|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
8 ธันวาคม 2549
|
|
|
|
Something Old, Something New, Something Borrowed, Something Blue, and a Silver Sixpence in Her Shoe
เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน ได้ไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับหนังสือ ในห้องเฉลิมไทยมา เค้ามาตั้งกระทู้เกี่ยวกับหนังสือแนว Chick-lit เล่มหนึ่งที่กำลังจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ (ถ้าไม่รู้ว่า Chick-lit เป็นยังไง ก็นึกถึง Bridget Jone's Diary)
ชื่อเรื่องว่า Something Borrowed เขียนโดย Emily Griffin
เรื่องย่อคร่าวๆที่คุณเจ้าของกระทู้เล่าก็ประมาณว่า สาววัยทำงานสองคนเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก คนหนึ่งสวยเก๋ ทันสมัย และมักจะมีโชคอยู่เสมอ อีกคนหน้าตาธรรมดา แต่หน้าที่การงานดี
แต่เรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรภาพระหว่างผู้หญิงธรรมดา กลับซ่อนเงื่อนแห่งความอิจฉาริษยากันไว้ลึกๆ
แล้วปมยังยุ่งเหยิงขึ้นไป เมื่อฝ่ายหนึ่งตระหนักได้ว่า คู่หมั้นหนุ่มของเพื่อนสนิทคือคนที่ตนตามหามานาน!
เข้าทำนองเพื่อนรักหักเหลี่ยมหฤโหด....
หฤโหดเพราะว่า จะเลือกมิตรภาพ(แฝงความริษยาเล็กน้อย) หรือ เลือก "The One" (ไม่ใช่นีโอ แห่งเมตริกซ์นะอย่าเอาไปปนกัน)
เอ๊ะ ไม่ใช่จะเล่าเรื่องหนังสือสักหน่อย
ที่จะล่าสู่กันฟังมัน เรื่องประโยคที่หนังสือเอามาใช้เป็นชื่อเรื่องต่างหาก
Something Borrowed เป็นภาคปฐมบท
แล้วก็มีภาคต่อของหนังสือ ชื่อว่า Something Blue
ทั้งสองชื่อนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ กลอนโบราณว่าด้วยสิ่งที่เจ้าสาวควรจะติดตัวไว้ในวันแต่งงาน เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
(เค้า)เชื่อกันว่า ถ้าเจ้าสาวมีสิ่งของดังกล่าวติดตัวในวันแต่งงานจะเป็นเหมือนเครื่องรางให้ชีวิตคู่มีแต่ความสุข
Something Old Something New Something Borrowed Something Blue And a Silver Sixpence in Her Shoe.
Something Old เปรียบเสมือนตัวแทนของความผูกพันที่ถ่ายทอดจากครอบครัวหนึ่งไปสู่ครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
Something Old ที่เจ้าสาวมักจะพกติดตัวกันก็มักจะเป็นสิ่งที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณแม่สู่คุณลูกสาว
Something New เปรียบเสมือนความหวัง และ อนาคตอันสดใสที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
Something Borrowed ชื่อก็บอกว่า ของที่ยืมมา แต่ไม่ใช่ให้ไปยืมแฟนใครมานะ แต่เป็นของที่หยิบยืมมาจากคนในครอบครัว หรือ คนใกล้ชิด ที่แต่งงานแล้ว (และชีวิตแต่งงานมีความสุข) เป็นนัยว่า โชคในเรื่องแต่งงานและครอบครัวจะได้ถ่ายทอดต่อมาสู่เจ้าสาว
และยังเป็นเครื่องเตือนใจเจ้าสาว ถึงมิตรภาพ และ กำลังใจจาก ญาติสนิทมิตรสหาย
ส่วน Something Blue นั้นคือของอะไรก็ได้ที่เป็นสีฟ้า
ทำไมต้องสีฟ้า?
เค้าเล่าว่า ในสมัยโรมัน เจ้าสาวจะใส่ชุดสีฟ้า เพราะสีฟ้าหมายถึง ความรัก ความถ่อมตัว และ ความซื่อตรง
นอกจากนั้น คริสเตียนมักจะแต่งรูปปั้นพระแม่มารีในชุดคลุมสีฟ้า ดังนั้น จึงว่ากันว่า สีฟ้ายังหมายถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้อีกนัยหนึ่งด้วย
อีกนัยหนึ่ง สีฟ้า ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขอีกด้วย อย่างเช่นนิทานเกี่ยวกับ นกสีฟ้า ที่ว่ากันว่า ใครเจอแล้วจะพบแต่ความสุข
And a Silver Sixpence in Her Shoe.
Sixpence คือ เหรียญเงิน มูลค่า หก เพนนี ในสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ไม่มีใช้กันแล้ว เหรียญ หกเพนนี เป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง และจะให้เจ้าสาวเอาใส่ไว้ในรองเท้าข้างซ้าย เพื่อความโชคดี
ซึ่งว่ากันว่า อาจจะมาจากประเพณีเก่าแก่ของชาวสก็อตที่มักจะให้เจ้าบ่าวเอาเหรียญหกเพนนีใส่ไว้ในรองเท้าบู๊ตเพื่อความโชคดี
ใครว่า ฝรั่งไม่เชื่อเรื่องโชคลาง ..... ขอเถียงขาดใจ เพราะ ถึงเดี๋ยวนี้ ประเพณี เครื่องรางติดตัวเจ้าสาวก็ยังใช้กันอยู่ แถมยังมีเว็บบอร์ด แลกเปลี่ยนไอเดียกันอีกว่า จะเอาอะไรเป็น Something blue ดี
ส่วนเหรียญหกเพนนี ถึงไม่มีใช้แล้ว แต่ก็สามารถซื้อออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นของเก่า หรือ ของเลียนแบบ
ใครใคร่เอาไปลองใช่ดูก็ส่งข่าวให้รู้บ้าง ว่าได้ผลจริงแท้แค่ไหน?...
แต่สงสัยคงต้องวัดกันเป็นสิบๆปีล่ะม้าง... ไม่รู้จะอยู่ทันดูผลหรือเปล่า
Create Date : 08 ธันวาคม 2549 |
|
3 comments |
Last Update : 8 ธันวาคม 2549 13:01:47 น. |
Counter : 2012 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: fonrin 8 ธันวาคม 2549 21:23:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: นะคะ IP: 58.64.88.121 22 มกราคม 2551 15:42:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
other places |
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
วิลเลียมส์ เชคสเปียร์ กวีเอกของโลกเคยบอกไว้ว่า Love Looks not with the eyes but the mind.
ใครสักคนเคยโพสต์ไว้ว่า We come to love not by finding a perfect person but by learning to see an imperfect person perfectly.
หว่องกาไวว่าไว้ในบทหนังว่า ความรักเป็นเรื่องของกาลเวลา จึงไร้ประโยชน์หากเราเจอคนที่ใช่ เร็วหรือช้าเกินไป
คนธรรมดาอย่างเรา ไม่เคยคิดประโยคเจ๋งๆเหล่านี้ได้ ได้แต่เก็บเกี่ยวมา แล้วเรียนรู้ สังเกตุ จดจำ และ พิสูจน์ว่า สิ่งที่เขาเหล่านั้นว่าไว้ มันจริงแท้แค่ไหน เราเชื่อว่า หนัง และ ละคร ล้วนสะท้อนชีวิตจริงๆ ไม่มากก็น้อย และสิ่งที่เกิดขึ้นในละคร ก็ไม่วายที่จะเกิดกับใครคนนึงที่มีตัวตนจริงๆบนโลกใบนี้
และสุดท้าย ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้างบน ท่านพี่ที่เราแสนจะรักและนับถือ ผู้เป็นคนพูดประโยคแสนจะจริง และอมตะนิรันด์กาลสำหรับเราเสมอ บอกไว้ว่า
ความรักมีอยู่ในทุกๆที่ .....
Love is all around
วันนี้คุณรักใครหรือยัง?
|
|
|