ผู้อำนวยการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ทาง ภตช. ร่วมกับสถาบันอิศราจะจัดเสวนาเรื่อง "กรณีไร่ส้ม
บทพิสูจน์ความเข้มแข็งของสังคมในการต่อสู้คอร์รัปชั่น"
โดยมีวิทยากรเข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล, มล.ผกาแก้ว บุญเลี้ยง, รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์, ดร.เสรี วงษ์มณฑา, คุณประมนต์ สุธีวงศ์, คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม, คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, คุณจักร์กฤษ เพิ่มพูล และคุณสุวรรณา จิตประภัสสร์
การจัดเสวนาดังกล่าว สืบเนื่องมาจากกรณีที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดว่า เจ้าหน้าที่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวนหนึ่ง สนับสนุนให้มีการทุจริต ทำให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในนามของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด สามารถยักยอกเงินค่าโฆษณาของ อสมท เป็นเงิน 138 ล้านบาท จากนั้น นายสรยุทธ ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับ อสมท แล้ว
ส่วนคดีทุจริตจะดำเนินการต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป โดยคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548-15 กรกฎาคม 2549 ก่อนที่นายสรยุทธจะย้ายมาเป็นผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ไทยที่วีสีช่อง 3 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผลการชี้มูลความผิดดังกล่าว ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ทั้งที่จรรยาบรรณของสื่อมวลชนคือการตีแผ่ความจริงให้สังคมได้รับรู้ แต่หากผู้ทำหน้าที่สื่อได้กลายเป็นนักธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไร และมีการคดโกงเช่นนี้ ต่อไปเราจะเชื่อถือในความเที่ยงตรงของสื่อได้อย่างไร
การที่ถูกจับได้ว่าโกงเงินไป แล้วค่อยเอามาคืนทีหลัง ถือว่ารัฐไม่เสียหายจริงหรือ แล้วต่อไปเราจะสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม แก่เด็ก ๆ ได้อย่างไร และที่สำคัญคอร์รัปชั่นควรเป็นปัญหาที่ประชาชน นักธุรกิจ และรัฐ ต้องร่วมมือกันต่อต้านทุกรูปแบบ และควรร่วมกันปฎิเสธ "ไม่คบคนโกง" ใช่หรือไม่
ควรมีการรณรงค์ให้ทุกฝ่ายร่วมกันต่อสู้กับคอร์รัปชั่นด้วยการสร้างกระแสกดดันทางสังคม ต่อบุคคลที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชั่น รวมถึงสร้างบรรทัดฐานให้เกิดการตรวจสอบ แก้ไข ลงโทษในทุกกรณีของคอร์รัปชั่น เพื่อเป็นการรณรงค์ยกระดับมาตรฐานคุณธรรมของสังคมไทย
INNNEWS.CO.TH