• ก่อนเวลาอาหาร มองหาเมนูดีๆ นั่งดูรูปภาพน่าทาน ค้นเจอการ์ตูนมาอ่าน มีเก้าอี้ใน blog ว่างให้นั่งลง•

<<
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 พฤศจิกายน 2550
 

Paris, je t’aime :: เรารักความรักที่ตรงไหน?

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



ในระยะหลังผมเริ่มรู้สึกว่าต่อมความสัมพันธ์ของตัวเองชักด้านชา
เพราะบ่อยครั้งไม่สามารถย่อยหนังรักที่ได้ดูให้กลายเป็นสารอาหารไปหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื่นได้

การนั่งดูหนังรักอยู่แต่กลับไม่เข้าใจในพฤติกรรมของตัวละครที่กำลังอินเลิฟไปตลอดทั้งเรื่อง มันฟังดูน่าเศร้าอยู่ในที(สองที)

ถ้าเราเปรียบหนังรักหนึ่งเรื่องว่าเป็นกระสุนปืนหนึ่งนัด การนั่งดูแล้วไม่เก็กในความหมาย ไม่ซาบซึ้งในความหวาน
และไม่ดื่มด่ำไปกับความรักก็น่าจะเปรียบเสมือนว่ากระสุนนัดนั้น...ยิงไม่ตรง(ใจ)เป้า
หรืออาจจะไม่เฉียดไปถูกจุดความทรงจำของคนดู ให้อารมณ์ร่วมได้ไหลออกมาจากปากบาดแผลระหว่างชม
ซึ่งถ้าเราเปรียบเช่นนี้... Paris, je t’aime ก็คงจะเป็นปืนพกที่โหลดกระสุนเอาไว้ 18 นัดเต็ม(เกินจำนวนรูของ)รังเพลิง

ดังนั้นเมื่อเราปลดเซฟตี้ออกแล้วลั่นไก Paris, je t’aime กระสุนทั้ง 18 นัดหรือหนังรักสั้นๆเคล้ากรุงปารีสทั้ง 18 เรื่อง ก็จะถูกยิงใส่คนดูไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพ่งเล็งจุดตายทุกจุดที่เป็นไปได้
และไม่ปราณีต่อทั้งคนที่กำลังมีความรัก ยังไม่มีในตอนนี้ และยังไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต
หนัง18 เรื่อง สาดไปใส่แง่มุมมองความรัก 18 แง่ ผ่าน 18 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองที่เขาว่ากันว่าโรแมนติกที่สุดในโลก
เรียกว่าไม่ว่าเราจะเคยมี ไม่มี หรือกำลังมีความรักในแง่มุมไหนมา ใน 18 นัดนี้มันต้องโดนเข้าสักนัด สองนัด หรือหลายนัดแหละน่าที่เข้าเป้า

ก็อย่างที่บอกไปว่าช่วงนี้ผมกำลังด้านชา แต่ถึงกระนั้นแง่มุมอันหลากหลายของหนัง
ก็ยังไม่วายค้นหาความรักที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผมหรือคนดูไม่ได้ด้านชาต่อการตกหลุมรักเคยสัมผัส
แล้วนำมาพาดพิงถึงให้ได้คันยุกยิกที่ความรู้สึก เราลองมาไล่ดูตัวอย่างของความรักในแต่ละแห่งความหมายในกรุงปารีสกัน


+ Montmartre โดย Bruno Podalydes +

+ เรารักความรักตรงที่มันมักมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆในเวลาที่เรากำลังต้องการ และขี้เล่นพอจะให้เราต้องออกตามค้นหา +


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


เรื่องราวของชายหนุ่มที่วนหาที่จอดรถอยู่นาน แต่ที่พอได้จอดกลับเอาแต่นั่งบ่นถึงความขาดแคลนความสัมพันธ์ของตนอยู่บนรถ
ความเหงาเงียบๆที่ส่งผลให้ต้องบ่นออกมาดังๆนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากสาวสวยที่เข็นรถเข็นเด็กเดินเฉียด
สาวรุ่นที่อุ้มท้องกับชายอื่นเดินสวน และคู่รักที่กอดกันกลมเคลื่อนผ่าน
แต่ในก่อนที่ความน่ารันทดกำลังจะกลายพันธุ์กลายเป็นความน่าสมเพชในชีวิต ก็มีหญิงสาวเป็นลมล้มพับไปข้างรถของเขา
ชายหลายคนรุมเข้ามาช่วย แต่ทั้งหมดเข้าใจผิดว่าหญิงสาวคนนั้นคือภรรยาของชายขี้เหงาเจ้าของรถ

โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามกับความเหงาในชั้นบรรยากาศทำปฏิกิริยาทางเคมีกันในสมองของชายหนุ่ม
และหลั่งสารที่มีส่งผลให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนชายหนุ่มไม่เอ่ยปากเถียง...ว่าหล่อนไม่ใช่ภรรยาของเขา (เอาน่า! เค้าว่าใช่ก็ใช่ เอ้า!)
ว่าแล้วเขาก็พยุงเธอไปนอนที่เบาะหลัง จนเมื่อเธอตื่นขึ้นและพูดคุยกัน เธอกล่าวขอบคุณพลางบอกกับเขาว่า เธอมีธุระค้างคาต้องขอตัว

แต่ก็อย่างที่บอกว่าเมื่อเคมีของความเหงาที่กลั่นตัวกับโอกาสมันหล่นตุ้บลงบนตักขนาดนี้ มีหรือที่ชายหนุ่มจะไม่คว้ามันมากอดไว้
เพื่อใช้มันเป็นพาหนะขับหนีออกไปจากความเหงาที่เกิดจากการนั่งอยู่ในรถเพียงลำพัง ว่าแล้วเขาก็เอ่ยปากอาสากับเธอว่า... ... ...


+ Le Marais โดย Gus van Sant +

+ เรารักความรักตรงที่มันไม่เคยเลือกปฏิบัติกับใคร...ในการมอบความโรแมนติกให้ +


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


หลายคนดูเรื่องรักสั้นๆนี้แล้วคิดออกแต่ความสองแง่สองง่ามเมื่อเห็นภาพชายหนุ่มหุ่นสะองพยายามชวนคุยกับชายหนุ่มอีกคน
บางคนก็คิดถึงแต่แง่ลบของเกย์หนุ่มที่ลงมือทำอะไรประเจิดประเจ้อกลางที่ทำงาน หรือบางคนก็ยิ่งกว่านั้น...กดข้ามไปเลยไม่ดู...

ส่วนผมดูแล้วไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มทั้งสองในเรื่องตกลงเป็นเกย์ไหม?...แต่ความรู้สึกเอียงเอ็นไปว่าน่าจะใช่
และถ้าใช่ เรื่องรักสั้นๆเกี่ยวกับเกย์หนุ่ม(คนผมยาว)ที่พยายามชวนผู้ชายอีกคนนึงคุย และนัดแนะไปพบเจอกันภายหลังเรื่องนี้
มันช่างโรแมนติกดีเหลือเกิน เกย์คนที่เอ่ยปากชวนแสดงท่าทีได้น่ารักเวลาเขินอายในการชวน แอบอ้างประเด็นเหมือนเวลาหญิงชายคุยกัน
ทั้งแบบสูตรสำเร็จว่า “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” และสูตรใครก็สูตรใครที่เขา(หรือเธอ)พูดไปก็เขินไปตลอดทั้งเรื่อง
ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เงียบนิ่งแทบจะตลอด สร้างความลำบากใจให้กับคนชวนและคนดูที่เอาใจช่วยอยู่แบบเป็นกังวลอยู่ว่า
...บางทีหมอนี่อาจไม่ใช่เกย์...และถ้าไม่ใช่ เกย์หนุ่มอัธยาศัยดีที่เราแอบเชียร์คนนั้นก็คงจะต้องอกหัก ม่ายยยยน้าาาา!!!

โปรดสังเกตตอนจบของเรื่องนี้ให้ดี
ความหมายแฝงของมันสามารถสร้างความโรแมนติกได้ไม่แพ้ความเขินอายในการจีบของเกย์หนุ่มน่าใสในก่อนหน้า
และน่ารักไม่แพ้ความรักของคู่รักคู่อื่นใด...ไม่แพ้แม้แต่ความน่ารักของคู่รักระหว่างหญิงกับชาย


+ Quais de Seine ของ Gurinder Chadha +

+ เรารักความรักตรงที่มันขโมยซีนความรู้สึกของเราออกไปจากทุกความแตกแยกและแตกต่าง +


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


มองจังหวะแรก เรื่องรักสั้นๆเรื่องนี้เหมือนหนังวัยรุ่นเกรดบีที่มีสามเกลอปากเสียนั่งแซวสาวที่เดินผ่านไปผ่านมา
โดยที่พวกเขาเชื่อว่าการแซวอันหยาบโลนที่กำลังลงมือ(ปาก)ทำอยู่นี้ คือวิธีที่จะเข้าถึงหัวใจของหญิงสาวที่ถูกทาง
แต่แน่นอนว่าการแซวกางเกงในของผู้หญิงแปลกหน้ามันไม่ได้ช่วยให้เข้าถึงหัวใจของเธออย่างแน่นอน
ไม่...แม้แต่จะช่วยให้เข้าถึงกางเกงในตัวที่ว่าของเธอแบบแค่ฉาบฉวยด้วยซ้ำไป

ความช่างคิดอยู่ตรงที่หนังมีที่มีฉากหลังบังคับว่าต้องเป็นกรุงปารีสเรื่องนี้...มีสาวหลากเชื้อชาติเดินกันให้เกลื่อนจอ
ทั้งสาวฝรั่งเศสเจ้าถิ่น สาวไทยผิวเหลืองใจเด็ด สาวนิโกรผิดสีปากร้าย(ไม่แพ้ใคร) และสาวมุสลิมผิวสวยคมเข้ม

และถึงแม้ว่าหนังจะอุดมไปด้วยความต่างของเชื้อชาติ
แต่เมื่อเอาเข้าจริง เหตุผลที่ทั้งสามหนุ่มจีบสาวไม่ติด มันไม่ได้เกี่ยวกับความต่างทางด้านวัฒนธรรม ศาสนา หรือภูมิประเทศเลย
เพราะตัวปุ๋ยของต้นแห้วที่ทั้งสามกินกันอร่อยปากก็คือการขาดความเข้าใจในผู้หญิงเท่านั้นเอง
มันเป็นความไม่เข้าใจในความต้องการของเพศตรงข้ามที่เกิดขึ้น โดยได้ไม่เกี่ยงความต่างชนิดอื่น ยกเว้นแค่ตัวความต่างของเพศที่ว่าเท่านั้น

ฉะนั้นเมื่อพระเอกหนึ่งในสามเข้าจีบสาวมุสลิม เขาแสดงให้เราเห็นเลยว่าเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเธอต้องโพกผ้าคลุม
เธอมีผมที่ยาวสาวขนาดนี้แท้ๆทำไมไม่โชว์...ชายหนุ่มงงพลางเสียดายแทน แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเกี่ยวกับข้อจำกัดทางศาสนา
เธอแค่พูดให้เขาฟังถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงคนนึงว่า บางครั้งเธอก็ชอบที่จะปล่อยให้ผมออกมาวิ่งเล่นนอกผ้าคลุมบ้างเหมือนกัน
แม้ว่าหลังจากคุยกันไปได้สักพักเธอจะขอตัวไปสุหม่าเพื่อสวดมนต์ โดยชายหนุ่มเลือกที่จะไปยืนรอที่ด้านหน้ารอ
จนพบเธอเดินออกมาพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ชาวมุสลิม เมื่อชายหนุ่มเผชิญหน้ากับชายแก่ บรรยากาศโดยรวมดูเหมือนจะมีการกีดกันเกิดขึ้น
แต่สิ่งที่หนังพูดถึงและสิ่งที่ทั้งสองแสดงออก กลับมีแค่เรื่องราวของชายหญิงคู่นึงที่กำลังรับมือกับความรักแรกพบ (และพบญาติผู้ใหญ่แบบไม่ทันได้ตั้งตัว)
โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเข้ามาก่อกวนการก้าวไปสู่การเป็นคู่รัก...มากไปกว่าแค่การเข้าให้ถึงความต้องการของเพศตรงข้ามให้ได้เท่านั้นเอง...

มันไม่ได้มีปัจจัยอะไรมากมายที่จะมีน้ำหนักและส่งผลอย่างที่เราคิด
ปัจจัย “เดียว” ที่มีน้ำหนักท่ามกลางความรู้สึกตกหลุมรักนั้นคือ การที่เรายังเข้าใจอีกฝ่ายไม่เพียงพอ


+ Tour Eiffel ของ Sylvain Chomet +

+ เรารักความรักตรงที่แม้เมื่อมันจะเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของคนในสังคม แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นแค่เรื่องระหว่างเรา +


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


นี่เป็นเรื่องรักที่พาลให้ผมอมยิ้มบ่อยครั้งที่สุดในทั้งหมด 18 เรื่อง เพราะมันเป็นเรื่องราวความรักของ...ตัวตลกใบ้...
และเป็นตัวตลกใบ้ที่มีโลกส่วนตัวสูงถึงขนาดที่ว่า เขาใบ้ แสดงออกต่อการใช้ชีวิต และมองเห็นโลกผ่านการแสดงตลกใบ้ตลอดเวลา
เขาตื่นนอนและเตรียมตัวก่อนออกจากบ้านกับอากาศในแบบละครใบ้ เขามองเห็นรถที่เขาขับในขณะที่คนอื่นเห็นแค่เขาเดินเร็วขึ้นเท่านั้น
เขาอ่านหนังสือพิมพ์ จ่ายเงินค่าทิปเด็กเสิร์ฟ ด้วยการแสดงออกว่าทำ (เหมือนเวลาตลกใบ้ชอบจับอากาศแล้วทำท่าว่ามันมีกระจกขวาง)
โดยที่มันไม่มีทั้งหนังสือพิมพ์อยู่ในมือและไม่มีเศษเหรียญตกจากมือของเขาด้วยเช่นกัน

และโลกส่วนตัวเงียบๆแต่สนุกสนานนี้เอง ที่ตัดเขาออกจากโลกแห่งความเป็นจริงที่จะเอื้อให้เขาได้รู้จักกับความรักกับผู้คนทั่วไป
ตัวตลกใดอะไร เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของคนที่รักจะเป็นตัวของตัวเอง
และถ้าเมื่อไหร่เขาคิดจะได้แชร์ชีวิตกับใครสักคน เขาก็อาจจะอยากแชร์ในขณะที่เขายังเป็นตัวเขาเอง
มันต้องมีสิน่า! โอกาส เวลา และสถานที่ที่จะเอื้ออำนวยให้เราได้พบกับความรักโดยที่เรายังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนอื่น

เหมือนกับที่เด็กน้อย(ลูกของตลกใบ้)ที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวในหนังบอกกับเรา ว่า “พ่อกับแม่ของเขารู้จักกันในคุก”


+ 14th arrondissement +

+ เรารักความรักตรงที่ความประหลาดใจที่มันขยันนำมาแอบให้...ความประหลาดใจที่บางคนเรียกมันว่าสีสันของความรัก +


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


อย่างที่บอกว่า(เป็นครั้งที่ 3)ว่าช่วงนี้ผมหัวใจด้านชา แต่ก็อย่างที่ผมบอก(เป็นครั้งที่ 2)อีกเช่นกันว่า...
ไม่ว่าใคร ถ้าลองได้เจอสาดกระสุนใส่ที 18 เม็ดต่อเนื่อง ต่อให้หลบเก่งเป็นเดอะวันมาจากไหนก็ต้องโดนเข้าสักนัด(หรือเข้าสักวัน)
สำหรับอารมณ์ของผมในตอนนี้ 14th arrondissement คือหนังที่เล่นเอาผมเลือดไหลไม่ยอมหยุด

หนังเล่าถึงหญิงสาวร่างอ้วนวัยกลางคนที่เหมือนจะรู้ความต้องการของตัวเองเป็นอย่างดี
เธอไล่ทำตามสิ่งที่ใจต้องการนั่นคือการมาท่องเที่ยวที่ปารีส ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เรียนภาษาฝรั่งเศสและออกเดินทาง
เธอเดินเที่ยวไปตามสถานที่สำคัญๆ ดื่มด่ำไปกับการเดินเล่นบนถนนเล็กๆ และค้นพบว่าตัวเองนอกใจตัวเธอเองไปซะอย่างนั้น(?)

ผมเคยคิดเสมอว่า เมื่ออายุมากๆเข้าจะเดินทางไปจบชีวิตเงียบๆในต่างแดนเพียงลำพัง
มันอาจจะฟังดูเหงาและเข้าใจยากไปสักหน่อย แต่นี่เป็นความโรแมนติกที่ผมคิดจะทำ...ให้กับความรักที่ผมมีต่อตัวผมเอง...
ใครบ้างไม่รักตัวเอง? และการทำตามใจตัวเองเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง
ก็ไม่ต่างอะไรกับการดูแลคนที่เรารักเพื่อให้เขามีความสุขแล้วเรามีความสุขตามไปด้วย

ผู้หญิงในเรื่องนี้ก็เหมือนกับแผนการล่วงหน้าของผม เธอรักตัวเองและพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ตัวเองมีความสุข
บรรยากาศภายในหนังคลอไปด้วยความเรียบง่าย ไม่โอ้อวด และไม่ฟูมฟายแต่น่าอยู่ของกรุงปารีสในใจของตัวละคร
จนเมื่อเธอได้ลองทำความรู้จักมักจี่ สนิทสนม และใช้ชีวิตร่วมกับปารีสแล้ว เธอก็ค้นพบว่าเธอได้พบเจอกับความรักใหม่ในต่างแดน

ไม่ใช่กับคนอื่น ไม่ใช่กับตัวเอง แต่เธอพบรักกับทุกสิ่งที่อยู่รอบกายเธอ...ทุกสิ่งที่แผนที่ระบุว่ามันมีชื่อว่า “ปารีส”
(รักตัวเองมาทั้งชีวิตแล้ว ก่อนตายขอนอกใจสักครั้งจะเป็นไรไป ^^)


ถ้าจะพูดถึงหมดทั้ง 18 เรื่องมีหวังทืวแถวของตัวอักษรยาวเป็นหางว่าวสองตัวผูกติดกัน
จึงขอพูดถึงแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ ทั้งนี้...เพราะอีกเหตุผลหนึ่งที่เราหลงรักความรักก็อยู่ตรงที่มันเป็นเรื่องที่ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง

ถ้าหลบกระสุนไม่พ้น...ยอมโดนยิงจนพรุนก็สนุกไม่แพ้กันครับ



ภาคผนวก :: หลักฐานแก้ต่างให้กับตัวละครหญิงในเรื่อง 14th arrondissement ที่นอกใจตัวเอง
ลองดูหน้าตาในแต่ละมุมมองและทรงผมของกรุงปารีสด้วยตาของคุณเอง
แล้วพยายามทำความเข้าใจจิตใจ ยกโทษให้ และยอมรับในการตัดสินใจของเธอ
(หรืออาจจะของผมในอนาคต หรืออาจจะของคุณหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้)


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2550
8 comments
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 11:57:32 น.
Counter : 494 Pageviews.

 
 
 
 
ชอบ
 
 

โดย: มีอมยิ้ม วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:33:09 น.  

 
 
 
ยังไม่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เลย เพราะแถวบ้าน ไม่มีโรงหนังไหนเอาเรื่องนี้มาฉาย ( คงอยู่หลังเขาไปหน่อย )
ชอบนะครับ ความรักในหลากหลายรูปแบบ
 
 

โดย: แคปซูลสีฟ้า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:41:16 น.  

 
 
 
ผมไม่ค่อยรู้จักหนังเรื่องนี้ซักเท่าไหร่นะ

จนกระทั่งเมื่อวาน พี่ที่ทำงานเปิดหนังสือ(ของผม)แล้วชี้ให้ผมดู

"เฮ้ย เรื่องนี้ไงที่พี่บอกจำได้ไหม ที่บอกว่าอยากดูแต่ไม่รู้ว่าฉายที่ไหน"

"อ๋อๆ จำได้ๆ"------จริงๆ แล้วจำได้เลือนลางเต็มที

"ออกเป็นแผ่นแล้วเหรอ ต้องไปซื้อหน่อยแล้ว ขายที่ไหนบ้างเนี่ย"

"อ๋อ ที่แมงป่อง ไปหาซื้อดีกว่า"----- พี่เค้าถามเอง แล้วก็ตอบตัวเองตามที่หนังสือบอก 555+

>>> ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าจะพิมพ์บทสนทนานี่ทำไม 555+ ออนึกออกแล้ว...ผมแค่อยากจะบอกว่า มันมี VCD กับ DVD ออกแล้ว ที่แมงป่อง ครับ

>>> ใช่ที่นาตาลี พอร์ทแมนเล่นด้วยหรือเปล่าครับ ถ้าคนละเรื่องกันนี่ผมร่ายมายาว...อายตายเลย 555+
 
 

โดย: นายอร วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:4:58:53 น.  

 
 
 
เรื่องที่พระเอกผิวสีโดนแทงตาย
ดูแล้วเศร้าเลย คนที่ทำงานกะนางเอกนึกว่านางเอกทำงานครั้งแรกแล้วร้องไห้เพราะเห็นคนตาย
แต่จริงๆนางเอกเสียใจที่ไม่ได้กินกาแฟกับพระเอก
อุตสาห์ให้คนไปซื้อมา ก้อไม่ทัน
(พระเอกก้อเสียใจเพราะชวนตั้งหลายครั้งนางเอกไม่รู้เรื่อง)
เราเลยได้ข้อคิดว่า ถ้าจะกินกาแฟ ก็รีบๆไปชงกินซะ (ก่อนที่จะหลับ ในเวลางาน)

นี่ขนาดเรื่องเศร้ายังคิดเป็นเรื่องกินเลย

 
 

โดย: amoderndog (amoderndog ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:58:13 น.  

 
 
 
ชอบหลายๆตอน เกือบทุกตอนเลยแหละ
ที่ไม่ชอบที่สุดคงเป็นตอนของดอยล์ ไม่เข้าใจๆ
 
 

โดย: ปอ IP: 124.121.163.231 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:18:39 น.  

 
 
 
พูดตอบพี่แคป(ซูลสีฟ้า)
ตอนหนังเรื่องนี้เข้าโรงฯฉาย ผมก็ไม่มีโอกาสได้ไปดูเหมือนกันครับ
บ้านอยู่ปทุมฯไม่มีรอบเข้าถึงเลย มาได้ดูตอน DVD นี่เอง
แต่ธรรมชาติของหนังรักก็มีข้อดีตรงที่ว่า ไม่ต้องเพิ่งบรรยากาศในโรงฯมากแบบหนังแอ็คชั่น
ดูเงียบๆในห้องนอนก็อินได้ไม่แพ้กัน
(ยิ่งพี่แคปที่มีแฟนให้คิดถึงด้วย ถ้าได้เจอตัวก็จับมานั่งดูด้วยกันเลยนะครับ!)

ไม่ต้องเขินไปครับนายอร
Paris, je t’aime อันนี้ใช่อันเดียวกับที่คุณเข้าใจเลย
ถ้ามีโอกาสลองไปหามาดูนะครับ ดูแล้วชอบก็ดีไป
ไม่ชอบ...ก็คิดซะว่าซื้อ 1 แถม 18 ก็แล้วกัน 555+

น้ำตาจะตกเพราะคุณ amoderndog
ที่ผมไม่หยิบตอนของชายผิวดำผู้น่าสงสารมาพูด ก็เพราะกลัวจะย้อนกลับไปคิดนี่แหละครับ
ผมว่าตอนนี้เศร้าที่สุดแล้วในทั้งหมด 18 เรื่อง เศร้ากว่าตอนของคุณแม่ที่เสียลูกชายอีก
ว่าแล้วผมเลยตัดสินใจไม่หยิบมาพูดถึง เพราะกลัวจะสะเทือนใจ(ตัวเอง)...แล้วคุณก็...
(555+ ล้อเล่นน่ะครับ)

ปอๆ(กระซิบ)...พี่ความรู้น้อย ดอยล์นี่ใครอ่ะ?...
 
 

โดย: จื้อหยวนเสีย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:24:41 น.  

 
 
 
กร๊ากกกก เอางั้นจริงอ่ะ
ตอนไหนที่พี่ดูแล้วงงสุดอ่ะ นั่นแหละ ตอนของดอยล์
(อืมม แต่พี่อาจจะงงตอนอื่นวุ้ย)

คริสโตเฟอร์ ดอยล์อ่ะพี่ ที่แบบว่า ... มีผู้ชายแก่ๆ หลงไปอยู่ย่านเอเชีย ที่เต้นระบำกันอ่ะ เอิ๊กๆ

 
 

โดย: ปอ IP: 124.121.166.122 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:04:16 น.  

 
 
 
ตอนของดอยล์ กล่าวถึงอานุภาพของความรัก ที่กล่อมเกลาให้ชีวิตเรานุ่มนวลขึ้น ผู้กำกับเปรียบความรักกับแชมพูสูตรพิเศษที่ใช้กับเส้นผมหยาบกร้านของคนเอเชีย (ความหยาบกระด้างที่สื่อผ่านกังฟูเตะต่อย) คุณจะหาว่าผมบ้าหรือเปล่าน่ะที่ผมชอบตอนนี้เอามากๆ
 
 

โดย: beerled IP: 203.154.187.186 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:56:36 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

จื้อหยวนเสีย
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add จื้อหยวนเสีย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com