยไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพราะคิดว่าดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลย แต่ก่อนที่ท่านจะก้าวข้ามความปวดหัวเหล่านี้ ผมอยากให้ผู้หวังดีทุกท่าน ได้คิดง่ายๆอย่างงี้ว่า ถ้าเรือของท่านแล่นทวนน้ำไม่ได้ก็อย่าเอาไปช่วยเลยครับ
ใครจะหาว่าท่านใจดำก็ช่าง แต่ท่านทำดีที่สุดแล้ว เพราะเรือที่วิ่งทวนน้ำไม่ได้ เมื่อนำไปผูกเชือกๆย่อมตึงไปในทางตามน้ำใช่มั้ยครับ นั่นหละครับ คือภาระที่ท้องเรือต้องไปเสียดทานการไหลของน้ำหละ นอกจากมันจะไม่ช่วยให้น้ำไหลเร็วขึ้นแล้ว มันยังชะลอน้ำให้ไหลช้าลงด้วย! เป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย แถมหมดน้ำมันไปเปล่าประโยชน์ด้วย - -!
แต่เรือโดยส่วนใหญ่(ที่เห็น) ก็มีกำลังพอที่จะแล่นทวนน้ำได้อยู่แล้ว ดังนั้น ต่อมาที่จะต้องคิดกัน ก็คือตำแหน่งที่จัดวางเรือครับ จัดวางในตำแหน่งใดก็ได้ ที่จะทำให้เรือแล่นทวนน้ำได้ ดังนั้น พยายามอย่าเอาเรือไปต่อท้ายลำอื่นครับ
เพราะเรือที่ต่อท้ายคนอื่น อาจจะแล่นทวนน้ำไม่ได้ อาจเหมือนเรือแล่นอยู่กับที่ ไม่มีผลใดๆหรือมีผลน้อยมาก ดังนั้น เรือผู้หวังดีทุกลำควรมาเรียงหน้ากระดานกัน
แต่ถ้าจนหนทางจริงๆ แนะนำให้เว้นระยะให้ห่างจากเรือลำแรกออกมามากๆ มากแค่ไหนก็ตอบไม่ได้ ทราบแต่ว่ามากที่สุดได้ยิ่งดี เพราะมวลน้ำที่ขับมาจากเรือข้างหน้าจะยิ่งบานออก ความเร็วน้ำไหลจึงลดลง เป็นโอกาศอันดีที่จะเข้าไปช่วยขับน้ำ
เช่นเดียวกัน หากเรือเรียงหน้ากระดานกันเต็มความกว้างของแม่น้ำแล้ว เรือก็ไม่ควรต่อท้ายกันเหมือนเดิม
การเว้นระยะห่างจากเรือลำหน้ามากๆ ก็เป็นทางออกที่ดีเช่นเดิม เพราะแม้ว่าการเอาเรือมาเรียงหน้ากระดานกัน จะบีบให้มวลน้ำที่ขับออกมีความขนานกันยิ่งขึ้น ยากที่จะบานออกไปซ้าย-ขวา แต่มวลน้ำยังสามารถเฉียงลงด้านล่างได้อยู่ ทำให้น้ำไหลช้าลงได้ เป็นโอกาศอันดีที่จะเข้าไปช่วยขับน้ำเช่นเดิม
แต่หากเว้นห่างมามากมายแล้ว ก็ยังไม่สามารถแล่นทวนน้ำได้ เพราะทางต้นน้ำมีเรือมากมายซะจนผลักดันน้ำทั้งแม่น้ำไหลเร็วขึ้นได้จริง ซะจนเรือเราทวนน้ำไม่ได้ ก็ให้เอาเรือมาเก็บดีกว่า ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นชะลอน้ำแทนครับ อย่างไรก็ดี กระแสของน้ำนั้นเป็นสิ่งที่แทบจะเท่ากันตลอดสาย (หากไม่มีสายอื่นไหลแยกหรือไหลรวม) ดังนั้น หากทางท้ายน้ำมีเรือดันมากจนน้ำไหลเร็วได้จริง ก็ย่อมส่งผลให้ทางต้นน้ำไหลเร็วขึ้นได้เช่นกัน
อย่าคิดว่าเอาเรือไปแล่นที่คอขวดจะได้เป็นจ้าวแม่น้ำ ปกติน้ำที่ไหลตลอดสายหนึ่ง จะมีกระแสการไหลที่พอๆกัน ดังนั้น บริเวณที่แม่น้ำแคบเข้าไป น้ำย่อมแย่งกันเข้าไปไหล เป็นเหตุให้น้ำบริเวณนั้นไหลแรงยิ่งกว่าที่อื่น เรือที่เอาไปไว้จึงแล่นทวนน้ำได้ช้าลงหรือไม่ได้เลย
จึงควรหาที่ๆแม่น้ำกว้าง เพราะมันจะเป็นที่ๆน้ำไหลช้าที่สุด (แต่ก็ต้องดูความลึกด้วย) ในคอขวดนั้น ต่อให้นำเรือเข้าไปต่อแถวกัน 10 ลำ ก็ไม่มีผลเท่ากับการเอาเรือทั้ง 10 ลำนั้นมาเรียงหน้ากระดานกันในบริเวณที่แม่น้ำกว้างๆครับ ใครเรียนอิเล็กฯจะทราบว่า วงจรขนานจะมีกระแสไหลได้มากกว่าวงจรอนุกรม
แต่อย่างไรก็ดี น้ำเมื่อไหลออกมาจากคอขวดแล้ว จะมีสภาพเป็นลำที่ไหลแรงอยู่ จึงควรถอยให้ห่างออกมา (เหมือนถอยห่างจากท้ายเรือลำแรก) หรือไม่ก็แยกย้ายให้พ้นจากบริเวณที่น้ำไหลพุ่งมาจากคอขวดนั้นครับ
อนึ่ง กลางแม่น้ำปกติ(อาจ)ไหลแรงกว่าริมแม่น้ำเล็กน้อยอยู่แล้ว เนื่องจากแรงเสียดทานจากริมฝั่ง เรือจึงควรเน้นๆอยู่ที่ริมน้ำไปก่อนเช่นกัน
ในกรณีที่จำเป็นต้องห่างจากคอขวดไปเท่าๆกัน ทั้งต้นน้ำและท้ายน้ำ ควรเน้นหนักที่ต้นน้ำก่อน เพราะต้นน้ำก่อนเข้าคอขวดจะถูกบีบโฟกัสเข้าคอขวดด้วยกระแสที่พอๆกัน ไม่ได้มีสภาพเป็นลำเหมือนท้ายคอขวด
ในจุดที่แม่น้ำตื้นก็คล้ายกับคอขวด เพราะเป็นบริเวณที่น้ำไหลเร็วเช่นกัน ไม่สมควรจะนำเรือไปผลักครับ เรือจึงควรอยู่ที่ๆแม่น้ำกว้างและลึกด้วย
ในกรณีที่แม่น้ำไหลโค้ง หากไม่รู้ว่าจะเอาเรือไปไว้ฝั่งไหนของแม่น้ำดี ให้ดูว่าฝั่งไหนไหลช้าที่สุด ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ส่วนโค้งเส้นในจะไหลช้ากว่าส่วนโค้งเส้นนอกใช่มั้ยครับ หากงงว่าฝั่งไหนโค้งในฝั่งไหนโค้งนอก ให้ดูตามรูปนี้ครับ
รูปเรือที่กากบาทสีแดง ไม่ได้หมายความว่าห้ามเอาเรือไปไว้นะครับ มันเป็นตำแหน่งที่ได้ผลน้อย จึงควรเริ่มจากตำแหน่งที่เป็นเครื่องหมายถูกไปก่อน เมื่อมีเรือมาเพิ่มมากขึ้น จึงค่อยไปไว้ตรงรูปกากบาทสีแดงครับ
แต่ถ้าแม่น้ำมันแปรปรวนแบบว่า น้ำทะเลหนุนขึ้นมาทำให้แม่น้ำไหลย้อนกลับ หรือว่าตรงส่วนโค้งแม่น้ำ ฝั่งนึงมันไหลเข้า อีกฝั่งมันไหลออก(เคยได้ยินว่ามี) ก็คิดเอาง่ายๆอย่างงี้แล้วกันครับว่า เอาเรือไปผูกส่วนไหนของแม่น้ำ โดยหันหัวเรือไปทางที่น้ำท่วม (หันหลังให้ทะเล) ตรงไหนทำให้เชือกผูกเรือตึงที่สุด ก็ตรงนั้นหละครับ ดังนั้น หากฝั่งไหนน้ำไหลย้อนเข้าได้จริง ก็เอาเรือไว้ฝั่งนั้นหละครับ กรณีนี้เรือกำลังขับน้อยๆก็ช่วยได้ครับ (ไม่มีกำลังขับเลยยังช่วยได้)
รูปที่วาดมาทั้งหมด หมายถึงรูปที่ผูกยึดเรือเอาไว้แล้วนะครับ ดังนั้น ถ้าไม่มีที่ผูกเรือ ก็ไม่ต้องหวังดีด้วยการเอาเรือลงไปขับทวนน้ำเล่นแบบหลักลอย เพราะแรงเสียดทานท้องเรือกับแรงขับใบพัดจะเท่ากัน มันจึงไม่มีส่วนช่วยในการผลักดันน้ำเลยแม้แต่หยดเดียว ในทางกลับกันก็ไม่มีส่วนช่วยชะลอน้ำเช่นกัน แต่เปลืองน้ำมันเปล่าๆครับ
ถึงผู้มีอำนาจในประเทศ หากเชื่อว่าวิธีนี้แก้ปัญหาน้ำท่วมได้จริงๆ ก็ควรที่จะประดิษฐ์แต่กังหันไว้ตายตัวติดกันเป็นแผงในแม่น้ำเลยครับ เอาให้เต็มความกว้างและความลึกของแม่น้ำเลยยิ่งดี หรือหากกลัวกรีดขวางเรือก็อาจจะทำระบบยกกังหันขึ้น-ลง เหมือนประตูน้ำ หรือแยกซ้าย-ขวาก็ได้ เพราะนี่ไม่ใช่ปีแรกที่เราเอาเรือมาช่วยขับดันน้ำครับ
เพิ่มเติม หากแม่น้ำมีการแยกสาย ไม่ว่าปลายสายจะแยกไปลงทะเลต่างหาก หรือวกกลับเข้ามาเชื่อมต่อสายเดิม (คล้ายที่เกาะเกร็ด นนทฯ) ให้เอาเรือขับน้ำไปไว้ในคลองสายที่ไหลช้าที่สุดนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าสายไหนไหลช้ากว่ากัน
Create Date : 18 ตุลาคม 2554 |
|
8 comments |
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 15:34:15 น. |
Counter : 2371 Pageviews. |
|
|
|