บล็อกนี้ไม่มี VIP ค่ะ ทุก ๆ คนเป็น VIP อยู่แล้ว เมื่อคลิกเข้ามา
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
คลี่ปมปริศนา! ยายฆ่าหลานแท้ๆ นี่หรือสังคมไทย?

คลี่ปมปริศนา! 
ยายฆ่าหลานแท้ ๆ นี่หรือสังคมไทย?




จากกรณีน้องเบิร์ด เด็กนักเรียนชั้น ม.1 
ถูกฆาตกรรมภายในคอนโดฯนั้น
เป็นคดีสะเทือนขวัญคนในสังคมเพราะเกิดขึ้นกับเยาวชนไทย 
และเมื่อมีการแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย กลับกลายเป็นยายแท้ ๆ 
ทำให้คดีพลิกเปลี่ยนเป็นคดีความรุนแรงในครอบครัว 
จึงยิ่งสร้างความหดหู่ใจให้แก่คนไทยอย่างมาก 
และเป็นคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในสังคมทุกวันนี้

       การแถลงข่าววันนี้ จึงคลี่ปมของคดีได้อย่างกระจ่างชัด
เมื่อสุดท้ายยายแท้ๆ ซึ่งเคยมีคดียิงสามีตัวเองตายมาก่อน 
เป็นคนที่ฆาตกรรมน้องเบิร์ด หลานในไส้ของตัวเอง
ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ 2 ขวบ เนื่องจากพ่อเด็กเสียชีวิตไปแล้ว 
จึงหักล้างกับคำให้การก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง 
และยอมรับสารภาพพร้อมหลักฐานมัดตัว 
คือ ผลการตรวจดีเอ็นเอเส้นผม 
รวมทั้งการแกะรอยจากรองเท้าแตะของผู้ตายที่ไม่ได้สวมใส่ขณะพบศพ

 ความรู้สึกกดดัน บวกกับกลัวการถูกทำร้ายจากหลานชายที่เคยขู่ไว้ 
จึงพลั้งมือใช้ไม้ทุบศีรษะจนเด็กแน่นิ่งไป 
ก่อนจะลากไปทิ้งไว้ที่บันไดหนีไฟของอาคาร เพื่อหนีความผิด 
จึงกลายเป็นอุทาหรณ์สะท้อนใจว่า 
เรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวเดียวกัน


“ครอบครัว” ต้นเหตุความรุนแรง
 นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ความรุนแรงของคนในครอบครัวที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรก
ทุกวันนี้ในสังคมไทยมีแต่ความร้าวฉาน ครอบครัวแตกแยก เกิดการทะเลาะวิวาท ทำร้ายทุบตีกันของคนภายในครอบครัว 
และกลายเป็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน

 สมชาย เจริญอำนวยสุข
ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กล่าวว่า 
ทุกวันนี้ทักษะในการแก้ปัญหาของคนในครอบครัวโดยไม่ใช้ความรุนแรง
ยังไม่มี อย่างเช่นกรณีนี้ยายสอนหลาน แล้วหลานไม่ฟัง 
จึงแก้ปัญหาโดยใช้อารมณ์ด้วยการทำร้ายหลาน 
เพราะคิดว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง 
คือทางออกของการยุติปัญหา

 “การเกิดความรุนแรงในสังคมเป็นสิ่งที่สั่งสมมาจากความรุนแรงในครอบครัว 
ที่เกิดขึ้นในครอบครัวเพราะเราไม่มีทางออกในเรื่องเหล่านี้อย่างถูกวิธี 
ทุกวันนี้เรามีปัญหาในเรื่องความรุนแรงของคนในครอบครัวอย่างชัดเจน 
ไม่ว่าจะเป็นแม่กับลูก พ่อกับลูก 
และสามีกับภรรยา นี่ยิ่งทะเลาะตบตีกันเยอะมาก
ฉะนั้นการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรงในสังคมไทยนี้ยังพร่องอยู่ 
สังคมเรายังให้ความรู้ในเรื่องเหล่านี้อยู่น้อย”

 เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมไทยแบบนี้ ทั้งยังเกิดขึ้นไม่เว้นวัน จึงกลายเป็นต้นแบบบ่งบอกถึงบุคลิกภาพที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่ทุกวันนี้สังคมไทยมีแต่การใช้ความรุนแรงเข้าหากัน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ 
จึงไม่มีต้นแบบที่ดีให้เด็กทำตาม

 ด้านนายแพทย์ทวีสิน วิษณุโยธิน
ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม และโฆษกกรมสุขภาพจิต 
กล่าวว่าการศึกษาพบว่าบุคคลที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่นนั้น เมื่อสืบเสาะในวัยเด็กมักจะพบว่า เคยถูกกระทำรุนแรงมาก่อน ทั้งนี้เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในครอบครัว ได้แบ่งออกเป็น 3 ปัจจัยใหญ่ด้วยกัน

 “1. คือมาจากการเลี้ยงดูที่อาจจะเห็นพ่อแม่ใช้ความรุนแรง ทะเลาะเพื่อแก้ปัญหา เด็กจะเรียนรู้และทำตาม 2.คือมาจากคนรอบข้าง สิ่งแวดล้อมที่โรงเรียน เพื่อนฝูง ซึ่งหากเด็กไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ใช้ความรุนแรงก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมตามกลุ่ม จนเกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นมา 3.มาจากสังคม สื่ออย่างละครตบจูบ หรือสื่อที่มีความรุนแรงแฝงอยู่ซึ่งจะส่งผลสองแบบด้วยกันคือ เลียนแบบเลยในทันที กับเก็บไว้ เรียนรู้เป็นข้อมูล เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ความรุนแรงจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เด็กอาจจะเลือกมาใช้แก้ไขปัญหาได้”

 ในส่วนของลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้น เพราะความรุนแรงภายในครอบครัวต่างจากความรุนแรงที่เกิดภายนอก เพราะเกิดขึ้นระหว่างคนใกล้ชิดที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ปัญหาในครอบครัวมักจะถูกปกปิดไว้เสมอ รอยแผลที่เกิดขึ้นมักจะอยู่ในเสื้อผ้าที่ผู้คนในสังคมมองไม่เห็น และยากที่จะเก็บข้อมูลศึกษาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะกรณีที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ 
เป็นปัญหาที่ซ่อนตัวอยู่อย่างฝังลึก

 “ที่เห็นกันตามหนังสือพิมพ์เป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง กรณีที่เกิดขึ้นจริงในสังคมอาจจะมีเยอะมาก เพราะประเด็นพวกนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่กระทำต่อลูก ลูกกระทำต่อพ่อแม่ โดยปัญหาที่จะเกิดขึ้นและถูกปกปิดไว้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางร่ายกายและจิตใจ อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งภาวะแบบนี้จะกินระยะเวลายาวนาน โดยมีตัวอย่างหลายครั้งที่พ่อแม่พาลูกมาหาหมอเพราะกระดูดหัก บอกว่าตกบันไดบ้าน อะไรบ้าง บ่อยเข้ามันก็ผิดปกติ แพทย์ก็จะวินิจฉัยได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัว และแจ้งตำรวจ”

ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
 การหาหนทางป้องกันที่ต้นเหตุ จึงดีกว่าการมานั่งแก้ไขที่ปลายเหตุ เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น สังคมก็ตื่นตระหนกอีกครั้ง ให้ต้องมานั่งทบทวนย้ำคิดถึงช่องโหว่ของสังคมไทย ซึ่งความรุนแรงที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ต่างมีจุดเริ่มมาจากครอบครัวทั้งสิ้น
 ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กล่าวว่า 
ตอนนี้จึงต้องเน้นหนักในเรื่องการแก้ไขปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว 
เน้นการป้องกันไม่ให้เกิด ขณะนี้เรามีกฎหมายแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว 
ไม่ว่าจะเรื่องผู้ถูกกระทำเรื่องความรุนแรงภายในครอบครัว 
เป็นกฎหมายที่แก้ปัญหาเมื่อเกิดแล้ว 
แต่เราต้องทำไม่ให้มันเกิดขึ้นเลย
 “ผมว่ามันต้องเริ่มตั้งแต่การให้การศึกษา ไม่ใช่เฉพาะการศึกษาภายในโรงเรียน ต้องเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมด้วย 
โดยต้องมีการถ่ายทอดร่วมกันตั้งแต่ยังไม่มีครอบครัว 
จะได้มีการอบรมให้ความรู้การเลี้ยงลูก การดูแลลูกอย่างถูกวิธี 
ควรทำให้เป็นกิจลักษณะเสียทีในสังคมไทย 
ด้วยการร่วมมือกันทุกภาคส่วน

 ตอนนี้สังคมไทยยังไม่มีการสอนวิธีการแก้ปัญหาที่มีอยู่หลากหลายวิธี 
จึงต้องเน้นเรื่องนี้ให้จริงจัง ต้องสร้างพ่อแม่มือใหม่ 
เราหวังว่าเด็กที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้ความรู้แก่พ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้องก่อน เด็กที่เกิดขึ้นจากพ่อแม่ที่ได้รับการอบรม การเลี้ยงดูบุตร 
การแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี 
แล้วความรุนแรงของคนในครอบครัวจะลดลงไปเรื่อย ๆ ในอนาคต”
 เรื่องการป้องกันความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ แม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานร่วมด้วยช่วยกัน แต่ถ้าขาดการเอาใจใส่ที่จะแก้ไขอย่างจริงจังก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ สถาบันครอบครัวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องยืนหยัดแข็งขัน 
ที่จะทำร่วมกัน โดยที่ผ่านมาไม่นานมานี้ในหลายหน่วยงานร่วมทำการอบรม
ในกลุ่มตัวอย่าง 30 ครอบครัว ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการติดตามผลในระยะยาว 
ด้วยความหวังว่าสังคมไทยจะแข็งแรงขึ้น

 สมชาย ได้กล่าวเสริมอีกว่า 
สิ่งเหล่านี้ต้องมีการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ในคนที่ยังไม่มีครอบครัว 
ม่ใช่ว่ามีลูกแล้วค่อยมาศึกษา มันจึงไม่ทัน 
ต้องให้ความรู้ว่าเมื่อมีครอบครัวแล้วเขาจะพบกับอะไรบ้าง 
เมื่อมีปัญหาอย่างนี้ ต้องแก้ไขอย่างไร ต้องสอนให้เป็นระบบอย่างนี้ 
และต้องใช้ความพยายามในการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน 
เพราะในสังคมไทยยังมีความรุนแรงค่อนข้างมาก 

 หากมองในมุมมองของนักจิตวิทยาที่ต่างออกไป 
นายแพทย์ทวีสิน กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาคือเรื่องของจิตวิทยาที่คนไทยยังไม่ยอมรับ หรือไม่ไปพบแพทย์มากนัก อาจเกิดจากโรคสมาธิสั้นซึ่งออกอาการได้ 3 แบบด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้น คืออาการใจร้อน หุนหันพลันแล่น
 “โรคนี้เป็นความผิดปกติของสมองซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ 
หากรีบรักษารู้ว่าเยาวชนเป็นโรคนี้อยู่ 
การที่เขาจะพัฒนาต่อไปเป็นอาชญากรเด็กก็จะไม่เกิดขึ้น”
 “ตัวครอบครัวต้องไม่มีการใช้ความรุนแรง โรงเรียน สังคมรอบข้างต้องคอยดูแลไม่ให้ความรุนแรงเกิดขึ้น และสังคมก็ต้องร่วมด้วย คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ถ้ามันเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย ครอบครัวซึ่งเราคิดว่าปลอดภัยที่สุด เป็นหน่วยที่เล็กที่สุด ยังไม่สามารถเป็นสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยหรือปกป้องเขาได้ มันก็เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด เขาไม่รู้จะไปพึ่งใคร”

 “ครอบครัว” หน่วยย่อยเล็กๆ ในสังคม ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม ซึ่งสามารถสะท้อนคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมได้ หากไม่เริ่มต้นป้องกันและแก้ไขที่ครอบครัวตั้งแต่วันนี้ ก็จะกลายเป็นจุดด่างพร้อย จนก่อเกิดเป็นต้นเหตุของความรุนแรงในสังคมต่อไปอย่างเช่นทุกวันนี้

ทีมข่าว ผู้จัดการ LIVE รายงาน




Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 19:59:49 น. 4 comments
Counter : 2150 Pageviews.

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เห็นข่าวเศร้ายนี้แล้วก็สะเทือนใจเป็นอย่างมากเลยครับ ตอนแรกเห็นข่าวที่เป็นแค่เด็กม.1ถูกฆ่าก็แย่แล้ว พอตอนหลังมารู้ว่ายายแท้ ๆ เป็นคนฆ่าก็ยิ่งทั้งสะเทือนใจและเศร้าใจเป็นอย่างมากเลยครับ

ก็อย่างว่าล่ะครับ .. เหมือนที่เค้ากล่าวไว้ว่า ...

"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย"

เศร้าครับ

อิอิ

ปล. เห็นข่าวเศร้าแบบนี้แล้วคุณวีอย่าเศร้าตามนะครับ ต้องสู้ ๆ ให้ได้โดยตลอดนะครับ

อิอิ (อีกครั้ง)


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:24:01 น.  

 
ชมข่าวนี้แล้วเศร้าเนอะสงสารทั้งยายและหลานคงเคยผูกเวรกันมาเลยต้องมาเจอกันอีก....


โดย: Opey วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:18:38 น.  

 
จริง ๆ เลยสังคมนี้ช่างซับซ้อนอยากจะเข้าใจจิตใจของคนจริง ๆ ค่ะ
เห็นข่าวนี้แล้วก็สะเทือนใจอยู่เหมือนกัน ขนาดเป็นยายแท้ ๆ ยังทำได้ลงคอ ไม่รู้ว่าจิตไม่ปกติหรือเปล่า
ขอบคุณที่แวะไปบ้านนะคะ แชมพูสมุนไพรทำเองได้ไม่ยากต้องมีเวลาว่างจริง ๆ ค่ะ เพราะวันนั้นที่ทำว่างจัดค่ะ ใช้เวลาไปครึ่งวันเลยค่ะกว่าจะเสร็จ มือก็พองด้วยค่ะ (ตอนบีบกรอกกากส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง)


โดย: tummydeday วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:9:20:01 น.  

 
โสดในซอย Topical Blog ดู Blog

โหวตให้ค่ะ สำหรับข่าวเด่นชิิ้้้นนี้ เมื่อไหร่จะอัพนิยายต่อคะ คุณวี


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:22:52:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โสดในซอย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]






e-mail ติดต่อโสดในซอย
singleinsoi@hotmail.com






Facebook โสดในซอย
http://www.facebook.com/profile.php?id=100002317657363





“เติมรักให้เต็มรุ้ง”
งานเขียนล่าสุดของ “โสดในซอย”

สั่งซื้อในบล็อก
พร้อมลายเซ็น
ราคารวมค่าส่ง 305 บาท
โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ
หมายเลขบัญชี 020-056941-6
ชื่อบัญชี มนชญา
โปรดโอนให้มีเศษสตางค์
เพื่อง่ายแก่การอ้างอิง
และแจ้งรายละเอียดการโอน
พร้อมทั้งชื่อ-ที่อยู่ที่จะให้จัดส่ง
ที่หลังไมค์ได้เลย
หรือตามร้านหนังสือค่ะ

ขอบคุณค่ะ





ความรักคะ ฉันมีเรื่องจะฟ้อง
ของ "โสดในซอย"
โดย สำนักพิมพ์ 'ษาริน
วางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ
หรือสั่งซื้อในบล็อกได้เช่นกัน
ราคา 220 บาทรวมค่าส่งค่ะ








ขายหรือให้เช่า
ศุภาลัย ปาร์ค ติวานนท์
35 ตร.ม. ใกล้รถไฟฟ้าสถานีกระทรวงสาธารณสุข
ไลน์ aazz999




Friends' blogs
[Add โสดในซอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.