ลูกคนค้าไม้

นำเรื่อง

เห็นคนอื่นเขาเล่าเรื่องเลี้ยงลูก และเรื่องราวในปัจจุบันกัน เลยขอเล่าชีวิตของแม่บ้าง

ชีวิตแม่เป็นเหมือนละครน้ำเน่า จริงๆ

แม่เป็นคนที่เกิดมาในตระกูลเศรษฐีค้าไม้ที่มาจากไหหลำ แต่ก็โดนโกงจนหมดตัว มาอยู่กรุงเทพฯ บ้านก็ไฟไหม้ แต่ก็มีโอกาสได้เข้าเรียนพยาบาล เวลาสอบเข้าอาจารย์พยาบาลดูคะแนนแล้วถามแม่ว่า

"คะแนนขนาดนี้ น่าจะไปเรียนหมอ"

ขณะเรียนพยาบาล แม่ได้ไปเรียนบางวิชาร่วมกับหมอด้วย ได้คะแนนดีมากๆ ประมาณว่าแข่งกับหมอได้เลย แม่เรียนพยาบาลรุ่นใกล้ๆ กับหมอประเวศ วะสีนั่นแหละ

แม่เรียนหนังสือไป ก็ดูแลยายซึ่งเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไปด้วย ตอนเรียนจบแม่เป็นนักเรียนเหรียญทอง คือได้ที่หนึ่งตลอดหลักสูตร เรียนจบแล้ว แม่ก็ได้รับความกรุณาจากโรงเรียนพยาบาลศิริราช รับเป็นอาจารย์พยาบาลที่นั่นจนเกษียณอายุ

ตอนทำงานแม่มีวีรกรรมหลายอย่าง เป็นนักริเริ่มตัวยง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลศิริราชที่ทำให้นายกสมาคมบางคนได้เป็นคุณหญิง ทำร้านสวัสดิการขายของหาตังค์เข้าคณะพยาบาลฯ โดยใช้เวลาช่วงพักเที่ยงมาช่วยกันขาย ท้ายๆ ก็ทำชมรมผู้สูงอายุของคณะฯ ที่จัดกิจกรรมต่างๆ จนมีเงินเหลือมากมายเป็นล้านบาท

แม่เป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์รักมากๆ คนหนึ่ง ไม่รู้เป็นเพราะแม่เกิดวันพฤหัสฯ ซึ่งเป็นวันครู (เขาไหว้ครูกันวันพฤหัสฯ น่ะ) ด้วยหรือเปล่า

เวลาแม่ป่วย ลูกศิษย์ที่เป็นพยาบาลมาเยี่ยมก็จะเรียกแม่ว่า "อาจารย์" ทุกคำ แต่สำหรับพยาบาลรุ่นใหม่ที่แม่ไม่เคยสอน หรือคนแปลกหน้าที่คุยกับเราข้างเตียง แล้วก็ไม่รู้จักแม่ ไม่รู้ว่าทำไมเขาชอบเรียกแม่ว่า "อาม่า" จัง

พี่น้องครับ...
แม่ผมเป็น 'อาจารย์' ไม่ใช่ 'อาม่า'!





(1)
ลูกคนค้าไม้


แม่เกิดวันพฤหัสฯ เดือนตุลา ปีมะเส็ง (2472) จำวันที่ไม่ได้ ที่จังหวัดสวรรคโลก (สวรรคโลกเป็นจังหวัดระหว่างปี 2459-2482) เป็นลูกพ่อค้าไม้จากไหหลำ ที่มาทำมาหากินแถวเมืองเหนือ เคยอ่านเจอว่าคนจีนพวกอื่นๆ เช่น แต้จิ๋ว มักจะอยู่ทางเหนือไม่ค่อยรอด เพราะไม่มีภูมิต้านทานโรคเมืองร้อนแบบคนไหหลำ ซึ่งมาจากเมืองร้อนคล้ายๆ กับเมืองไทย

ก๋งพาเหนียน (ยาย) มาจากเมืองจีนหลังจากที่มาอยู่เมืองไทยพักใหญ่แล้ว ก่อนก๋งพาเหนียนมาจากเมืองจีน ก๋งก็มีเมียไทยด้วยเหมือนกันชื่อบุญเพ็ง ซึ่งแม่เรียกว่า "แม่เมืองไทย" แม่บุญเพ็งมาจากตระกูลคุณหลวง แม่เรียกว่าหลวงราษฎร์ (ไม่รู้ว่าชื่อเต็มว่าอะไร) โดยแม่ก็ได้อาศัยใช้นามสกุลเขา ทั้งๆ ที่จริงแล้วแซ่ของก๋งคือ เต็กก่าว หรือแซ่โค้ว

เหนียนมีแม่ตอนที่เหนียนอายุ 42 ซึ่งเป็นลูกคนที่สองของก๋งกับเหนียน ว่ากันว่าลูกคนแรกของก๋งกับเหนียนนั้น เป็นผู้ชายซึ่งฉลาดมากๆ แต่โดนวางยา โดยฝ่ายแม่เมืองไทย



แม้ว่าทั้งก๋งและเหนียนจะเป็นคนไหหลำ แม่ก็ได้แค่ฟังภาษาไหหลำออก แต่พูดภาษาไหหลำไม่เป็น ก๋งเองคงเป็นพวก "เจ๊กกบฎ" ที่สั่งเสียลูกไว้ว่า

"เวลาอยู่ก็ดูแลกัน ตายแล้วไม่ต้องทำพิธีไหว้เจ้า เผากระดาษให้ เพราะไม่รู้ว่าจะถึงหรือเปล่า..."

แม่ก็เลยไม่คุ้นเคยกับวันตรุษจีน วันสาร์ทจีน หรือประเพณีแบบจีนๆ เลย

ก๋งสอนแม่ไว้ว่า
"เกิดเมืองไทย ก็ต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดินไทย"

แม่ถูกเลี้ยงในแบบไทยๆ โตขึ้นมาในบ้านไม้สักทรงไทยใต้ถุนสูง ช่องลมของบ้านมีลายฉลุสวยงาม มีชานเรือนมานั่งทำกิจกรรมกัน ในเรือนมีคนมากมาย บ่าวไพร่เยอะ แม่เห็นเขาเชือดไก่ ก็ไปเชือดกับเขามั่ง ตามประสาเด็กอยากเรียนรู้

แต่ก๋งก็ไม่ได้สอนให้แม่แบ่งชนชั้น ให้ไปเล่นกับเด็กๆ ที่อยู่ที่บ้านอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการไปโดดแม่น้ำยม หรือวิ่งเล่นกันตามประสาเด็กๆ คนที่เป็นเพื่อนเล่นที่บ้านแม่ได้แก่ เหวยลูกชาวบ้านแถวนั้น กับหมอหลงที่ไปปักฐานอยู่ที่ราชบุรี

สิ่งเหล่านี้อาจจะหล่อหลอมให้ แม่สนใจและช่วยเหลือคนจนเป็นอย่างมากเวลาแม่ทำงาน

พูดถึงเรื่องบ้านแม่ที่สวรรคโลก แม่เล่าว่าคนที่เขามาค้าขายกับก๋ง เอาวัว ควายมาผูกในสวน มันก็มาขี้แถวต้นไม้ เวลาน้ำท่วม น้ำก็พาเอาหน้าดินจากที่อื่นมาทับถมในสวน ต้นไม้ในสวนก็เจริญงอกงามดี เพราะปุ๋ยที่มากับน้ำ แล้วก็ปุ๋ยคอกสดๆ จากวัวควาย

เวลาดูข่าวที่เขาบอกว่าทำไมควรสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เราก็จะเห็นข่าวประมาณว่าสวรรคโลก สุโขทัยน้ำท่วม รู้สึกขำ เพราะว่าสวรรคโลกเป็นเมืองที่มีน้ำท่วมทุกปี มาตั้งแต่สมัยแม่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาท่วมตอนนี้

ขณะที่คนแต่ก่อนมีความสุขกับสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ คนเดี๋ยวนี้จะบังคับธรรมชาติ เพื่อที่จะอยู่ในแบบที่ตัวเองอยากจะอยู่ แต่ไม่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติแบบที่คนโบราณเขาเคยอยู่มา

(ตอนต่อไป --> สิ้นบุญก๋ง)


Create Date : 18 มกราคม 2552
Last Update : 18 มกราคม 2552 10:23:11 น. 3 comments
Counter : 1785 Pageviews.

 
ขณะที่คนแต่ก่อน มีความสุขกับสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้

เดี๋ยวนี้จะบังคับธรรมชาติ เพื่อที่จะอยู่ในแบบที่ตัวเอง

อยากจะอยู่ แต่ไม่ได้เรียนรู้ ที่จะอยู่กับธรรมชาติ

แบบที่คนโบราณเขาเคยอยู่มา

............ลึกซึ้งครับ ประโยคนี้.........


โดย: r-jarn-jeng วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:11:38:10 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ ได้มาอ่านเรื่องราวดีๆ
แพ้กลิ่นดอกไม้เหรอค่ะ
ปู่ก็มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เลยเป็นลูกครึ่งเลย
ตอนนี้


++++++++++++++++++++


เราก็แพ้ค่ะ แต่บางชนิด แพ้เกสรด้วย
แต่ชอบอยู่ใกล้ๆดอกไม้




เอาดอกไม้มาฝากค่ะ ไม่มีกลิ่น อิอิ
นอนหรือยังเอ่ย ฝันดีนะคะ



โดย: Fullgold วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:23:08:27 น.  

 
แอบมาอ่าน อยากอ่านต่อจังค่ะ


โดย: Mayday IP: 124.122.236.197 วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:21:14:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

le doc
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใช่ว่าเราทุกคนจะใช้เวลาได้อย่างมีคุณค่า
แต่เราทุกคนก็หวังว่าจะใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add le doc's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.