ตามที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้ปั้นสัตว์หิมพานต์ 3 คู่ ประดับบริเวณบันไดทางขึ้นพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และรับเป็นองค์ธุระในการประสานกับสถานทูตไทยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการจัดหากระดาษทองย่นที่ใช้ประดับตกแต่งพระเมรุให้มีความสวยงามนั้น น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะหัวหน้าทีมผู้ออกแบบพระเมรุ อธิบายว่า การปั้นสัตว์หิมพานต์ 3 คู่ ประดับบริเวณบันไดพระเมรุนั้นเพื่อความสวยงาม และเพื่อสื่อให้รู้สึกว่าเป็นเขาพระสุเมรุ เพราะตามธรรมเนียมการสร้างพระเมรุ จะมีสัตว์หิมพานต์ประดับตั้งแต่ช่วงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ เริ่มต้นจากรูปเทวดาที่ประดับด้านบนพระเมรุ ส่วนบริเวณที่ต่ำลงมาอย่างบันไดพระเมรุ ก็จะมีรูปปั้นสัตว์หิมพานต์มาประดับ เพื่อให้รู้สึกว่าเหมือนเขาพระสุเมรุ จะสื่อถึงความรู้สึกที่ว่าเป็นทางขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ การประดับอาจจะมากกว่า 3 คู่ อยู่ที่ความเหมาะสมในการตกแต่งด้วย กิเลนสัตว์หิมพานต์เป็นสัตว์ในจินตนาการที่เกิดจากการผสมผสานของสัตว์หลายชนิด เช่น บริเวณหัวเป็นสิงห์ตัวเป็นกินนร หรือตัวเป็นคนหัวเป็นสิงห์ ซึ่งจะเห็นได้จากตามประตูวัดต่างๆ ที่นำหัวสิงห์มาประดับเฝ้าประตู ซึ่งสัตว์หิมพานต์จะเป็นสัตว์อะไรก็ได้ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง ส่วนการใช้กระดาษทองย่นเพื่อประดับตกแต่งพระเมรุให้สวยงาม และจะใช้ประดับตกแต่งพระเมรุในส่วนที่เป็นเป็นสีทองทั้งหมด เมื่อสร้างเสร็จแล้วประชาชนจะเห็นเป็นสีทองทั้งหลังก็มาจากการประดับตกแต่งด้วยกระดาษทองย่น จะไม่ใช่การทาสีหรือปิดทองแต่อย่างใด เพราะกระดาษชนิดนี้จะมีความย่นรับเงาและสะท้อนแสงที่ดีในบริเวณเหลี่ยมมุมของพระเมรุ และต้องใช้กระดาษจำนวนมากพอสมควร ส่วนที่ต้องนำเข้าจากประเทศจีนนั้น ก็เพราะประเทศไทยไม่มีการทำกระดาษชนิดนี้ กระดาษทองย่นจากประเทศจีนที่นำมาใช้ในการประดับตกแต่งพระเมรุนั้น ใช้มาตั้งแต่การสร้างพระเมรุในงานถวายพระราชทานเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในสมัยรัชกาลที่ 7 และงานถวายพระราชทานเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ซึ่งจะนำมาประดับตกแต่งส่วนที่เป็นผิวสีทองทั้งหมดของพระเมรุ