ใครๆก็ไปเที่ยวแชงกรีลา(เต๋อชิง)
จากแชงกรีลาเราเดินทางต่อไปเต๋อชิงเพื่อไปดูธารน้ำแข็ง สำหรับเต๋อชิงเป็นเมืองที่อยู่ความสูง 3 พันกว่าเมตรเช่นกัน สูงกว่าจ๋งเตี้ยนนิดหน่อย เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขา ไม่มีพื้นที่ราบเหมือนจ๋งเตี้ยนทางเดียวที่จะไปได้ก็คือนั่งรถเข้าไป และปีหนึ่งเปิดให้เข้าไปได้แค่ 6 เดือนโดยประมาณ เพราะต้องนั่งรถผ่านภูเขาสูงหลายลูกต้องไต่ภูเขาสูงที่ระดับ 4 พันกว่าเมตร ช่วงหน้าหนาวหิมะจะตกจนรถไม่สามารถวิ่งได้ ใครที่วางแผนจะไปแชงกรีลา ผมแนะนำให้เดินทางช่วง พค.- ต้นตุลา เพราะจะได้เลยไปเที่ยวเต๋อชิงด้วย ไปชมธารน้ำแข็งหมิงหย่ง ซึ่งต้องขี่ล่อขึ้นภูเขาไป เป็นประสบการณืที่สนุกมากๆ ทิวทัศน์ระหว่างทางไปเต๋อชิง
รถจะวิ่งบนภูเขาตลอดทาง โดยมีหมู่บ้านเล็กอยู่ข้างล่าง
แวะถ่ายรูปโค้งเสี้ยวพระจันทร์
วันนี้เจ๊ผมอาการดีขึ้นมีรอยยิ้มให้เห็น
ที่เห็นอยู่ริบๆตรงไหล่เขาคือวัดตงจู่หลิน ซึ่งเป็นวัดทิเบตนิกายหมวกเหลือง
กุฏิของพวกลามะ
แล้วก็เดินทางต่อ
ระหว่างทางเจอถนนแบบนี้เล่นเอานั่งไม่ติด
สนกำลังเปลี่ยนสี
ถนนค่อนข้างโหด ต้องแวะให้ลงไปยืดเส้นยืดสายเป็นช่วงๆ
แล้วก็มาถึงเมืองเต๋อชิง เมืองในหุบเขา อยู่เมืองนี้ต้องเดินช้าๆ ระหว่างเดินเที่ยวผมต้องพกออกซิเจนกระป๋องติดตัวตลอดเวลา ไกด์จีนบอกว่าที่เมืองนี้มีคนไทยมาเที่ยวและตายเกือบทุกปีส่วนมากเป็นคนสูงอายุสาเหตุเพราะอากาศที่นี่เบาบางมาก อีกทั้งโรงพยาบาลที่นี่ก็ไม่ค่อยทันสมัย โรงแรมที่พักก็ไม่มีลิฟต์เพราะที่นี่ไฟดับบ่อย พวกเราได้ที่พักชั้นสาม เวลาเดินขึ้นบันไดต้องเดินขึ้นทีละก้าวและต้องหยุดพักหายใจตรงชั้นสองเกือบ 5 นาที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ได้ข่าวว่าบางโรงแรมเค้ามีเครื่องทำออกซิเจนติดตั้งไว้ที่ตรงเตียงนอนด้วย อยู่ที่นี่ผมกับเจ๊ตื่นเกือบทุกชม.เพราะหายใจไม่ค่อยสะดวกต้องเอาออกซิเจนกระป่องมาอัด แต่เพื่อนๆที่ไปด้วยเค้าไม่ค่อยเป็นกัน ก็คงแล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคน
เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาจริงๆ หน้าก็ภูเขา หลังก็ภูเขา
จักรเย็บรองเท้าโบราณดี
ที่เมืองนี้เจอลามะเยอะมาก
มีทั้งนิกายหมวกแดงหมวกเหลือง ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนปลอม
ชมตลาดของที่เมืองนี้
เช้าอีกวันเรานั่งรถไปดูธารน้ำแข็ง ที่เห็นเป็นตัวเมืองเต๋อชิง
นั่งรถไต่ความสูงมาเรื่อยๆ
แวะสักการะวัดเฟยไหลเฟิง ซึ่งตั้งอยู่หน้าหุบเหว
หนูน้อยจะไปโรงเรียน
หน้าวัดเฟยไหลเฟิง
ด้านข้างวัดเต็มไปด้วยธงมนต์
หมุนระฆังรอบวัด
ไหว้พระเสร็จก็ต้องเผาใบสนสดพื่อบูชาเทวดา
ลามะแบบนี้พบได้ทั่วไป บางท่านบอกว่าเป็นพระปลอม งดบริจาค
เจดีย์ระหว่างทาง
ที่เห็นคดเคี้ยวเป็นเส้นทางไปชมธารน้ำแข็ง ถนนเส้นนี้เป็นแบบนี้ตลอดทาง
ภูเขาแถบนี้เป็นหินไม่ค่อยมีต้นไม้ขึ้น
ที่เห็นข้างล่างเป็นแม่น้ำโขง
ไกด์จีนกับหนุ่มไทย กินกันไม่ขาด ฮาฮาฮา
แล้วก็มาถึงหมู่บ้านหมิงหย่ง
เบื้องหน้าคือธารน้ำแข็งที่จะไปชม
ต้องขี่ล่อขึ้นภูเขา
ต้องขี่ล่อไปตามทางเล็กแบบนี้ ปกติจะมีคนจูง แต่บางทีคนจูงล่อก็เดินเลยไปข้างหน้า
ตอนสวนกันต้องเก็บหัวเข่าให้ดีระวังจะชนกัน เพราะล่อเค้าเดินไม่หยุด
เตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยเพราะฝุ่นเยอะและบางทีก็เจอล่อผายลม
ขึ้นมาได้ครึ่งทางต้องหยุดให้ล่อพัก
ขึ้นภูเขามาสูงมากดูจากรูปข้างล่างคือจุดเริ่มต้น
คนจูงล่อของผม
ถึงแล้วธารน้ำแข็ง ต้องเดินขึ้นไปอีก
ตอนแรกนึกว่าล่อมันเหนื่อยจนชัก ที่ไหนได้มันคันหลัง
เห็นแล้วอดขำไม่ได้
จากจุดพักล่อ เราต้องเดินตอไปอีกประมาณครึ่งชม. ก็ได้สัมผัสธารน้ำแข็งหมิงหย่ง
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2554 10:22:23 น. |
Counter : 1592 Pageviews. |
|
|
|
ล่อเค้าเกาหลังกันรุนแรงนะคะ