BlogGang.com : : Snoopy in BKK : ไปล่องแก่ง ไปไหว้พระ ..... ที่พิษณุโลก

ไปล่องแก่ง ไปไหว้พระ ..... ที่พิษณุโลก

28-29 /10/2006

ได้ฤกษ์มา Update blog ของตัวเองซะทีค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปนาน ก็ปีนี้ฝนฟ้าน้ำท่ามันเยอะซะเหลือเกิน ทำให้เราต้องอุดอู้อยู่แต่ในเมือง ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ทำให้ไม่มีอะไรมาเขียนใน blog ของตัวเองเล้ยยย....คันไม้คันมือเป็นที่สุด

พอฝนเริ่มซา เราก็เริ่มหาเรื่องเที่ยวทันที ทริปนี้เราจะไปล่องแก่งลำน้ำเข็กกันค่ะ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งล่องแก่งชั้นดีแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยนะคะ

ลำน้ำเข็กอันเลืองชื่ออยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกนี่เอง พวกเราได้ไปซื้อ Package จากงานไทยเที่ยวไทยไว้ได้พักใหญ่ๆแล้ว ตอนแรกกะจะไปกันตั้งแต่ปลายเดือนกันยา แต่ฟ้าฝนก็ไม่ค่อยจะเป็นใจ ประกอบกับภาพข่าวน้ำท่วมที่คอยหลอกหลอนพวกเราอยู่ตลอดเวลา

เราจึงต้องเลื่อนทริปนี้มาเป็นปลายเดือนตุลาที่ผ่านมานี่เอง

งานนี้เรารวมตัวกับเพื่อนๆ สมัย ป.ตรี ออกจากกรุงเทพฯ กันตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปทานข้าวเที่ยงกันที่รีสอร์ทที่จองไว้ แล้วจะไปล่องแก่งกันในช่วงบ่าย คราวนี้เราจะขอไปพักกันที่ Rain Forest Resort ค่ะ

พอรวบรวมสมาชิกได้ครบ เราก็มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดพิษณุโลกกันเลย .... ระหว่างทางก็ได้เห็นร่องรอยความเสียหายจากน้ำท่วมอยู่เป็นระยะ อ้อ...หากช่วงนี้ใครคิดจะไปเที่ยวทางเหนือโดยใช้ถนนสายเอเชีย อยากให้เผื่อเวลากันไว้ด้วยนะคะ เพราะตอนนี้เค้ากำลังทำการขยายถนนกันอยู่ค่ะ

ใช้เวลาเดินทางกันประมาณเกือบ 5 ชั่วโมง เนื่องจากมาผิดเส้นทาง .....

ที่จริงเรากะจะไปทางอำเภอตากฟ้า แต่ไปๆมาๆ กลายไปโผล่ที่นครสวรรค์ซะได้ เลยได้ขับรถอ้อมกันไปเกือบ 50 กิโลเมตร เราก็มาถึงที่รีสอร์ทแสนสวยของพวกเรากันค่ะ

Rain Forest Resort นี้ตั้งอยู่ในเขตอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลกค่ะ จากพิษณุโลก ถ้าขับรถไปตามถนนสาย 12 ไปเรื่อยๆ ก็จะได้ไปเที่ยวเขาค้อกันค่ะ ....... ไว้คราวหน้านะ จะไม่ยอมพลาดเลยเพราะเส้นนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเพียบเลยค่ะ เช่น ทุ่งแสลงหลวง หรือภูทับเบิกยอดฮิตก็ไปได้นะคะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่

เข้ารีสอร์ทปุ๊บ เค้าก็ต้อนรับพวกเราด้วยน้ำมะตูมหวานหอมชื่นใจ

และก็พาพวกเราไปส่งที่ห้องพักค่ะ และนี่คือห้องของพวกเราค่ะ

เปิดประตูมาก็จะได้เจอกับเตียงขาวสะอาดพอดีกับจำนวนคนเลยค่ะ

จัดการเก็บกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเราก็พร้อมไปผจญภัยกันแล้วค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน.....กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่คะ .... พวกเราก็เลยแวะทานอาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้กันก่อน มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ เมนูที่นี่จะเน้นพวกปลาเป็นพิเศษ ถูกใจเรามากๆๆ และขอยืนยันเลยนะคะว่า ที่นี่อาหารเค้าอร่อยจริงๆ ค่ะ

พอพวกเราอิ่มจากมื้อกลางวันกัน ทางเจ้าหน้าที่ของ Pop Tour ก็มารับพวกเราที่หน้ารีสอร์ทพอดีเลยค่ะ และคราวนี้เนื่องจากเรามากันแค่ 4 คน เราก็ต้องไป join เรือกับคณะอื่นค่ะ พวกเราก็ลุ้นกันใหญ่ว่าคนที่จะลงเรือลำเดียวกับพวกเราจะเป็นไงน้า....

หลังจากปีนป่ายขึ้นหลังรถกระบะ (ปีนจริงๆนะ เพราะมันสูงมาก) เราก็เห็นว่าหนึ่งในคนที่จะไปล่องแก่งด้วยกันหน้าตาคุ้นมากๆ เลยลองเสี่ยงถามไปว่า

เรา : เอ่อ...พี่ ..... (ขอสงวนนามพี่เค้าละกันนะคะ) หรือเปล่าคะ?
พี่เค้า : ใช่ครับ น้อง....... หรือเปล่าครับ?

กลายเป็นว่า พี่เค้าคือเพื่อนของเพื่อนเราเอง ก็ดีเนอะ วัยใกล้เคียงกัน แถมรู้จักกันด้วย การล่องแก่งจะได้สนุกขึ้น หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันประมาณนึง เราก็มาถึงด้านในของทรัพย์ไพรวัลย์รีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะเริ่มล่องแก่งกันค่ะ

ก่อนจะลงไปล่องแก่ง เพื่อความปลอดภัย ทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ และ Helmet กันก่อนค่ะ แล้วก็ต้องมาฟังทางพี่ไกด์เค้าสอนวิธีการพายกันด้วย

ก่อนลงน้ำ ขอภาพหมู่ซักรูปค่ะ

หลังจากนั้น เค้าก็ให้พวกเราแบกเรือไปลงน้ำ พอเรืออยู่ในน้ำปุ๊บ พวกเราก็โดดขึ้นเรือกันเลยค่ะ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในเรือกันพร้อมแล้ว........ตื่นเต้น ตื่นเต้น

แล้วพี่ไกด์ก็ให้พวกเราลองซ้อมพาย ลองเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตามที่สอนมากันก่อน อ้อ...ใครอู้ พี่ไกด์ด้านหน้าพร้อมจะตีหัวทันทีค่ะ ......

ล้อเล่นค่ะ พี่ๆ ทั้งสองคนของเรือเราใจดีและดูแลดีมากๆ ค่ะ

พอเค้าเห็นว่าน่าจะพอเอาตัวรอดกันได้ ก็ได้เวลาเริ่มออกผจญภัยกันแล้วค่ะ........ ความสนุกรออยู่ข้างหน้าแล้วค่ะ.....พวกเรา....ลุย!!!

การล่องแก่งลำน้ำเข็กจะมีข้อดีอยู่ที่ แก่งที่ล่องจะเริ่มจากระดับง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ แรงขึ้นเรื่อยๆ พอใกล้ๆ จะสุดทางพวกเราก็จะได้เจอกับแก่งระดับ 5 กันด้วยค่ะ

หลุดจากแก่งนึง ก็ช่วยกันพายไปเพื่อจะไปพบกับความสนุกตื่นเต้นที่ยังรอเราอยู่อีกด้านหน้า

บางแก่ง เรือก็ต้องมุดน้ำ พวกเราก็ต้องมุดกันเข้ามาในเรือ...... แหม ก็กลัวตกเรือเหมือนกันนะคะ......

แต่ขอบอกค่ะ สนุกและมันส์มากๆ จริงๆ

และเราก็หลุดจากแก่งระดับ 5 ออกมาได้อย่างปลอดภัย สมาชิกยังอยู่บนเรือกันครบค่ะ

ระหว่างที่ล่องแก่ง ในบางช่วงจะได้เจอกับช่วงน้ำนิ่ง (แต่ไหลลึกหรือเปล่าก็ไม่รู้) พี่ไกด์เค้าก็ให้พวกเรากระโดดลงไปลอยคอเล่นกันในน้ำได้ค่ะ รูปนี้ถ่ายกันตอนจะขึ้นฝั่งแล้วค่ะ แอบเคืองตากล้องนิดนึง พวกเราอุตส่าห์ว่ายมากอดคอกันซะดิบดี เห็นหันกล้องมาทางนี้ นึกว่าจะซูมมาที่สาวสวยอย่างพวกเรา กลายเป็นถ่ายมุมกว้างไปซะนี่

พวกเรามาขึ้นฝั่งกันที่บริเวณวนธารา เฮลท์ รีสอร์ท แอนด์ สปาค่ะ เห็นป้ายนี้ปุ๊บ รีบวิ่งมาจองพื้นที่กันเลยค่ะ

หลังจากทานของว่างกันแล้ว พวกเราก็ไปรับเข็มกลัดที่ระลึกจาก ททท กันค่ะ เป็นรูปน้องสุขใจกำลังใส่ชูชีพล่องแก่ง น่ารักดีค่ะ

กลับจากล่องแก่ง พวกเราเห็นว่าไหนๆ ก็เปียกกันทั้งตัวอยู่แล้ว ก็เลยขอไปเที่ยวกันต่อที่น้ำตกใกล้ๆ กับที่พัก .... เราจะไปเที่ยวกันที่ น้ำตกแก่งซอง ค่ะ น้ำตกที่นี่เดินจากถนนเข้ามานิดเดียวก็จะได้เห็นวิวนี้แล้วค่ะ

น้ำตกแก่งซองจะเป็นลานน้ำตกกว้างๆ หินที่อยู่บริเวณน้ำตกจะเป็นหินออกเหลี่ยมๆ แปลกตาดีเหมือนกันค่ะ เห็นคนที่นี่เค้าบอกว่า ช่วงนี้คือช่วงที่น้ำน้อยแล้วนะคะ ยังดูแรงดีใช้ได้เลยค่ะ ...... แต่พวกเราไม่ได้เล่นน้ำกันนะคะ กลัวไม่ได้กลับขึ้นมาอ่ะค่ะ

ก่อนกลับจากน้ำตก ขอรูปหมู่กะเพื่อนรักหน่อยค่ะ

กลับจากน้ำตก อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อย ก็พอดีเวลาอาหารเย็นพอดี อาหารอร่อยอีกแล้วค่ะ พวกเราเลยกิน (เอ หรือควรจะเรียกว่า ..ฟาด..ดีนะ) กันซะเรียบ

แล้วพอดีพี่ที่ไปล่องแก่งด้วยกันเค้ามานั่งกินกาแฟพอดี ก็เลยคุยกันสักพัก ...... หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนกันแล้วค่ะ เลยแยกย้ายกันไปนอน

วันรุ่งขึ้น พวกเราต้องเตรียมตัวกลับแล้วค่ะ ว้า.....ทำไมเวลามาเที่ยวเวลามันเร็วจัง

หลังอาหารเช้า เราก็มานั่งรับอากาศบริสุทธิ์กันที่ริมน้ำค่ะ มีศาลาไว้ให้นั่งเล่นด้วยค่ะ ส่วนที่นอนตรงนี้ น่าเอาหนังสือมานอนอ่านเป็นที่สุด

วิวของลำน้ำเข็กที่ไหลผ่านรีสอร์ทก่อนจะไปลงแม่น้ำน่านค่ะ

หันมาอีกด้าน จะเจอกับบ้านหลังนี้ ถ้ามากันหลายคน อาจจะได้นอนบ้านหลังนี้ ซึ่งใกล้ชิดลำน้ำเข็กสุดๆ รีสอร์ทเค้าเขียวดีนะคะ

พวกเราออกจากรีสอร์ทกันตอนสาย แล้วมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองพิษณุโลกเพื่อจะไปไหว้พระพุทธชินราชกันที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหารหรือที่คนที่นี่เค้าเรียกกันว่า วัดใหญ่ กันค่ะ

ระหว่างทางจากอำเภอวังทองเข้าไปตัวเมือง จะต้องผ่านสี่แยกใหญ่แยกนึง พร้อมกับสะดุดตากับป้ายบอกทางป้ายนี้ค่ะ .....อ้อ...แยกนี้เค้าเรียกว่า แยกอินโดจีนค่ะ ทริปหน้า ไปเที่ยวไหนกันดีคะ ช่วยเลือกหน่อยค่ะ

ก่อนจะถึงวัดใหญ่ เราได้ขอร้องแกมบังคับเพื่อนคนที่ขับรถให้แวะทานกาแฟอร่อยๆ ที่ร้านประจำของเรากันก่อนค่ะ ร้านนี้ชื่อ Siam Iyara เป็นร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ที่อยู่ในบริเวณโรงแรมรัตนาปาร์คค่ะ ร้านนี้เมื่อก่อนจะแวะกินประจำเพราะเราต้องมาทำงานที่พิษณุโลกทุกเดือนค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้มาแล้ว

ขอรับประกันเลยนะคะว่าทั้งกาแฟและเค้กที่นี่ อร่อยจริงๆค่ะ ใครได้ผ่านมา ไม่อยากให้พลาด จริงๆ นะคะ ขนาดเพื่อนๆ เรายังติดใจที่นี่กันทุกคนเลยค่ะ

อิ่มจากเค้ก เราก็ไปไหว้พระกันที่วัดใหญ่ แต่ขอโทษนะคะไม่มีรูปมาฝาก

ที่วัดใหญ่นี้พวกเราแวะซื้อของฝากขึ้นชื่อของที่นี่กันด้วย นั่นก็คือ กล้วยตาก ค่ะ

แล้วเราก็ย้อนกลับมาทางเดิม เพราะวันนี้เราจะกลับทางเส้น 11 ผ่านอำเภอตากฟ้า ทางที่พวกเราหากันไม่เจอเมื่อวันที่มาหน่ะค่ะ

ก่อนจะกลับ เราแวะเที่ยวกันอีกหน่อย พวกเราแวะไปเที่ยวกันที่ วัดราชศิริหิรัญญาราม หรือที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า วัดเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวกันค่ะ

วัดนี้ตั้งอยู่บนเขาค่ะ ออกจากวัดนี้ ถ้าเราขับรถขึ้นเขาไปอีกประมาณ 500 เมตร เราก็จะเจอกับ โรงเจไซทีฮูกตึ๊ง ซึ่งมี เจ้าพ่อเห้งเจีย อยู่ค่ะ

และที่นี่ มีจุดชมวิวจากมุมสูงด้วยค่ะ ยังพอเห็นร่องรอยน้ำท่วมอยู่เหมือนกันค่ะ

ตรงด้านหน้าทางเข้าไปไหว้เจ้าพ่อเห้งเจีย เราจะเห็นรูปปั้นของปีเกิดต่างๆ ยืนอยู่ที่ด้านหน้าค่ะ

หันมาอีกด้าน จะเป็นสวนที่มีเทพในนิยายจีนต่างๆ อยู่ท่ามกลางดอกไม้สีสันสวยๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ

นอกจากนี้ที่นี่ยังมี เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ด้วยค่ะ

ออกจากโรงเจนี้ เราก็ตรงดิ่งเข้ากรุงเทพฯ กันเลยค่ะ เจอรถติดแถวๆ อยุธยายาวมาก เราเลยเลี่ยงมาออกทางวังน้อยกันแทน ก็พอช่วยได้ค่ะ

ถึงกรุงเทพฯ ก็แยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมกับความสนุกสนานจากการท่องเที่ยวในครั้งนี้ และอากาศดีๆ เต็มปอดจากพิษณุโลกค่ะ

ทริปนี้ก็คงต้องจบลงตรงนี้แล้วค่ะ ไว้ถ้าไปเที่ยวไหนอีก จะเก็บมาฝากกันอีกแน่นอนค่ะ

บ๊ายบายค่ะ

Create Date : 31 ตุลาคม 2549

Last Update : 31 ตุลาคม 2549 11:16:22 น.

6 comments

Counter : 2312 Pageviews.