|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วัดโลกโมฬี เชียงใหม่
วัดโลกโมฬี เชียงใหม่
วัดโลกโมฬี สร้างขึ้นในสมัยใดนั้นยังหาหลักฐานได้ไม่แน่ชัดแต่จากหลักฐานที่ ปรากฏอยู่ในตำนานวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ (ฉบับพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔) มีความว่า " เมื่อ พ.ศ. ๑๙๑๐ พระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ล้านนารัชกาลที่ ๖ แห่งราชวงศ์เม็งรายและรัชกาลที่ ๓๑ หากนับแต่พระเจ้าลวจังกราช เป็นต้นมา พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม และมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสใน พระมหาอุทุมพรบุปผมหาสวามีเจ้า เมืองมติมา (เมืองเมาะตะมะ) จึงใช้ให้ราชบุรุษไปอัญเชิญพระมหาเถระเจ้ามาสืบศาสนาในล้านนา แต่พระมหาเถระทรงชราภาพ จึงให้พระอนันทะเถระและพระเถระที่เป็นศิษย์อีก ๑๐ รูป มายังนครเชียงใหม่และจำพรรษาอยู่ที่วัดโลก" และการที่พระเจ้ากือนา นำพระเถระที่พระองค์เคารพศรัทธาและเป็นแขกต่างเมืองไปพักจำพรรษาที่วัดโลก วัดนั้นจะต้องเป็นวัดที่เหมาะสมใหญ่โต เป็นสัปปายะสถานเป็นแน่แท้
เจดีย์วัดโลกโมฬี
เจดีย์วัดโลกโมฬี มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนว่า เจดีย์ของวัดโลกโมฬีในปัจจุบันเป็นเจดีย์ที่สร้างปลาย พุทธศตวรรษที่ 21 ตำนานระบุว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระเมืองเกศเกล้า เมื่อ พ.ศ. ๒๐๗๑ เป็นเจดีย์ทรงปราสาท ได้มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่เจดีย์วัดโลกโมฬี การพัฒนารูปแบบได้เพิ่มความสูงของเจดีย์คือ ส่วนฐาน ได้แก่ชุดฐานปัทม์ ลูกแก้ว อกไก่ เพิ่มเป็น ๒ ชุดอย่างชัดเจนโดยฐานปัทม์ชั้นล่างไม่มียกเก็จ ที่ฐานปัทม์ชั้นที่สองมีจำนวนยกเก็จที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นมุมที่มีขนาดเล็กล ส่วนกลาง ยังคงเป็นเรือนธาตุในผ้าสี่เหลี่ยมยกเก็จ ที่มีขนาดของมุมเล็กลง และจำนวนของมุมมากขึ้นเช่นเดียวกับฐานปัทม์ด้านล่าง ทั้งสี่ด้านของเรือนธาตุมีซุ้มจระนำ มีรูปแบบของซุ้มลดได้ กรอบซุ้มจระนำมีการผสมผสานกันทั้งกรอบแบบคดโค้ง และกรอบแบบวงโค้ง ตลอดจนแนวของลูกแก้ว อกไก่ที่ประดับเสารับซุ้มจระนำ ก็มีขนาดเด่นขึ้น กลายเป็นรูปงอนคล้ายบัวคว่ำที่เรียกกันว่า ปากแล ส่วนยอด เหนือเรือนธาตุ มีการพัฒนาความสูงโดยเพิ่มจำนวนของชั้นลดรูปฐานปัทม์ลูกแก้ว อกไก่ ยกเก็จซ้อนกันสามฐาน รับทรงระฆังและบัลลังก์สิบสองเหลี่ยม ปล้องไฉนและปลี ซึ่งองค์ระฆังและบัลลังค์นั้น เป็นลักษณะร่วมของเจดีย์ทรงระฆัง
พระประธานภายในพระวิหาร
พระวิหารด้านข้าง แกะสลักสวยงามแบบศิลปะล้านนา
สมัยพระนางจิรประภาเทวีเป็นกษัตริย์เชียงใหม่ (ครองราชย์ พ.ศ.๒๐๘๘-๒๐๘๙) สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์อยุธยา ยกทัพขึ้นมาหมายจะตีเมืองเชียงใหม่ พระนางจิรประภาแต่งเครื่องบรรณาการไปถวาย และทูลเชิญสมเด็จพระไชยราชาธิราช เสด็จมาทำบุญที่กู่พระเมืองเกศเกล้าที่วัดโลกโมฬี พระองค์ได้พระราชทานราชทรัพย์ทำบุญไว้กับกู่พญาเกศอีก ๕,๐๐๐ เงิน กับผ้าทรง ๑ ผืนและพระราชทานรางวัลให้กับเจ้านาย ขุนนางที่รับเสด็จ
สภาพปัจจุบันของวัดโลกโมฬี
เดิม วัดโลกโมฬี มีสภาพเป็นวัดร้าง โดยวัดได้ร้างไปเมื่อคราวเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีโฉนดออกเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ผืนที่ ๑ มีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๒๘ ตารางวา ผืนนี้มีเจดีย์ตั้งอยู่ ผืนที่ ๒ มีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๙ ตารางวา มีซากโบราณสถานอยู่ วัดโลกโมฬี ได้รับการรื้อฟื้นจากการเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ โดยคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้พระญาณสมโพธิ เจ้าคณะอำเภอเมือง เชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ และพระครูประภัทร์ธรรมรังษี เจ้าคณะตำบลศรีภูมิเขต ๓ ดำเนินการพัฒนาบูรณะวัดโลกโมฬี จนกระทั่งวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๔ กรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติให้ยกวัดโลกโมฬี (ร้าง) เป็นวัดมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และได้แต่งตั้งให้ พระญาณสมโพธิ เป็น รักษาการเจ้าอาวาส วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่ เลขที่ ๒๒๙ ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พระมหาเจดีย์เก่าแก่
พระวิหารที่ได้รับการสร้างใหม่ เป็นศิลปะล้านนา
ลายปูนปั้นศิลปะล้านนา
กุฏิสงฆ์รูปทรงล้านนา
Create Date : 20 พฤษภาคม 2554 |
|
6 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 5:52:46 น. |
Counter : 3743 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: auau_py 20 พฤษภาคม 2554 8:28:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: *SUPRA* 20 พฤษภาคม 2554 9:23:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้ำโซดา@kaengho.com (sodacawaii ) 5 สิงหาคม 2554 4:43:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: register (nrokas_1 ) 25 กันยายน 2554 14:25:30 น. |
|
|
|
|
|
|
|