บล็อกนี้ไม่มี VIP ค่ะ ทุก ๆ คนเป็น VIP อยู่แล้ว เมื่อคลิกเข้ามา
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
ต้นตออาการปวดศีรษะที่คาดไม่ถึงและการรับมือ

ต้นตออาการปวดศีรษะที่คาดไม่ถึง
และการรับมือ





ตัวกระตุ้นที่ 1 : กิจวัตรวันหยุดสุดสัปดาห์

หลายคนทำงานหนัก
พอถึงวันเสาร์ - อาทิตย์จึงเอาคืน
ด้วยการนอนมาราธอน ตื่นซะเที่ยง
สิ่งที่เป็นของแถมมาคือ อาการปวดศีรษะตุบ ๆ
เป็นเพราะเมื่อเครียดน้อยลง
ฮอร์โมนความเครียด
อย่าง คอร์ติซอล (cortisol)
และนอราดรีนาลิน (noradrenaline)
ก็ลดลงด้วย
ส่งผลให้สารสื่อประสาท (neurotransmitter)
ไปกระตุ้นหลอดเลือดแดงให้หดและคลายตัวอย่างรวดเร็ว
จนเกิดอาการปวดศีรษะได้



วิธีรับมือ

- อย่านอนเยอะไป
พบว่า 79 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ปวดศีรษะบ่อย ๆ
นอนหลับมากกว่าคืนละ 8 ชั่วโมง

- ดื่มกาแฟเวลาเดิมทุกวัน
คนติดกาแฟ
ที่ปกติดื่มกาแฟตอนเช้าทุกวันก่อนทำงาน
ช่วงสุดสัปดาห์ก็ควรดื่มเวลาเดิม
เพราะหากร่างกายไม่ได้รับสารกาเฟอีนอย่างที่เคย
อาจทำให้ปวดศีรษะรุนแรงได้

- ออกกำลังกายระหว่างสัปดาห์ครั้งละ 30 นาที
สัปดาห์ละ 3 วัน
ช่วยลดความถี่ของอาการปวดศีรษะได้กว่าครึ่ง
การออกกำลังกาย
ช่วยลดผลกระทบของความเครียด
งยังทำให้ร่างกายหลั่งสารระงับปวด
ชื่อเอนดอร์ฟิน (endorphin) ออกมา

- นอกจากนี้
กิจกรรมผ่อนคลายอื่น ๆ
อย่างฝึกโยคะ นั่งสมาธิ
ทำให้สามารถควบคุม
ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย
ที่มีต่อความเครียดได้ดีขึ้น
อย่างเช่น ความตึงของกล้ามเนื้อ
และอัตราการเต้นของหัวใจ
พบว่าผู้ที่ปวดศีรษะบ่อย ๆ
มีอาการทุเลาลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์
เมื่อทำกิจกรรมข้างต้น




ตัวกระตุ้นที่ 2 : การรักษาแบบผิด ๆ

เมื่อปวดศีรษะ
หลายคนมักพึ่งยาแก้ปวด
อย่างพาราเซตามอล
ไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
หรือนาพร็อกเซน (naproxen)
โดยหารู้ไม่ว่า
การกินยาแก้ปวดเหล่านี้
บ่อยกว่าสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง
มีผลต่อศูนย์ควบคุมความเจ็บปวดในสมอง
และอาจลดสารเซโรโทนิน (serotonin) ในสมอง
ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีมีความสุข
ผลก็คือ ทำให้ปวดศีรษะหนักและถี่ขึ้น
จนถึงขั้นปวดทุกวัน
ผู้หญิงยิ่งต้องระวัง
เพราะ 75 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ปวดศีรษะ
ด้วยสาเหตุนี้
เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะที่มีอายุเกิน 30 ปี



วิธีรับมือ

- อย่าใช้ยาบ่อย
และอ่านฉลากก่อนใช้
นาน ๆ ทีคงไม่เป็นไร
แต่ต้องมั่นใจว่า
ปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัด
หากกินเกินขนาดที่แนะนำ
จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการปวดศีรษะเรื้อรัง

- หากสงสัยว่าอาการปวดศีรษะเรื้อรัง
มีสาเหตุจากการใช้ยาแก้ปวดบ่อยเกินไป
ควรรีบปรึกษาแพทย์
ซึ่งจะแนะนำให้หยุดกินยา
หรือลดปริมาณยา
อย่างค่อยเป็นค่อยไป
การรักษาอาจสร้างความทรมานให้พอสมควร
แต่ระหว่างนี้
แพทย์อาจจ่ายยาแก้อาการปวดศีรษะบางตัว
เพื่อช่วยคุมอาการปวดด้วย
อาการควรดีขึ้นใน 1 - 3 สัปดาห์
แต่บางรายก็อาจใช้เวลานานถึง 3 เดือน




ตัวกระตุ้นที่ 3 : รอบเดือน

จากบรรดาผู้ป่วยไมเกรนเพศหญิงทั้งหมด
มีจำนวนถึง 60 เปอร์เซ็นต์
ที่มีอาการปวดศีรษะเฉพาะก่อนมีรอบเดือน
หรือช่วงวันแรกของรอบเดือน
สาเหตุเพราะการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน
ส่งผลให้สารเซโรโทนินลดลงไปด้วย
สังเกตได้ว่าในช่วงตั้งครรภ์
อาการปวดศีรษะจะลดลง
เพราะระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนค่อนข้างคงที่นั่นเอง



วิธีรับมือ

- พบแพทย์
แพทย์มักจ่ายยากลุ่มทริปแทน (triptan)
โดยอาจแนะนำให้กินติดต่อกัน 2 วัน
ก่อนมีประจำเดือน
หรือกินต่อเนื่องระหว่างมีประจำเดือน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความถี่ของอาการปวด
นอกจากนี้
ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
อย่างไอบูโพรเฟน
ถ้ากินทุกวันช่วงก่อนมีประจำเดือน 5 - 7 วัน
จะช่วยลดความถี่ของอาการปวดศีรษะได้เช่นกัน

- รักษาระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน
โดยใช้ยาคุมกำเนิด
เคยเชื่อกันว่าการกินยาเม็ดคุมกำเนิด
ทำให้อาการปวดศีรษะแย่ลง
แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
ตรงกันข้าม
การกินยาเม็ดคุมกำเนิดขนานใหม่ ๆ
ที่มีระดับฮอร์โมนไม่สูงนัก
ต่อเนื่องกันทุกวัน
อาจบรรเทาอาการปวดได้
เพราะช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน
ไม่ให้เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม
เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจน
ดังนั้นหากคิดจะกินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบต่อเนื่อง
เพื่อลดอาการปวดไมเกรน
ควรปรึกษาแพทย์ก่อน




ตัวกระตุ้นที่ 4 : การเก็บกดความโกรธ

การพยายามเก็บความโกรธไว้คนเดียว
ไม่ส่งผลดีทั้งต่อคุณเองหรือต่อใคร ๆ
เพราะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงกว่า
และมากกว่าโรคเครียดและโรคจิตกังวลเสียอีก
เมื่อเราโกรธ
กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายจะตึง
รวมถึงบริเวณแผ่นหลังลำคอ
และใต้หนังศีรษะ
ทำให้ปวดศีรษะ
และมีอาการคล้ายมีอะไรรัดศีรษะ
จนแทบจะระเบิดออกมา



วิธีรับมือ

- ครั้งต่อไปที่เริ่มรู้สึกเดือดปุด ๆ
ให้สูดหายใจเข้าลึก ๆ
โดยใช้เวลานานกว่าปกติ
กลั้นไว้ 3 - 5 วินาที
ขณะใช้นิ้วโป้งจรดกับนิ้วชี้วางไว้บนหน้าตัก
ให้เหมือนกันสองข้างคล้ายนั่ง สมาธิ
แล้วหายใจออกทางปากช้า ๆ
จนรู้สึกว่าลมระบายจากปอดทั้งหมด
ทำซ้ำ 2 - 3 ครั้ง
จะช่วยบรรเทาอาการตึงของกล้ามเนื้อคอและไหล่
ป้องกันอาการปวดศีรษะได้

- เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว
คิดทบทวนว่า
จำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นหรือไม่
กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
หน้าตาน่าเกลียดแค่ไหนในตอนนั้น
เรื่องที่โกรธสำคัญขนาดต้องจดจำไปเป็นเดือน ๆ ไหม
วิธีนี้ช่วยให้คุณคิดบวกและหาทางออกได้ดีขึ้น
พบว่าคนที่ปล่อยวางความโกรธในช่วงแรก
สามารถจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้นในเวลาต่อมา
ตรงกันข้ามถ้าเลือกที่จะโกรธ
คุณจะหงุดหงิดจนปวดศีรษะตลอดทั้งวัน

- ถ้าโกรธจนปวดศีรษะไปแล้ว
หาผ้าชุบน้ำอุ่นประคบต้นคอ
บริเวณท้ายทอยสัก 2 - 3 นาที
ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อคอ (sternocleido-mastoid muscles)
ซึ่งเป็นจุดหลัก
ที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจากความเครียด




ตัวกระตุ้นที่ 5 : อาหารบางชนิด

หากรับประทานชีส ช็อกโกแลต
และน้ำอัดลมประเภทไม่ผสมน้ำตาล
แล้วเกิดอาการปวดศีรษะ
ก็ไม่ต้องแปลกใจ
เพราะพบว่าสารเคมีในอาหารเหล่านี้
มีส่วนกระตุ้นอาการปวดศีรษะไมเกรน
เช่น ไทรามีน (ในชีส) ทีโอโบรมีน (ในช็อกโกแลต)
และแอสปาร์แตม (ในเครื่องดื่ม)
ผงชูรสและไนเตรต (ในเนื้อปลาปรุงรสหรือไส้กรอก)
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสนับสนุนว่า
เพียงเลิกน้ำอัดลม
ก็สามารถทำให้อาการปวดศีรษะลดลงได้



วิธีรับมือ

- จดรายการอาหารที่รับประทาน
เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
ของอาการปวดศีรษะ
อะไรที่กินแล้วปวดศีรษะก็พยายามเลี่ยง
จากนั้นสังเกตดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่

- อย่าอดอาหาร การงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดิ่งลง
จนอาจเป็นสาเหตุ
ของอาการปวดศีรษะไมเกรนได้




ตัวกระตุ้นที่ 6 : กลิ่นน้ำหอม

- กลิ่นหอมอ่อน ๆ
อาจน่าหลงใหลแต่กับบางคน
นั่นอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะ
กลิ่นต่าง ๆ
ล้วนมีผลต่อสารต่าง ๆ ในสมอง
พบว่าคนที่ปวดไมเกรนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
แพ้กลิ่นฉุน
เช่น กลิ่นน้ำยาถูพื้นและกลิ่นน้ำหอม



วิธีรับมือ

อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท
แน่นอนว่าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงกลิ่นฉุน ๆได้เสมอไป
แต่สิ่งที่ทำได้
คือ พยายามจัดบ้านและที่ทำงานให้อากาศถ่ายเทสะดวก
อาจใช้วิธีติดตั้งพัดลมระบาอากาศ
หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม





ปวดศีรษะแบบไหน

การวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง
เป็นขั้นแรกสู่การรักษาที่ได้ผล





ไมเกรน

ปวดศีรษะตุบ ๆ รุนแรง บริเวณขมับหน้าผาก เบ้าตา หรือท้ายทอย และมักปวดศีรษะข้างเดียวทั้งยังอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ถ่ายท้อง ไวต่อเสียงและแสงผิดปกติ มักเป็นซ้ำๆ แบบเดิม

วิธีการรักษาที่ได้ผล

รับประทานแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาแก้ปวดไมเกรนโดยเฉพาะ เช่น เอกซ์เซดริน (excedrin) หากอาการไม่ดีขึ้นหรือปวดมากกว่าเดิม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการป้องกันด้วย





ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงเครียด

รู้สึกว่าเส้นตึง ปวดบริเวณท้ายทอยต้นคอ หรือปวดทั่วทั้งศีรษะคล้ายมีอะไรมาบีบรัด มักไม่ปวดบ่อย ๆ และไม่มีรูปแบบซ้ำเดิม แต่บางคนอาจปวดเรื้อรัง

วิธีการรักษาที่ได้ผล

ไม่ว่าจะเป็นแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือพาราเซตามอล ก็ใช้บรรเทาอาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงเครียดได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าคุณปวดศีรษะเรื้อรัง ปรึกษาแพทย์ดีที่สุด





ไซนัส

ปวดบริเวณแก้ม ระหว่างหัวคิ้ว และกลางหน้าผาก และมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น น้ำมูกไหลลงคอและเจ็บคอ

วิธีการรักษาที่ได้ผล

ใช้แอสไพรินไอบูโพรเฟน หรือนาพร็อกเซน ที่มีฤทธิ์ลดอาการปวดและต้านอาการอักเสบร่วมกับยาลดอาการคัดจมูก ซึ่งทำให้อาการปวดลดลง คุณยังควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือให้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ






เทคนิคง่าย ๆ แก้ปวดศีรษะ




- ร่างกายแข็งแรง และอารมณ์ดี

น่าจะเป็นเพราะไทชิเน้นการผ่อนคลาย การกำหนดลมหายใจและการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนสัมพันธ์กัน จึงช่วยลดอาการปวดศีรษะได้




- กินแมกนีเซียม

พบว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยไมเกรนมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำ ผู้หญิงส่วนหนึ่งมีแมกนีเซียมในร่างกายค่อนข้างต่ำและยิ่งต่ำลงอีกในช่วง เครียด การรับประทานวิตามินเสริมแมกนีเซียมวันละ 400 มิลลิกรัม จึงเป็นอีกวิธีช่วยลดอาการปวดศีรษะ




- กินวิตามินเสริมโคเอนไซม์ Q10

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีในร่างกายคนเรา พบว่าผู้ที่รับประทานโคเอนไซม์ Q10 เป็นอาหารเสริมครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 3 เวลา มีอาการปวดไมเกรนน้อยลง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพราะสารนี้อาจทำปฏิกิริยากับยาชนิดอื่นๆ ที่รับประทาน




ขอบคุณที่มา
//www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=67&post_id=88072









Create Date : 11 มีนาคม 2553
Last Update : 22 สิงหาคม 2553 8:41:24 น. 4 comments
Counter : 1650 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะคุณวี
หมู่นี้อุ้มปวดหัวอยู่บ่อยๆ
จะได้จำไปใช้บ้างค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:15:05:36 น.  

 
You don't have to go looking for love
when it's where you come from.

Werner Erhard



โดย: Elbereth วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:16:58:58 น.  

 


โดย: thanitsita วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:17:13:29 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
เป็นคนหนึ่งที่เป็นไมเกรน
และปวดศรีษะรุนแรงมาก


โดย: mon IP: 125.27.138.118 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:14:50:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โสดในซอย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]






e-mail ติดต่อโสดในซอย
singleinsoi@hotmail.com






Facebook โสดในซอย
http://www.facebook.com/profile.php?id=100002317657363





“เติมรักให้เต็มรุ้ง”
งานเขียนล่าสุดของ “โสดในซอย”

สั่งซื้อในบล็อก
พร้อมลายเซ็น
ราคารวมค่าส่ง 305 บาท
โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ
หมายเลขบัญชี 020-056941-6
ชื่อบัญชี มนชญา
โปรดโอนให้มีเศษสตางค์
เพื่อง่ายแก่การอ้างอิง
และแจ้งรายละเอียดการโอน
พร้อมทั้งชื่อ-ที่อยู่ที่จะให้จัดส่ง
ที่หลังไมค์ได้เลย
หรือตามร้านหนังสือค่ะ

ขอบคุณค่ะ





ความรักคะ ฉันมีเรื่องจะฟ้อง
ของ "โสดในซอย"
โดย สำนักพิมพ์ 'ษาริน
วางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ
หรือสั่งซื้อในบล็อกได้เช่นกัน
ราคา 220 บาทรวมค่าส่งค่ะ








ขายหรือให้เช่า
ศุภาลัย ปาร์ค ติวานนท์
35 ตร.ม. ใกล้รถไฟฟ้าสถานีกระทรวงสาธารณสุข
ไลน์ aazz999




Friends' blogs
[Add โสดในซอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.