|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
ท่านอำมาตสหบาลและข้าราชบริพารที่รอดชีวิตแบกพระวรกายอันบอบช้ำปางตายของพระโอรสมาถึงลานประหารก่อนเวลาที่กำหนดพระนางเนตรอัคคีและผู้ต้องขังนางอื่นถูกนำตัวออกมาจากคุกเพื่อเป็นสักขีพยาน พระนางทรงทรุดพระองค์ลงในพริบตาที่รู้ชะตากรรมของพระโอรส ทรงอ้อนวอนท้าวขัณฑุมารทั้งยังให้คำสัตย์สาบานว่าจะยอมอยู่ภายใต้พระราชอำนาจและไม่อาฆาตพยาบาทตราบจนขีวิตจะหาไม่ แต่ทว่า พระราชดำรัสเลื่อนลอยก็ไม่เกิดผล พระนางจึงทรงควักพระเนตรทั้งสองข้างซึ่งเป็นอาวุธตาไฟประจำองค์ถวายแด่พญายักษ์เพื่อแลกกับชีวิตของชาวอสุรนคร พระโอรสทัณฑสาร และพระธิดาวิมานมาศ
ท้าวขัณฑุมารยังไม่วางพระทัย รับสั่งว่าดวงตาของพระนางแลกได้แค่ “หนึ่งชีวิต” ทำให้น้ำพระเนตรของผู้เป็นมารดาไหลออกมาเป็นโลหิตจนเกิดความเวทนาขึ้นในใจของแม่ทัพยักษ์ใหญ่บางตน ชีวิตของราษฎร พระโอรสที่บาดเจ็บสาหัส และพระมารดาตาบอดไม่มีค่าพอจะต่อรองกับท้าวขัณฑุมาร ดังนั้น พระธิดาวิมานมาศจึงทรงขันอาสารับหน้าที่อันสำคัญ อำมาตสุกีคลายเชือกที่พันธนาการตัวประกัน แล้วในที่สุด พระชมน์ชีพของพระธิดามนุษย์ก็ดับวูบลงเมื่อสิ้นสุดคำกล่าวอธิษฐานต่อแหวนทิพย์พระฤาษีมหัตธาปรากฏกายออกมาประกาศก้องพร้อมทั้งสำแดงปาฏิหาริย์เป็นแสงสีทองทั่วท้องฟ้าราวกับวาจาสิทธิ์ “บัดนี้ เราขอเป็นพยาน”
“คำสาปแช่งขององค์เหนือหัวแห่งอสุรนครต่อท้าวขัณฑุมารได้สลายไปจนสิ้นแล้ว”
แหวนทิพย์ลอยกลับคืนมาสู่พระฤาษีซึ่งแสดงร่างที่แท้จริงว่าพระองค์คือพระอินทร์ผู้ประทาน “ไตรทิพย์” ของวิเศษสามประการเพื่อช่วยพระธิดาผู้อาภัพ องค์อินทร์ทรงประทับอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วจึงเสด็จกลับสู่สวรรค์ ปล่อยให้ท้าวขัณฑุมารรรับผลของการกระทำตามสมควร
พระอินทร์ทรงเปล่งถ้อย เป็นพยาน คำแช่งชักขัณฑุมาร เสื่อมพ้น ดังมาศกล่าวอธิษฐาน มอบก่อน วายปราณ ทิพย์จึ่งลอยคืนต้น สู่เจ้า องค์อินทร์
พระโอรสอินทกานต์ทรงเป็นอิสระจากพันธนาการขององค์อินทร์หลังจากนั้นไม่นาน
ครั้นเสด็จถึงนครขัณฑุมาร ความพินาศของชาวอสุรนคร ณ ลานประหาร ก็ทำให้เสียพระทัยเป็นอย่างมาก พระวรกายแน่นิ่งของพระธิดาที่ทรงเอ็นดูหนักหนาทำให้เจ็บแค้นในพระทัยยิ่งนัก ฉับพลันนั้น ท้าวขัณฑุมารทรงรีบรับสั่งให้ไพร่พลยักษ์โจมตีพระโอรสอินทกานต์ทันทีด้วยเกรงกลัวอันตรายจากศรวิเศษ!!
พระโอรสอินทกานต์ทรงแผลงศรขึ้นฟ้าบันดาลฝนทิพย์ป้องกันไฟประลัยกัลป์เพื่อคุ้มครองชาวอสุรนครที่กำลังเคลื่อนย้ายพระศพ และนำเสด็จพระโอรส พระนางเนตรอัคคีไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัย จากนั้น ท้าวครุฑราชและท่านอำมาตสหบาลก็ตามมาช่วยพระองค์จัดการกับเหล่าแม่ทัพยักษ์ร้าย พระโอรสทรงมีพระเวทย์ป้องกันองค์เหนือกว่าท้าวขัณฑุมาร ทรงชำนาญการต่อสู้ระยะไกลโดยใช้ศร ทั้งยังถนัดการต่อสู้ระยะประชิดโดยใช้ดาบและกริชราวกับว่าไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ ด้วยเหตุนี้ บรรดาแม่ทัพยักษ์ใหญ่ผู้ชำนาญการศึกจึงเริ่มเอาใจออกห่างจากพญายักษ์ผู้ไร้ปราณี แม้แต่สตรีตาบอดที่ร้องขอชีวิตลูกบุญธรรมก็ยังมิละเว้น
ท้าวขัณฑุมารเฉือนปลายดาบเข้าที่หลังของพระโอรสอินทกานต์ในจังหวะที่ทรงโผเข้าช่วยท่านอำมาต และยังใช้โอกาสนี้เสกไฟประลัยกัลป์ตามไปหวังจะเผาให้สิ้น เป็นเหตุให้แม่ทัพยักษ์ตนหนึ่งของพระองค์ถึงแก่ความตายอย่างน่าสลดใจ
“ท้าวขัณฑุมาร!!”
“เรายอมอยู่ใต้อำนาจของท่าน แล้วยังจะฆ่าเราอีกอย่างนั้นเรอะ!!”“เราขอสาปแช่งท่านนนนน....!!”เสียงสาปแช่งอย่างเคียดแค้นจากพวกเดียวกันสะเทือนเลื่อนลั่นก่อนจะหายไปพร้อมกับร่างที่หมอดไหม้กลายเป็นฝุ่นเถ้า
การต่อสู้ชะงักไปทันใด เหล่ายักษ์เริ่มแตกแยกแบ่งเป็นฝักฝ่าย บ้างก็หลบหนี บ้างก็หันมาสนับสนุนพระโอรสมนุษย์ผู้ชาญชัย บ้างก็โหดร้ายเสมอกันกับท้าวขัณฑุมารจึงยังหลงผิดคิดชั่ว พระโอรสอินทกานต์ทรงมีโอกาสในเสี้ยววินาทีนั้น!! และแล้ว.. ศรพิฆาตก็ถูกชัดออกไปตรึงพญายักษ์ผู้โหดร้ายไว้กับเสาไม้ที่ใช้มัดพระธิดาวิมานมาศ ไฟประลัยกัลป์ที่ทรงพ่นออกไปในระหว่างนั้นถูกศรพิฆาตสะท้อนกลับสู่พระวรกาย ท้าวขัณฑุมารทรงร้องโหยหวนกระทั่งสิ้นพระชนม์ด้วยความทรมานอย่างน่าสยดสยอง
หลังจากนั้น อำมาตยักษ์ผู้จงรักอีกสองตนก็จบชีวิตตาม...
ถือเป็นความตายที่นำพาความสงบสุขกลับคืนมายังวงศ์วานอสุรา
— จบ — ศึกขัณฑุมารผ่านไปเป็นเวลาหลายปี
พระโอรสทัณฑสารทรงขึ้นครองราชย์เป็นผู้ครองนครแทนท้าวขัณฑุมาร หลังจากพระราชพิธีอภิเษกกับพระธิดาแก้วอำพัน ทั้งสองพระองค์ทรงย้ายไปบูรณะอสุรนครที่ถูกเผาทำลายพร้อมชาวยักษ์ที่ครองสัจจะไม่กินเนื้อมนุษย์ตลอดชีพ ท่านอำมาตสหบาลยืนกรานจะตามเสด็จไปด้วย องค์เหนือหัวทัณฑสารจึงทรงคัดเลือกแม่ทัพที่จงรักภักดีขึ้นปกครองนครขัณฑุมารแทนพระองค์ พระนางเนตรอัคคีทรงกลายเป็นเสด็จย่าที่มีความสุขกับหลานชายหลานสาวและทรงได้รับความรักจากอาณาประชาราษฎร์อย่างท่วมท้นตลอดพระชนม์ชีพ
ทางด้านองค์เหนือหัวครุฑราชผู้ช้ำรัก หลังจากเสร็จศึกที่นครขัณฑุมารก็ทรงอภิเษกกับอุรมาลี พระธิดาแห่งเมืองกินนรที่เคยปฏิเสธพระองค์ ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พลเมืองชายในนครครุฑเรื่องการให้เกียรติศรีภรรยา ท้าวครุฑราชไม่ทรงเผยปากนกสีดำสัญลักษณ์แห่งพญาครุฑอีกเลยเนื่องด้วยพระมเหสีอุรมาลีไม่ทรงโปรด ทรงตามพระทัยพระมเหสีกินนรทุกอย่าง ไม่บ่น ไม่ว่า สงบปาก แต่ยังทรงทะนงและดุดันในเวลางานราชการดังเดิม
ณ นครจันทรโกศล
องค์เหนือหัวอินทกานต์ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ สืบเนื่องจากการสิ้นพระชมน์ของพระธิดาวิมานมาศในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของนครที่ห่างไกลจึงแน่นแฟ้นราวกับอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ พระโอรสยังคงเสด็จไปนครสัตตบรรณอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งก็ทรงอนุญาตให้พระโอรสและพระธิดาของพระองค์ประทับอยู่กับองค์เหนือหัวและพระมเหสีเพื่อคลายเหงา
“เสด็จยายเพคะ !!!”
“หลานได้ยินมาว่าทรงมีสัตตบงกชเจ็ดสีที่สวยงามมาก !!”
“พระองค์จะทรงอนุญาตให้หลานไปดูได้มั้ยเพคะ !”
หลานสาวเข้ามาออดอ้อนอย่างน่ารัก พระองค์ทรงปรารถนาจะเสกดอกไม้ที่สวยงามกว่าให้พระราชนัดดาที่ทรงรักแต่ก็ทำไม่ได้เพราะทรงสูญสิ้นอิทธิฤทธิ์โดยสมบูรณ์แล้ว องค์เหนือหัวอินทกานต์เสด็จเข้ามาหลังจากนั้นจึงทรงได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าของพระมเหสีอีกครั้งหนึ่ง
ครานั้น....
นางฟ้าทิพยนลินีเสด็จไปเข้าเฝ้าองค์อินทร์ทั้งตอนเช้า ตอนเที่ยง ตอนเย็น ทุกวัน เป็นเวลาหนึ่งปี ทรงคร่ำครวญร่ำไห้เรื่องพระนางเนตรอัคคีพระเนตรบอดทั้งสองข้างและพระธิดาวิมานมาศผู้มีชะตาอาภัพ องค์อินทร์จึงรับสั่งให้นำ “ไตรทิพย์” ของประทานทั้งสามสิ่งถวายคืนพระองค์ พระโอรสอินทกานต์(ในเวลานั้น)ถวายศรพระอินทร์ในทันทีโดยไม่มีความลังเล ส่วนแหวนทิพย์นั้นองค์อินทร์ทรงได้รับมาก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการถวายเนตรทิพย์คืนพระองค์
นางฟ้าทิพยนลินีเสด็จไปเข้าเฝ้าองค์อินทร์เพื่อถวายไตรทิพย์อันสุดท้ายพร้อมกับสัตตบงกชเจ็ดสี ทรงพระกันแสงอย่างหนักพลางอ้อนวอนเหล่าเทพยดาที่ได้รับความเดือดร้อนจากการประสูติพระธิดามนุษย์บนสวรรค์จนกระทั่งเหล่าเทพทรงปลดเปลื้องความขุ่นเคืองได้โดยถ้วนหน้า ด้วยเหตุนี้ องค์อินทร์จึงประทานพรให้นางฟ้าทิพยนลินีสองประการคือหนึ่ง ทรงเสกเมล็ดบัวเป็นดวงตาสองดวงและประทานพรแด่พระนางเนตรอัคคีสอง ทรงเสกสัตตบงกชเจ็ดสีเป็นพระธิดาวิมานมาศและประทานนางให้พระโอรสอินทกานต์ทั้งที่พระองค์ทรงรู้ว่า เนตรทิพย์ที่นางฟ้าทิพยนลินีนำมาถวายนั้นก็คือเนตรไฟของพระนางเนตรอัคคี!! หลังจากที่ประทานพรนับแต่นั้นเป็นต้นมา พระเนตรของพระโอรสก็มิได้อยู่เหนือมนต์คาถาใดอีกเลย
-- จบบริบูรณ์ --
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2562 |
|
6 comments |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2562 23:18:17 น. |
Counter : 571 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 พฤศจิกายน 2562 6:23:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 พฤศจิกายน 2562 19:31:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 5 พฤศจิกายน 2562 6:10:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 5 พฤศจิกายน 2562 23:04:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายและอ่านงานเขียนที่ Blog ซ่อนคำค่ะ
|
|
|
|
ขอบคุณที่ติดตามซ่อนคำและวิมานมาศมาจนถึงตอนอวสานค่ะ
ขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีมีความสุขมากๆ นะคะ
Good Luck ค่ะ