'ค้ากำไร-ไร้สำนึก' ดรามาความสวยบนโลกโซเชียลฯ หลุมพรางของเซเลบฯ
'ค้ากำไร-ไร้สำนึก' ดรามาความสวยบนโลกโซเชียลฯ หลุมพรางของเซเลบฯ
การเป็นคนดังใครๆ ก็ต่างพากันสนใจ เมื่อตัวตนเป็นที่รู้จักหลายคนเริ่มตีตลาดออนไลน์ผ่านสื่อของตน สร้างธุรกิจขนาดย่อมบน เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ยูทูบว์ ฯลฯ ที่เห็นกันเกลื่อนโลกออนไลน์ก็หนีไม่พ้น เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ฯลฯ ชูจุดขายเรื่องความสวย ดึงดูดให้ฐานมิตรรักแฟนคลับให้เข้ามาเลือกจับจองสินค้า งานนี้ได้ของดีราคาสมน้ำสมเนื้อก็ถือเป็นกำไรของผู้บริโภค แต่เท่าที่เห็นส่วนมากป็นผลิตภัณฑ์แหกตา ดีไม่ดีมีสารอันตรายปลอมปนอีก ทุกวันนี้พ่อแม่พี่น้องคงเห็นดาราหรือคนมีชื่อเสียง ไปรับจ็อบโฆษณาให้พวกเครื่องสำอาง ยาลดความอ้วน ครีมผิวขาว บลาๆ กันเยอะมากๆ ไม่ต้องถึงขั้นเป็นดาราก็ได้ ขอแค่เป็นพริตตี้ หรือ เน็ตไอดอล ก็มีคนใช้ชื่อเสียงของตัวเองมาหากิน ขายสินค้าจำพวกนี้ให้กับแฟนคลับอยู่เนืองๆ ข้อความจากแอดมิน เพจDrama-addict อธิบายปรากฎการณ์ไร้ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคของเซเลบที่หันมาเอาดีทางด้านการขายเครื่องประทินโฉม สนมั้ย? สวยชั่วพริบตา ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเครื่องสำอางและอาหารเสริม ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หรือมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าวิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปรับกลยุทธ์ลวงผู้บริโภคจนหลายคนหลงเชื่อ แพร่หลายเป็นอย่างมากบนโลกออนไลน์เพราะหลายยี่ห้อเจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นคนดัง ไล่ตั้งแต่เน็ตไอดอล พริตตี้ ไปจนถึงดารานักแสดง อ้างอิงถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามของพริตตี้เงินแสน 'แมลงเมี่ยง' หลังผู้ใช้ร้องเรียนบนโลกออนไลน์ว่าพบสารปรอท ดูเหมือนจะทำให้ธุรกิจของเธอชะงักกันทีเดียว แม้ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่จัดว่าเธอเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลฯ ประเด็นนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบ จะว่าไปถือเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างที่ทำเอาบรรดาเซเลบบนโลกออนไลน์ที่หยิบจับธุรกิจประเภทเดียวกันอยู่ไม่เป็นสุข และเป็นจุดที่ต้องออกมาย้ำเตือนผู้บริโภคว่าต้องใช้วิจารณญาณในการคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เพราะความงามฉาบฉวยเพียงชั่วครั้งชั่วคราวจากผลิตภัณฑ์ที่ดึงเอาคนรูปร่างหน้าหน้าตาดีมาเป็นจุดขาย ใช่ว่าจะรับประกันคุณภาพ100 เปอร์เซ็น ผศ.เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารตรา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ แสดงทัศนะในเรื่องพฤติชงักรรมการซื้อของผู้บริโภคในยุคโซเชียลมีเดีย ธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเพราะผู้คนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริมที่บูมเป็นอย่างมาก ทว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะใช้คนโนเนมมาโฆษณาคงยากที่ขายออก แน่นอนว่าการนำคนชื่อเสียงหน้าตารูปร่างดีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ย่อมได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีกว่า กลุ่มของดารา คนมีชื่อเสียง เป็นคนที่โชว์เรื่องของหน้าตา พ่วงเรื่องของตัวโปรดักส์ หรือสินค้าที่เป็นเครื่องสำอาง ก็อาจจะมองว่าเค้าเป็นลักษณะที่ว่าเค้าเชื่อว่าตัวเค้าเองสามารถโปรโมตตัวโปรดักส์นั้นได้ เนื่องจากว่าทุนเดิมของเค้า ด้วยหน้าตาของเค้า สดใส ขาว สะอาด มันก็เป็นตัวจูงใจได้ทางนึง กลายๆ ผลิตภัณฑ์จะดีหรือเปล่าอาจเป็นเรื่องรอง แต่สิ่งที่ดึงดูดคือตัวพรีเซ็นเตอร์หน้าตาสวยหล่อ แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้บริโภคก็ต้องกลับมาให้ความสำคัญกับตัวผลิตภัณฑ์อยู่ดี สมัยนี้โซเชียลมีเดียเรื่องของสื่อต่างๆ ที่มันกระจายไปทั่ว ถ้าเอาตรงนี้มาอวดอ้าง เพราะฉะนั้นการพูดอะไรที่มันไม่จริง พูดอะไรที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ ตรงนี้มันถูกตรวจสอบในสังคมได้ไม่ยาก เพราะว่าต้องยอมรับอย่างหนึ่ง เรื่องของผิวพรรณ เรื่องของผิวหน้า เป็นเรื่องเซ็นซิทีฟ ถ้ามันเกิดความเสียหายขึ้น ผมเชื่อว่าที่เป็นผู้บริโภคเดี๋ยวนี้จะไม่ยอมอีกต่อไป เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นดารา เป็นคนมีชื่อเสียง ไม่ควรจะใช้กลยุทธ์ที่เอาตัวเองมาเป็นตัวขาย และผลิตสินค้าที่ออกมาอย่างไม่รับผิดชอบต่อสังคม ตกม้าตายเพราะอวดอ้าง ผศ.เสริมยศ อธิบายว่าในฐานะผู้ประกอบการก็ต้องการผลกำไร เช่นเดียวกันผู้บริโภคก็อยากได้ของที่มีคุณภาพ คนยุคนี้เค้าต้องการอะไรที่แน่นอนคนซื้อต้องอยากได้ของที่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเกิดมันไม่มีคุณภาพจริงตามที่อวดอ้าง คนก็อาจจะไปบอกต่อ ผู้ประกอบการอย่ามองเรื่องคุณภาพฉาบฉวย หรือ หวังผลในระยะสั้น เพราะมันเหมือนกับจูงใจได้ในครั้งแรก แต่ความยั่งยืนเป็นผลต่อไปหรือเปล่า เค้าอาจจะซื้อครั้งเดียวแล้วจบ แต่ถ้าเค้าเจอผลเสียจากการใช้เกิดใช้แล้วสะสมคือสิ่งที่ต้องกลับมาดูกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ขายเกลื่อนโลกออนไลน์ ที่นำเอาหนุ่มสาวเซเลบหน้าตาดีมาเป็นจุดขาย ในเชิงการตลาดกลยุทธ์นี้มีอิทธิพลต่อกำลังซื้อไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ช่องทางการขายออนไลน์ผ่านสื่อส่วนตัว ยิ่งเอื้อต่อการเข้าถึงตัวสินค้า แน่นอนหากขาดความยั้งคิดก็จะทำให้ตกเป็นเหยื่อเพราะหลงเชื่อสรรพคุณที่โฆษณา ช่องทางพวกนี้มีความโดดเด่น อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ฯลฯ มันมีคนนฟอลโล่เยอะ แน่นอนมันเป็นสื่อที่ไม่ต้องเสียตังค์และคนที่เป็นเพื่อของเราก็จะเห็นพร้อมกัน มันลดต้นทุนได้ แทบจะเสียค่าใช้จ่ายในการสื่อสารน้อยมาก แวบแรก คนทุกคน ด้วยความที่ว่าคนเราอาจจะลืมดูว่าข้อเท็จจริงในท้ายที่สุดแล้วคนๆ นั้นผิวพรรณเค้าดีเพราะสินค้าของเค้าเองหรือเปล่า เราต้องย้อนกลับ คือคนเราดูแวบแรกมันอาจจะขาดความยั้งคิดไป สาเหตุที่คนดังมาขายพ่วงอยู่ด้วย เชื่อว่ามันเป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดใจได้ในด่านแรก ท้ายที่สุดมันก็ย้อนกลัใข้บมาที่ตัวผู้บริโภค ในเรื่องของการสร้างเกราะคุ้มกันการซื้อสินค้า หน่วยงานภาครัฐอาจจะมีการย้ำเตือน ตรงนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องตระหนักมากเหมือนกัน เมื่อเราไม่สามารถไปห้ามพวกคนมีชื่อเสียงหรือว่าดาราได้ เราก็ต้องมายั้งที่ตัวเราเอง ต้องฉุกคิดขึ้นมา คือคนที่ขายพวกนี้ต้องยอมรับผุดขึ้นมาเยอะแยะหมด แล้วเค้าจะมีโซเชียลเน็ตเวิร์คเครือข่ายของเค้าอยู่ โอกาสที่เหน่วยงานจะไปตามไล่จี้ทุกแห่งคงไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดในฐานนะผู้บริโภคต้องป้องตัวเอง มีเกาะป้องกันตัวเอง ผศ.เสริมยศ ฝากทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่เข้ามาทำตรงนี้อย่างน้อยๆ ถ้าสินค้านั้นไม่ได้เป็นสินค้าของคุณเอง คุณก็ควรรู้ว่าสินค้านั้นมันน่าเชื่อถือพอมั้ยที่เราจะไปโฆษณาให้ แต่ถ้าเป็นเจ้าของแบรนด์เราต้องย้อนกลับมาดูว่าถ้าทำแล้วคนอื่นเสียหายหรือเปล่าต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม วิธีการรับผิดชอบต่อสังคมที่ดีที่สุด คือการทำสินค้าที่มีคุณภาพแล้วให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ย้ำเตือนผู้บริโภคอย่าตกเป็นเหยื่อ ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ในกรณีเซเลบที่มีเผยแพร่จำหน่ายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทางอินเตอร์เน็ตผ่านสื่อส่วนตัวบนโลกออนไลน์ อาจจะเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.โฆษณา เสียด้วยซ้ำ แต่ต้องพิจารณากันเป็นกรณีๆ ไป ปัจจุบันมีผู้เข้ามาแสวงหาประโยชน์ในธุรกิจเหล่านี้จำนวนมาก ขณะที่มีแนวโน้มทำผิดกฎหมายเยอะขึ้นด้วย อย่างเช่น นำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาขาย หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปรอท ฯลฯ ในประเด็นนี้ทาง อย. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งดำเนินการจัดการเร่งด่วน ในขณะนี้ อย. กำลังดำเนินการในเฟซบุ๊คที่มีเซเลบคนดังหลายคนออกมาโฆษณา แล้วก็พูดถึงการขายอยู่ในสื่อของเค้า ต่อไปที่เราจะทำก็คือเราต้องไปตรวจสอบสินค้านั้นด้วยว่าสินค้านั้นได้รับการอนุญาตหรือขออนุญาตหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีการขออนุญาตหรือไม่ก็ตามเราต้องดูตัวสินค้าด้วยว่าสินค้านั้นกรณีเครื่องสำอางมีการใช้สารห้ามใช้หรือเปล่า อาหารมีการขเนิออนุญาตมั้ย มีคุณภาพตามที่กฎหมายกำหนดหรือเปล่า อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ แม้ผลิตภัณฑ์ใดๆ จะมีเลข อย. กำกับ แต่ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป การมีเลข อย. นั้นหมายความว่า เค้ามีการขออนุญาตเบื้องต้นกับเราเค้ามีการแจ้งจดประกอบว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ว่าการผลิตทุกคอางค์รั้งเราต้องมีการออกไปตรวจสอบเฝ้าระวัง ซึ่งตอนเค้าขออาจจะเอาของดีมาทำถูกระเบียบ แต่ระยะหนึ่งที่ผลิตไปแล้วอาจจะด้อยลงก็ได้ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของเลขที่ปลอมแปลงขึ้นมา ล้วนก่อความเสียหายต่อผู้บริโภคทั้งสิ้น ภญ.ศรีนวล ฝากทิ้งท้ายถึงผู้บริโภคอยาญาติกให้ฉุกคิดก่อนที่จะซื้อ ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนตกเป็นเหยื่อตอนนี้ ในแง่ของผู้ประกอบการอยากจะวิงวอนให้นึงถึงแง่มนุษยธรรม อย่าผลิตสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้คำนึกถึงผู้บริโภค อยากให้ดำรงความดีและก็ทำอาชีพของเราด้วยความสุจริตมันก็จะยั่งยืน และตัวผู้บริโภคอยากจะฝากให้อ่านฉลากก่อนซื้อ เวลาฟังโฆษณาย้อนคิดสักนิดนึงการได้ผลเร็วๆ อย่างนั้นมันดีจริงหรือเปล่า
//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000110824
Create Date : 04 กันยายน 2556 |
|
8 comments |
Last Update : 4 กันยายน 2556 8:03:01 น. |
Counter : 1939 Pageviews. |
|
|
|
ผู้หญิงกับเรื่องสวย ๆ งาม ๆ คงแยกกันลำบาก
แต่ก็ต้องระวังด้วยนะคะ เห็นมีสารพัดวิธี น่ากลัวมากกค่ะ
ขอสวยน้อย ๆ ตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนกันนะคะ