<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 สิงหาคม 2553
 
 
ละคร ซอนต๊อก ตอนที่ 59

ตอนที่ 59
“ถ้างั้น...ทำไมไม่กล้ามองหม่อมฉันตรง ๆ ล่ะ...สมัยก่อน หม่อมฉันเป็นคนที่บีบให้แม่ตัวเองต้องจบชีวิต นั่นก็เพื่อ...เห็นแก่ฝ่าบาท”
“แล้วยังไง เจ้ากลับมาโทษข้าใช่ไหม” ต๊อกมาน กล่าว
“ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน หม่อมฉันจะเอาตัวฝ่าบาทไปแลกกับสมุนไพร ฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ทำแบบนี้ ตอนนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง หม่อมฉันฟังแล้วชื่นใจนัก เพราะทรงเป็นคนแรกที่ไม่ตำหนิการกระทำของหม่อมฉัน หลายคนชอบว่าหม่อมฉันอวดดี แต่ฝ่าบาทกลับบอกว่าคือความมั่นใจมีคนบอกว่าหม่อมฉันโหดร้าย ฝ่าบาทบอกว่าไม่เป็นไร ทรงอภัยให้หม่อมฉันได้ พอมีคนมาว่าหม่อมฉันทำอะไรต่ำช้า ฝ่าบาทกลับชมว่าไม่ใช่อย่างงั้น เป็นวิธีที่ฉลาดต่างหาก ขนาดวันที่แม่หม่อมฉันตาย ฝ่าบาทก็ไม่เคยถามว่าหม่อมฉันนึกโกรธฝ่าบาทหรือเปล่า ตรงข้าม ยังทรงกอดหม่อมฉันด้วยซ้ำ”
“พอแล้ว อย่าพูดอีก”
“แล้วตอนนี้ เพราะอะไร ทำไมมาวันนี้กลับคิดว่าหม่อมฉันไม่จริงใจ ที่จะปกป้องฝ่าบาทอีกแล้ว ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะยึดครองเมืองหลวงซะเอง ความจริงใจของหม่อมฉัน ฝ่าบาทไม่ทรงมองเห็นแล้วหรือ เฮ้....เพื่อนฝูง มาคุยกับข้าหน่อยซิ เข้ามาเลย ใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าให้หมด ทีหลังถ้ากล้ามาคนเดียวอีก ข้าจะไม่มาช่วยจริง ๆ”
“บางครั้งข้าดูเจ้าแล้ว ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ” ต๊อกมาน กล่าว
“หึ....ใช่ เพราะรู้ว่าองค์หญิง ทรงไว้ใจหม่อมฉันมาก”
“แต่อย่างน้อย ก็น่าจะบอกข้าบ้าง”
“บอกแล้วทำไม ช่วยอะไรได้บ้าง... หม่อมฉันกลัวว่าพูดแล้ว องค์หญิงจะไม่ต้องการหม่อมฉันอีก” พีดัม กล่าว
-----@-----
โกโตและลูกน้องที่หนีรอดมาได้ รีบมาสมทบกับคิมยูซิน ทำให้คิมยูซินรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ซะแล้ว กับการเคลื่อนไหวของทหารที่ใส่หน้ากากสีแดง เคลื่อนไหวได้เร็ว 90 ลี้ต่อวัน สู้รบอยู่ตรงหน้า แต่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปอยู่ข้างหลัง ซึ่งคิมยูซินยอมรับว่าเขายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้
-----@-----
ขณะที่แม่ทัพของแพ่กเจก็รู้ดีว่าคิมยูซิน ยังหาทางแก้เกมพวกเขาไม่ได้ จึงใช้วิธีปั่นหัวทหารของคิมยูซิน ด้วยความแค้นที่รู้ว่า คิมยูซิน คือคนที่เข้าไปสอดแนมในค่ายเมื่อต้นเดือนก่อน
-----@-----
ในที่สุดคิมยูซินก็แก้ปริศนาที่ทหารแพ่กเจหลอกพวกเขาได้สำเร็จ
“หา...หัวหน้าหน่วยประจันบานมีสองคน นี่มันหมายความว่าไง”
“ใช่อย่างงั้นจริง ๆ หน่วยประจันบานมี 2 กลุ่ม แต่ทำให้เหมือนเป็นกลุ่มเดียว ใช้วิธีไปมาอย่างเร็ว ทำให้เราสับสน นึกว่าพวกมันร้ายกาจมาก”
“โธ่เอ๊ย...อย่างงั้นหรอกหรือ...เกือบหลงกลเข้าซะแล้ว...”
“เพราะไม่อาจคาดการณ์เรื่องความเร็ว ทำให้เราวางแผนรับมือไม่ถูก และทหารก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก จนหมดกำลังใจจะสู้ต่อ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นการตบตา”
“เฮอะ....บ้าจริง มีเรื่องแบบนี้ด้วย”
“เจ็บใจนัก ใช้วิธีสกปรกแบบนี้” ยิมจง กล่าว
“ถึงจะสงสัยว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำช้าแบบนี้”
“ที่แท้ท่านหลอกให้พวกมันผ่านดินโคลน เพื่อจะพิสูจน์เรื่องนี้หรอกหรือ”
“ตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง เป้าหมายคือฐานทัพของแพ่กเจ...หน้าที่ของท่านจูจิน คืออ้อมทางด้านหลังไปวางเพลิงเผาค่าย แล้วจู่โจมที่หน่วยบัญชาการ” คิมยูซิน กล่าว
“แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ มีหน่วยประจันบานอยู่สองกลุ่ม งั้นพวกมันก็อาจซุ่มอยู่แถวนี้เพื่อรอเราก็ได้”
“ตอนนี้พวกมัน...ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว”
“หือ....อะไรนะ”
“ถ้ากลุ่มหนึ่งออกมาทำงาน อีกกลุ่มจะเก็บตัวไว้ เพื่อให้แผนตบตาชาวบ้านของพวกมัน ได้ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ....และก่อนที่ความลับจะเปิดเผย พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวพร้อมกัน”
“อ้อ...ครับ แม่ทัพใหญ่”
“และตอนนี้ เราจะโต้ตอบพวกมันกลับบ้าง ยิมจง”
“ครับ แม่ทัพใหญ่”
“นับแต่นี้ให้เจ้าปลอมตัวเป็นข้า และยังมีแวยาอีกคน”
“ครับ แม่ทัพใหญ่”
“ตอนนี้ ให้พวกเจ้าออกโรงบ้าง”
“ข้าพร้อมที่จะลุยกับพวกมันนานแล้ว” แวยา กล่าว
-----@-----
พีดัมมาพบองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อฟังคำตอบเรื่องลี้ภัย ซึ่งนอกจากต๊อกมานจะไม่ยอมไปไหนแล้ว นางยังขอร้องให้พีดัมช่วยทำเหมือนพีดัมคนเก่าที่ห่วงใยนาง และไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นมีซิลคนที่สอง
“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่เถอะ...แต่อย่าทำเหมือนคนอื่น ที่เอาแต่เคร่งครัดและกลัวข้าเหมือนหนูกลัวแมว แต่ให้พูดตลกกับข้าบ้าง เอาดอกไม้มาให้ หัวเราะเหมือนเด็ก คอยจับมือข้าไม่ให้สั่นไหว” ต๊อกมาน กล่าว
“ทำไมมือสั่นล่ะ”
“พีดัม ข้าอยากให้เจ้าอยู่ต่อไป แต่เรื่องความรัก ข้าต้องเก็บไว้ ตัดมันทิ้งไป เพราะไม่มีสิทธิจะคิดอย่างงั้น ใคร ๆ มักพูดเสมอว่า พระราชาไม่ควรมีความรักส่วนตัว แผ่นดินนี้มีแต่เจ้า ที่เห็นข้าเป็นคนธรรมดา เห็นข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จริง ๆ แล้ว ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบที่เจ้าเห็นข้าเป็นผู้หญิง แอบมอบความรักให้ เพียงแค่นี้ ไม่รู้จะได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว
-----@-----
วันถัดมา ต๊อกมานเรียกประชุมขุนนาง เพื่อถอดถอนตำแหน่งของยองชุนออกจากเสนาบดี และตั้งให้พีดัมรับตำแหน่งแทน ก่อนสงครามจะสิ้นสุดลง ให้จูจิน ซูอึย โฮแจ วังยุน ซอยอน ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในมือ ส่งต่อให้พีดัมเป็นผู้บัญชาการแทน และนางกับพีดัม จะปักหลักอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อติดตามการสู้รบของทหารให้ถึงที่สุด
“ให้ทหารทุกฝ่ายไปอยู่กับท่านพีดัม เหล่าขุนนางคงไม่กล้าคัดค้าน ยินดีมอบให้แต่โดยดี”
“ท่านยอมเข้าใจเหตุผล ข้าขอขอบใจมาก”
“ว่าแต่ฝ่าบาท ทรงไว้ใจ พีดัมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ข้าไว้ใจเขา ทั้งพีดัม ยูซิน และเจ้าอีกคน ข้าล้วนแต่เชื่อใจหมด เพราะฉะนั้น ทั้งพีดัม และยูซิน ข้าจะไม่ทิ้งทั้งสองคน และจะไม่เดินหน้าต่อไปคนเดียว การจะใช้คนหรือทิ้งคน สำคัญพอกับการบริหารบ้านเมือง หรือจะทิ้งบ้านเมืองนั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่ความสงบ เราต้องรู้จักให้โอกาสคนอื่นบ้าง” ต๊อกมาน กล่าว
-----@-----
ฝั่งมีเซ็งดีใจที่พีดัมจะได้เป็นถึงเสนา บดี แต่คนอื่น ๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขากลัวว่า การที่องค์หญิงต๊อกมาน ให้อำนาจแก่พีดัมมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อชิลลา ซึ่งต๊อกมานไม่คิดเช่นนั้น เพราะนางรู้สึกว่าสามารถที่จะไว้ใจพีดัมได้ ด้านพีดัม กลับคิดถึงมีซิล
“ท่านแม่ ท่านกลัวว่าข้าจะครองอำนาจก่อน ก่อนที่จะครองใจคนใช่ไหม ที่สำคัญ ท่านบอกว่าข้าจะไม่มีวันได้รู้จักรักแท้....ต่อไปคงไม่ใช่อย่างงั้นอีก ไม่ว่าจะช่วงชิงมา หรือยอมเสียไป ไม่ว่าจะได้ครอบครอง หรือยอมตัดขาด ข้าต้องการทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา หรือถูกผู้คนประณาม ถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว ข้าแทบไม่มีความหมายซักนิด” พีดัม คิดน้อยใจ ด้านคิมยูซินใช้ปริศนาของกองทัพปิศาจแพ่กเจ ซ้อนแผนด้วยวิธีเดียวกัน เล่นงานทหารของแพ่กเจจนแตกพ่าย
-----@-----
ในขณะที่คิมยูซินออกไปรบกับข้าศึก พีดัมได้ร่างหนังสือสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งเพื่อจะผูกมัดองค์หญิงต๊อกมานเอาไว้
“นี่มันหมายความว่าไง”
“เหมือนที่ทรงทอดพระเนตรเห็นเป็นคำสัญญาที่หม่อมฉัน ขอมอบให้แก่ฝ่าบาท แล้วให้เราสองคนต่างเก็บรักษาไว้คนละฉบับ ...ถ้าฝ่าบาทไม่คิดทำอะไรเลย หม่อมฉันก็จะเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ด้วยตัวเอง ถ้าอนาคต ฝ่าบาททรงจากโลกนี้ไปก่อน หม่อมฉันก็จะถือตามคำสัญญาที่ให้ไว้ พีดัม จะขอวางมือจากราชกิจทั้งปวงและอำนาจยศศักดิ์ อีกทั้ง ตัดขาดกับทางโลกด้วย” พีดัม กล่าว
“พีดัม...”
“ดีที่ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้ หม่อมฉันกลับดีใจมากกว่า จริง ๆ ไม่ต้องมีหนังสือก็ได้ เพราะสำหรับหม่อมฉันแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าวันไหนไม่มีฝ่าบาท บ้านเมืองก็ไม่มีความสำคัญอีก มีอำนาจแล้วจะทำไม เป็นใหญ่เป็นโตไปก็เท่านั้น หม่อมฉันพีดัม ขอถวายคำสัญญา จะยึดมั่นต่อเงื่อนไขนี้ตลอดไป เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาท”
พีดัมแสดงความจงรักภักดีต่อต๊อกมาน ในขณะที่คิมยูซิน เมื่อเขาสามารถพากองทัพชนะข้าศึกได้ ก็ถวายความเคารพต่อแคว้นชิลลา
“เพื่อแคว้นชิลลา....จงเจริญ”
“เพื่อฝ่าบาท และเพื่อแผ่นดินของพระนาง” พีดัม ยืนยันกับต๊อกมาน
-----@-----
ขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนเพื่อปกป้องเมืองหลวงอยู่นั้น ไอชองก็รีบเข้ามาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบว่า คิมยูซินสามารถเอาชนะทหารแพ่กเจได้แล้ว และตอนนี้กำลังไปกอบกู้เมืองยีซอและชูวา ต๊อกมานดีใจไม่น้อยที่ คิมยูซินสามารถเอาชนะข้าศึกได้
-----@-----
คิมยูซินพากองทัพกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ
“ฝ่าบาท...หม่อมฉันคิมยูซิน บรรลุหน้าที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ผลงานที่ท่านมีต่อบ้านเมืองเรา แทบ ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้ ข้าขอมอบเมือง “อึย กุก” เป็นสิ่งตอบแทน” ต๊อกมาน กล่าว
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“แม่ทัพแวยาก็มีผลงาน ต่อไปให้อยู่ในกรมทหารของเรา เป็นกำลังสำคัญให้ท่านยูซิน ปกป้องบ้านเมืองต่อไป”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ตลอดเวลาที่ผ่าน ข้าให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องชาวบ้านเป็นพื้นฐานในการรวมแคว้น หลายปีนี้ จึงจัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้านมากขึ้นทุกปี แต่อาจมีปัญหา ทำให้การเกณฑ์ทหารไม่ได้ตามเป้าเพราะชาวบ้านอยู่สบายมากกว่าอยากรับใช้ทางการ ตรงข้ามกับแคว้นแพ่กเจ หลังจากสิ้นพระเจ้า “ซองวัง” ทางการเร่งฝึกปรือกองทัพจนมีความแข็งแกร่ง กลายเป็นว่าศึกคราวนี้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะความสะเพร่าของข้า เพราะว่าข้ามีความเชื่อส่วนตัวว่า สงครามไหน ๆ ก็ไม่อาจสร้างความผาสุกให้แก่บ้านเมืองได้มากกว่าการเป็นปึกแผ่นมั่นคง เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เราจะเร่งทำการพัฒนากองทัพ เพื่อที่ว่า ซักวันเราจะเหนือกว่าแคว้นแพ่กเจ ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีก หลังจากที่เรานิ่งเฉยมานาน เห็นทีต้องปฏิรูปกองทัพใหม่ นับแต่นี้ชิลลาจะเข้าสู่ยุคสงครามอย่างเต็มตัว เราจะมีหน่วยงานในการฝึกทหารโดยเฉพาะ และให้ลดการผลิตเครื่องมือเกษตร หันมาพัฒนาเรื่องอาวุธแทนนอกจากนี้ ทหารที่อยู่ใต้สังกัดท่านเสนาบดีพีดัม ให้โอนเข้ากรมทหารทั้งหมด และฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษแทน” ต๊อกมานบอกกับขุนนางทุกคน
“หา...โอนกลับอีกละ...ทำไมอย่างงั้นล่ะ...”
“ฝ่าบาท ทหารที่โอนไป ตอนนี้ท่านเสนาบดีก็ให้ฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่แล้ว”
“นั่นสิฝ่าบาท รอให้ถึงเวลาออกรบ ค่อยโอนให้กรมทหารก็ยังไม่สายนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าคับขันขึ้นมาจะได้...”
“เมืองหลวงของเรา ตอนนี้ยังไม่พ้นวิกฤติที่น่าห่วง ฝ่าบาท โปรดให้ทหารที่อยู่กับหม่อมฉันกลับเข้ากรมกองทั้งหมด เพื่อปฏิรูป กองทัพให้เป็นแบบแผนมากขึ้น”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ข้าอยากประกาศให้ทุกท่านได้รู้...ข้าคิดว่า...จะจัดพิธีแต่งงาน กับท่านพีดัม”
-----@-----
การที่องค์หญิงต๊อกมานประกาศจะอภิเษกสมรสกับพีดัม เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ด้านมีเซ็งและฮาจองก็คุยกันถึงเรื่องนี้ ฮาจองสันนิษฐานว่า การที่องค์หญิงต๊อกมานยอมอภิเษกกับพีดัม ก็เพื่อแลกกับกำลังทหาร
“สรุปคือฝ่าบาทไม่ใช่คนที่ยอมให้อะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อมีของให้คนอื่น ก็หวังผลตอบแทนเป็นสองเท่า”
“ใช่ แถมยังมีเหตุผลฟังขึ้น ไม่ผิดต่อความชอบธรรมด้วย”
“เลยดูไม่ออกว่ากรณีนี้เป็นผลดี....หรือผลเสียต่อเรากันแน่”
“โอ๊ย....น่าเสียดาย ถ้าตอนนี้ท่านซอวอนยังอยู่ รับรองว่ามองปุ๊บก็รู้ปั๊บ เฮ่ย....กลุ้มใจนัก”
“แต่อย่างน้อย ถือซะว่า ถ้าผ่านการแต่งงาน อิทธิพลของพีดัมจะมีมากกว่าคิมยูซิน ข้อนี้คงจะแน่นอน” มีเซ็ง กล่าว
-----@-----
คิมยูซินแสดงความดีใจในการตัดสินใจอภิเษกสมรสกับพีดัม แต่องค์หญิงต๊อกมานกลับย้อนถามว่า เขาไม่เสียใจเลยเหรอ
“ความเสียใจก็มีบ้าง”
“ถ้าอย่างงั้น แล้วไม่กลัวว่าอีกหน่อยอำนาจวาสนา จะไปอยู่กับพีดัมหมดหรือไง” ต๊อกมาน ถาม
“ก็เป็นห่วงจุดนี้เหมือนกัน”
“แล้วทำไม ยังบอกว่ายินดีกับข้า”
“ต้องมีบางคน หรือที่ที่หนึ่งให้ฝ่าบาทได้ทรงพักผ่อนบ้าง ที่ซึ่งเป็นสิ่งที่หม่อมฉันให้ไม่ได้ แม้กระทั่งฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันออกจาก กลุ่มโพยา หม่อมฉันยังไม่อาจตอบแทนใด ๆ ทำให้รู้สึกละอายใจนัก ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรู้สึกเสียใจ” คิมยูซิน กล่าว
-----@-----
ด้านพีดัม แม้เขาจะรู้ว่าได้ตัวขององค์หญิงต๊อกมานมาก็จริง แต่ในใจของต๊อกมานยังเชื่อคิมยูซินมากกว่าเขา ส่วนคุณชายชุนชู ที่ยังแปลกใจกับการตัดสินใจของต๊อกมาน จึงได้ถามเหตุผล จนรู้ว่าพีดัมเขียนสัญญาเอาไว้ฉบับหนึ่ง
“วันใดที่ไม่มีฝ่าบาท หม่อมฉันจะขอวางมือจากราชกิจและอำนาจยศศักดิ์ ติดตามฝ่าบาทไปในปรโลก...นี่คือสิ่งที่เขาเขียนให้ฝ่าบาทหรือ”
“ใช่....เจ้าไม่เชื่อหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้น เมื่อกล้าให้สัญญาก็ต้องมาจากความจริงใจ ที่สำคัญ ฝ่าบาทน่าจะดูออกว่าเขามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าใจคนมักเปลี่ยนง่ายเสมอ โดยเฉพาะตอนนี้ พีดัมมีอำนาจอย่างที่หวังไว้แล้ว ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดี อำนาจนั้น ไม่อาจอยู่ใต้จิตสำนึกของคนทั่วไป หลังแต่งงาน เขาจะยิ่งมีอำนาจล้นฟ้า และอนาคต เพียงแค่จิตสำนึกอย่างเดียว อาจไม่พอแก่การควบคุมอำนาจ ถึงตอนนั้น สัญญาฉบับนี้ จะมีผลให้ใครมาปฏิบัติตามได้ และถ้าเขาคิดว่ามันไม่สำคัญอีกล่ะ” คุณชายชุนชู กล่าว
“ใช่ เจ้าพูดมาก็ถูก แต่บางคนอาจสวนทางกับอำนาจก็เป็นได้ เช่น ท่านยูซิน กับกลุ่มโพยาก็คือตัวอย่าง”
“นี่คืออะไร ฝ่าบาท” ต๊อกมาน ส่ง กระดาษแผ่นหนึ่งให้ชุนชูอ่าน
“ถ้าพีดัม ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ก็ให้เจ้า ประหารเขาซะ”
“เอ่อ ฝ่าบาท...”
“อีกหน่อยด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว ข้าอาจลังเลไม่กล้าทำอะไร ฉะนั้นจึงฝากจดหมายนี่ให้เจ้าได้เก็บไว้ เจ้าต้องทำตามที่สั่ง โดยเฉพาะ ขอให้เห็นใจข้าบ้าง ที่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ผูกมัดเขา เพื่อจะได้ไม่ให้เขาไปไหน” ต๊อกมานขอร้อง ทำให้ชุนชูหนักใจไม่น้อย
-----@-----
พีดัมคิดว่าตัวเองได้ในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว จึงนำแผนที่สามแคว้นไปให้คิมยูซิน บอกว่าเป็นสิ่งที่มุนโนได้ปูทางเอาไว้
“แล้วทำไมเจ้า....อยู่ดี ๆ เอามาให้ข้าล่ะ”
“เป็นการติดสินบน ให้ท่านอย่าเป็นศัตรูกับข้ามั้ง....ยังไงขอให้ศึกษาให้ดี ถือว่าทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของท่าน” พีดัม กล่าว
“หึ....ไม่ว่าเจ้าจะมีเจตนาอื่นหรือเปล่า แต่สินบนแบบนี้ ข้าขอรับด้วยความซาบซึ้งอย่างมาก ขอบใจมากนะ”
“ท่านมักจะถือว่าตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ข้าไม่ใช่ มิน่าอาจารย์ถึงบอกว่า ท่านน่าจะเป็นเจ้าของหนังสือพวกนี้มากกว่า” พีดัม คิดในใจ
-----@------
ยอจงแอบไปค้นห้องของพีดัม จนได้เห็นสัญญาระหว่างเขากับองค์หญิงต๊อกมาน จึงลอบนำออกมาให้มีเซ็งและเหล่าขุนนางได้ดู
“อะไรกันนี่ ระหว่างฝ่าบาทและพีดัม ที่แท้มีสัญญาลับต่อกันหรอกหรือ”
“งั้นก็แปลว่า เรายอมให้ฝ่าบาทยึดกองกำลังไปต่อหน้าต่อตาน่ะสิ” จูจิน กล่าว
“มิน่าเล่า ข้าถึงรู้สึกแปลก ๆ อยู่ ที่แท้นางวางแผนไว้แต่แรก จะยึดทหารไปทั้งหมด”
“เฮ่ย....แม้แต่ท่านพีดัม ก็หลงกลฝ่าบาทโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน”
“แล้วเราจะอยู่เฉยได้หรือครับ”
“เรื่องอะไรจะอยู่เฉย แบบนี้มันไม่ยุติธรรม เรายอมไม่ได้แน่นอน” ฮาจอง กล่าว
“เห็นทีต้องบอกให้ท่านพีดัมเข้าใจ และแสดงจุดยืนของพวกเราให้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย”
“แน่นอน ต้องบอกให้เขารู้”
“ใช่ ๆ....ต้องบอก ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก....” เหล่าขุนนางบ่นกันไปเรื่อย
“ทุกท่านเงียบก่อน....เรื่องนี้ไปคุยกับท่านพีดัมคงไม่มีประโยชน์ ทุกท่านไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนยังไงน่ะ”
“ข้าก็ว่างั้น ลองถึงขนาดเขียนสัญญาผูกมัดตัวเองแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาซักนิด” โพจอง กล่าว
“ถูกต้อง ถึงเราไปคุยก็เถอะ เขากล้าบอกให้ฝ่าบาทฉีกสัญญามั้ยล่ะ หรือไม่ก็....ยกเลิกการแต่งงานซะ ไม่มีทางหรอกยังไงเขาก็ไม่ทำ”
“ถ้าอย่างงั้น เราควรจะทำไงดี”
“หาวิธี....บีบให้เขาลงเรือลำเดียวกับเราให้ได้ดีหรือเปล่า” จูจิน กล่าว
“ใช่แล้ว เมื่อเขามีความคิดจะออกนอกลู่นอกทาง เราก็ต้องชี้นำให้กลับมาดี ๆ”
“ถ้าไง ข้ามีแผนหนึ่งน่าจะลองดู....ไม่แน่ว่าอาจได้ผลก็ได้” มีเซ็งมีความคิดขึ้นมาทันที
-----@------
มีเซ็งเดินทางไปที่เมืองทันฮันซอง เพื่อพบทูตทางการค้า เขาได้เล่าเรื่องของพีดัมและองค์หญิงต๊อกมานให้ท่านทูตฟัง
“อะไรนะ เสนาบดีใหม่ที่ชื่อพีดัมน่ะหรือ”
“ใช่ ด้วยเหตุนี้ ถ้าพวกท่านยอมให้ความช่วยเหลือตามที่เราขอร้องละก็ สิ่งที่ต้องการ เราก็จะให้เหมือนกัน....ที่ควรรู้ก็คือ ตอนนี้ท่านพีดัมคือผู้มีอำนาจสูงสุดในชิลลา ซ้ำยังจะแต่งงานกับฝ่าบาทของเรา”
“แต่ว่า ทำแบบนี้จะไม่มีปัญหาแน่หรือ” ท่านทูตยังหวั่นใจ
“นี่เป็นเรื่องภายในของเรา ขอแค่ช่วยนิดหน่อยเท่านั้น”
“ถือว่าทำเพื่อสิ่งที่ฝ่ายเราต้องการก็ได้ เหมือนกันน่ะนะ ถ้างั้น ข้าจะนำข้อเสนอที่ท่านพูดเมื่อกี้ เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หรือเปล่า”
“ได้อยู่แล้ว”มีเซ็ง กล่าว
-----@------
คณะทูตแห่งต้าถัง “ซูไจ้เหยียน” เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี
“กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นหรือ ด้วยวิธีไหน จงบอกมาหน่อยซิ”
“ฮ่องเต้ของเราตรัสว่า การที่ชิลลามีข้าศึกมารุกรานบ่อยครั้ง เหตุเพราะมีผู้หญิงเป็นผู้ครองเมือง ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงต่างก็สบประมาท จึงคิดราวีอยู่เนือง ๆ....จึงเห็นควรให้เลือกเชื้อพระวงศ์ซักคน ขึ้นดำรงตำแหน่งพระราชาซะ แล้วเราจะส่งทหารมาดูแลความปลอดภัยให้ชิลลา ไม่ทราบฝ่าบาททรงเห็นว่ายังไง” ท่านทูต กล่าว ทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจนัก
ต๊อกมานก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงสั่งให้ไอชองพาท่านทูตไปพักที่ตำหนัก และให้ชุนชูไปสอบถามว่าเรื่องที่เขาพูดเมื่อสักครู่เป็นความต้องการของใครกันแน่ หรือกุเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งหากกุขึ้นเองเรื่องนี้จะมีโทษเทียบเท่าก่อกบฏ พร้อมสั่งให้ไอชองคุมตัวท่านทูตเอาไว้
-----@------
ฝั่งของมีเซ็งไม่สบายใจนักที่ได้รู้ว่าองค์หญิงต๊อกมานสั่งให้คุมตัวท่านทูตไว้ อีกทั้งนางยังสงสัยอะไรบางอย่าง จึงได้หาทางติดต่อกับท่านทูตเพื่อหาทางแก้ไข ด้านต๊อกมานเองก็กำชับไอชองว่า หากพวกทูตต้องการติดสินบน ก็ให้ทหารรับเอาไว้ แต่ข่าวที่ส่งออกมาต้องให้นางคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าจะขอนางละก็ ให้ปฏิเสธไว้
-----@------
ทูตทั้งสองที่ถูกกักตัวไว้ เริ่มไม่ไหว เพราะคิดว่าเสนาบดีพีดัม ต้องมาช่วยอย่างที่มีเซ็งเคยบอกไว้ แต่มาคิดอีกที ดูเหมือนว่าองค์หญิงต๊อกมานจะมีอำนาจมากกว่า จึงเริ่มวิตกกับคำพูดของมีเซ็ง เพราะหากยังถูกกักตัวอยู่แบบนี้ จะไม่ได้ทำงานตามที่ฮ่องเต้รับสั่งมา เพื่อหวังจะให้ชิลลาส่งทหารให้
-----@------
ไอชองได้ข่าวบางอย่างมา จึงรีบมาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบ
“พ่อค้าแซ่หยางฝากจดหมายให้พ่อค้าอีกคนชื่อ “ชอนตง” และมีผู้ติดตามคนหนึ่ง ขอพบเจ้าหน้าที่ในกรมพิธีการชื่อวังยุน....ยังมีพัดนี่ ท่านทูตบอกว่าจะมอบให้ท่านเสนาบดี”
“มอบพัดนี่ ให้กับพีดัมหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ เห็นบอกว่าเป็นของฝาก”
“หรือไม่ก็ คิดจะติดสินบนพีดัม ให้ช่วยเจรจาให้ปล่อยตัวหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“แสดงว่า น่าจะเป็นพัดที่หายาก”
“จริงๆ ไม่ได้หายากหรอก” คุณชายชุนชู กล่าว
“เจ้าเคยเห็นพัดแบบนี้หรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกเรียกว่าพัดกาดำ เพราะทำจากขนของอีกา ปกติพัดที่ทำจากขนนกจริงๆ ต้องเป็นนกยูงหรือนกพิราบถึงจะนับว่ามีค่า....เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทให้หม่อมฉันดูหน่อยได้ไหม” คุณชายชุนชู เห็นข้อความบางอย่างในพัด
“เป็นวิธีในการส่งสาส์นลับงั้นหรือ”
“ใช่ ข้าเคยได้ยินมา แต่ไม่แน่ใจนัก ครั้งหนึ่งทูตโกคูรยอไปเมืองแวกุก ก็เคยใช้พัดขนนกแอบส่งข้อความบางอย่างออกมา ถูกพ่อค้าแพ่กเจคนหนึ่งชื่อ “วังจิน” แอบรู้ความลับนี้เข้า จึงได้ไขปริศนาให้ทุกคนได้รู้”
“ก็คือ....ใช้วิธีนี้น่ะหรือ” องค์หญิงต๊อกมานอึ้ง เมื่อได้รู้เรื่องราว
-----@------
พวกมีเซ็งไม่สบายใจที่ยังไม่สามารถช่วยคณะทูตจากต้าถังได้ จึงไปสารภาพกับพีดัมว่าพวกเขารู้เรื่องสัญญาลับที่พีดัมทำไว้กับองค์หญิงต๊อกมานแล้ว และต้องการแก้เกม จึงอ้างชื่อพีดัมเพื่อไปเจรจาทำการค้ากับท่านทูตต้าถัง
-----@------
คิมยูซินอ่านข้อความที่เขียนในพัด กาดำ
“ให้ทูตจากต้าถัง ทูลราชินีชิลลา ว่า ผู้หญิงครองเมืองจะทำให้สั่นคลอน ส่วนทางเราจะช่วยเหลือตามที่เรียกร้องมา ส่งทหาร 3 หมื่นไปเสริมทัพต้าถังที่กำลังเปิดศึกกับโกคูรยอ”
“ผู้แทนพระองค์ต้าถัง ทูตเอก “ซูไจ้ เหยียน” กับชิลลา เสนาบดีพีดัม” ต๊อกมานตกใจเมื่อได้ยินชื่อพีดัม
-----@-----
ด้านพีดัมก็เพิ่งรู้ความจริงว่า เขากำลังถูก พวกมีเซ็งกดดัน
“นี่แปลว่า ที่วันก่อนทูตต้าถังบังอาจใช้วาจาลบหลู่ฝ่าบาทของเรา เป็นการยุยงของพวกท่านใช่ไหม”
“ใช่ สิ่งที่เราทำ นอกจากบีบให้ท่านมาเป็นฝ่ายเราแล้ว”
“ยังจะถือโอกาสบีบให้ฝ่าบาท...สละบัลลังก์ให้คนอื่นขึ้นแทนซะ” มีเซ็ง กล่าว
“นั่นสิ ที่จริงความคิดแต่แรกของท่าน ก็อยากเป็นพระราชาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“ตอนนี้ เรามาไกลเกินกว่าจะกลับตัวได้แล้ว ท่านพีดัม”
-----@-----
ชุนชูไม่พอใจพีดัมที่แอบอ้างข้อเรียกร้องของต้าถัง เพื่อแลกกับให้ตัวเองได้ครองราชย์ แทน
“ชุนชู”
“ถ้าไม่ใช่อย่างงั้น ข้อความที่เราเห็น อยู่ จะทรงอธิบายยังไงพ่ะย่ะค่ะ...ต่อหน้าฝ่าบาท เขาแกล้งให้สัญญาว่าเมื่อสิ้นรัชกาลนี้จะไม่ยุ่งการเมือง แต่ลับหลัง...กลับวางแผนให้ร้ายฝ่าบาท... เรื่องนี้เราจะให้อภัยเขาไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับพีดัมมาลงโทษตามกฎหมาย”
“เจ้าก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปนัก”
“ฝ่าบาท หึ...”
-----@-----
พีดัมกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงสอบถามขุนนางฝ่ายตน
“เพราะอย่างงี้ เลยทำให้ข้าเข้าตาจน จำเป็นต้องก่อกบฏใช่ไหม”
“เพราะคนที่หักหลังเราก่อนคือตัวท่านเอง”
“อะไรนะ”
“ข้ากับใต้เท้าซูอึย ทุ่มเทแรงกายแรง ใจเพื่อหนุนฝ่าบาทมาตั้งเท่าไหร่...จากนั้นก็ไว้ใจ ท่านพีดัม ไม่ว่าฝ่าบาทจะทรงทำอะไร เราก็สนับสนุนตลอด แต่สุดท้าย กลายเป็นว่าเราไม่เหลืออะไรเลย”
“เราเหมือนถูกฝ่าบาทตลบหลัง หลอกเอาทหารไปหมด เท่ากับตัดแข้งตัดขาไม่ให้เราทำ อะไรได้อีก”
“แต่แล้ว ในสภาพเช่นนี้ ท่านกลับคิดว่า ทำสัญญากับฝ่าบาทเพื่อให้ตัวเองสมหวังแล้ว คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง” โฮแจ กล่าว
“ที่สำคัญ ไม่ยอมหารือกับเราซักคำด้วย”
“นี่คือการทรยศหักหลังชัด ๆ” องครักษ์ กล่าว
“ข้า...ไม่เคยบอกว่า ตัวเองหวังจะเป็นพระราชาให้ได้” พีดัม กล่าว
“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่ท่านจะตัด สินใจคนเดียวได้” ยอจง บอก
“อะไรนะ”
“ตอนนี้ท่านทูตถูกฝ่าบาทสั่งให้กักบริเวณ ใครก็ห้ามไปติดต่อ” โพจอง กล่าว
“ฮึ่ม...เมื่อเป็นแบบนี้ เงื่อนไขระหว่างท่านพีดัมกับท่านทูต ช้าเร็วก็ต้องถูกฝ่าบาทรู้เข้า จนได้ อยู่ที่เมื่อไหร่เท่านั้น” มีเซ็ง กล่าว
“อะไรนะ” พีดัม กล่าว
“ถ้าสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างท่านกับท่านทูต ถูกฝ่าบาทรู้เข้าละก็ ผลจะออกมายังไงบ้าง” องครักษ์อีกคนกล่าว
“ความผิดฐานคิดโค่นบัลลังก์ปรากฏอยู่เห็น ๆ คิดว่าจะรอดหรือเปล่า” ฮาจอง กล่าว
-----@-----
พีดัม เดินทางมาขอพบท่านทูต แต่ทหารขวางไว้ ก่อนจะไปบอกไอชอง จึงมีคำสั่งให้ พีดัมเข้าไปได้เพื่อที่จะได้จับผิดพีดัม เมื่อพีดัมได้เข้าไปพบท่านทูตก็บอกให้เอาพัดเล่มนั้นออกมา แต่ทูตทำหน้างง
“พัดอะไรกัน”
“พัดที่บอกว่าจะให้ข้ารีบเอาออกมา เร็ว ๆ”
“ที่ท่านมานี่ ไม่ใช่เพราะได้เห็นพัดหรอก หรือ” ทูต กล่าวถาม
“ข้าขอบอกให้รู้ไว้ ข้อตกลงที่ท่านทำไว้กับใคร ข้าไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสิ้น ฉะนั้นก่อนข้าจะ ไม่พอใจ จงเอาพัดออกมาดี ๆ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ พัดเล่มนั้น ข้าให้คนไปส่งแล้ว ท่านไม่ได้เห็นเข้าถึงมาหรอกหรือ” ทูตกล่าว ทำให้พีดัมเริ่มเดาออก ว่าพัดอยู่ที่ใคร จากนั้นเขาก็ไปคาดคั้นกับทหาร ที่เป็นคนเอาพัดออกไปจากคณะทูต ทหารถูกทำร้ายจนยอมบอกความจริงว่าเอาไปถวายให้องค์หญิงต๊อกมาน
-----@-----
ด้านมีเซ็งและพวกคุยกันถึงเรื่องพีดัม คิดว่าเขาคงจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และจะเข้าใจเหตุผลที่พวกมีเซ็งทำก็เพื่อพีดัม และเป็นความจริงที่ใครก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อยอจงเข้ามาบอกว่าพีดัมกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานที่ตำหนักยินคัง ยอจงจึงบอกโพจองให้ไปรวบรวมกำลังทหารไปเฝ้าประตูวังทันที
ด้านชุนชู เข้ามารายงานองค์หญิงต๊อกมานว่าพีดัมไปพบทูตต้าถัง ขัดรับสั่งของฝ่าบาท เท่ากับยอมรับว่าเขากินปูนร้อนท้อง ระหว่างนั้นพีดัมได้มาขอเข้าเฝ้า
“นี่คือสิ่งที่ทูตต้าถังบอกว่าต้องการจะให้เจ้า....เขาอาจจะคิดว่าถ้าติดสินบนเจ้าหน่อย จะช่วยเจรจาที่ถูกข้าสั่งกักบริเวณ....” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส
“มันคือการแลกเปลี่ยนที่เหล่าขุนนางอ้างชื่อของหม่อมฉันไปเจรจากับทูตต้าถัง....ที่หม่อมฉันเคยสัญญากับฝ่าบาท อีกหน่อยถ้าไม่มีพระนาง, หม่อมฉันจะไม่ยุ่งกับการเมือง ถูกพวกเขารู้เข้า....ท่านมีเซ็งและฮาจอง ท่านจูจิน ท่านซูอึย ทั้งหมดนี้ ต่างก็รู้เรื่องหมด....ข้อความที่เขียน เปรียบเหมือนหายนะสำหรับพวกเขา....”
“ฉะนั้น พวกเขาเลยไปติดต่อกับทูต โดยไม่เกี่ยวกับท่านใช่ไหม” ชุนชู ถาม
“ใช่”
“แต่ในสัญญาเขียนชื่อท่านชัด ๆ และทูตต้าถัง ก็ถือโอกาสนี้ใช้คำพูดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าพระพักตร์ แล้วท่าน....กลับบอกว่าไม่รู้เห็น แล้วใครจะเชื่อท่าน”
“แต่ว่า ข้าเชื่อเขา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส
“ฝ่าบาท....” ทุกคนตกใจ
“ข้าเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง”
“แต่ว่าฝ่าบาท นี่คือการก่อกบฏ ชัด ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ปัญหานี้ข้าจะแก้เอง....ในเมื่อต้น เหตุเกิดจากข้า ข้าก็ควรแก้ไขไม่ให้บานปลาย กว่านี้ ....หม่อมฉันพีดัม เมื่อพูดได้ก็ต้องทำได้ ทรงให้หม่อมฉันจัดการเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
-----@-----
พีดัมกลับมาพบพวกมีเซ็ง บอกว่าตอนนี้พัดขนนกอยู่ที่องค์หญิงต๊อกมาน ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าองค์หญิงรู้ข้อความในนั้น แต่พีดัมบอกกับทุกคนว่านางยังไม่รู้ข้อความในพัด
“ดีที่ไม่สามารถไขปริศนาในนั้น เลยทรงคิดว่าเป็นเพราะทูตต้าถังต้องการติดสินบนข้า แต่ว่า....ถ้าต่อไปใครกล้าวางแผนเรื่องแบบนี้อีก ถึงตอนนั้น แม้ฝ่าบาทจะไม่ทำอะไร....ข้าก็จะจัดการคนทรยศด้วยมือของข้าเอง ได้ยินแล้วใช่ไหม”
“แต่ว่า คนที่ปิดบังพวกเรา แอบไปทำสัญญากับฝ่าบาทก็คือท่าน” จูจิน กล่าว
“เฮ่อ ๆ ๆ สัญญา....เฮอะ....สัญญางั้นหรือ....ที่ว่าไม่มีฝ่าบาท ข้าจะวางมือจากการเมือง ....ข้าน่ะหรือ”
“งั้น....ก็แปลว่า....” ฮาจอง กล่าว
“แค่กระดาษที่ถูกทำลายง่าย ๆ นึกว่าข้าพีดัม....จะยอมให้ตัวเองโดนผูกมัดได้หรือ”
“ไม่แน่ว่า ท่านอาจพูดให้เราวางใจเลยแกล้งทำเป็นเสแสร้ง....”
“ถ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่เห็นเป็นไร....พวกท่านก็เลิกสนับสนุนข้าซะสิ ไปหาผู้นำคนใหม่ที่จะตอบสนองความยิ่งใหญ่ของพวกท่านก็สิ้นเรื่องแล้ว....แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องเชื่อใจข้า และทำตามที่ข้าสั่ง....วันหลังถ้ากล้าทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวหรือแม้แต่วางแผนชั่วร้ายละก็ ข้าจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไว้อีก เข้าใจใช่ไหม”
-----@-----
ชุนชูยังไม่เชื่อใจพีดัม จึงทูลให้องค์หญิงต๊อกมานรู้
“พีดัม....แก้ปัญหานี้ไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะเสียประโยชน์เนื่องจากสัญญาที่ทำไว้ ไม่ใช่ฝ่ายเราแต่เป็นฝ่ายเขา แม้ว่าเราจะเชื่อว่าเขาไม่ผิดสัญญา แต่ว่าอำนาจที่เขามี ทำให้เขาไม่น่าไว้ใจอีก เพราะฉะนั้น เราต้องกำจัดพีดัมกับพวกซะ ถึงเป็นการหมดปัญหา”
“ข้าเป็นคนสั่งให้เขา....สวมบทบาทเป็นตัวร้ายมาตลอด....เพื่อเป็นหนังหน้าไฟให้ข้า จนวันนี้เขายังอยู่ในฐานะที่อิหลักอิเหลื่อ ....ข้อนี้ทำให้ข้าเห็นใจเขามาก....แม้ว่าข้าไม่ตั้งใจหลอกใช้เขาก็ตาม แต่เพราะเรื่องการเมือง แถมยังมารักผู้หญิงอย่างข้า ความรักของเขา จึงต้องถูกทำให้เกิดเป็นประโยชน์.... ปัญหาก็คือเจ้า ทำไมไม่มองในแง่ของเขาและเห็นใจเขาบ้าง.... ข้ากับพีดัม.... เราสองคน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ได้ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อเป้าหมายในการรวมสามแคว้น เราได้กลายเป็นบันไดไต่เต้า เจ้าจะไม่ยอมรับข้อนี้บ้างหรือ”
“ข้อนี้หม่อมฉันยอมรับ....แต่ว่า หม่อมฉันไม่รู้สึกเห็นใจเขา....เพราะพีดัม.... แม่ของเขา....สังหารเสด็จปู่ และพ่อของหม่อมฉัน ยังมีเสด็จแม่อีกคน ก็ตายเพราะนาง....อำนาจที่เขามีอยู่ตอนนี้ คือการสืบทอดอิทธิพลเก่าที่มาจากมีซิลทั้งนั้น”
“ชุนชู”
“อีกอย่าง เขาภักดีต่อฝ่าบาทอย่างไม่ต้องสงสัยก็จริง แต่เขากับหม่อมฉัน คือศัตรูทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด”
-----@-----
เมื่อพีดัมรู้ว่าพวกมีเซ็งสั่งทหารให้เคลื่อนไหวไปปิดล้อมตำหนักยินคัง ทำให้เขาตกใจมาก จึงให้ยอจงทำสัญญาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนทำสัญญาว่าจะภักดีต่อตนคนเดียว ยอจงจึงนำเรื่องนี้มาหารือกับมีเซ็ง โพจอง และฮาจอง ทุกคนล้วนหนักใจ เพราะหากพวกเขาสนับสนุนพีดัมไม่สำเร็จ คนที่จะขึ้นครองราชย์ คือชุนชู และพวกเขาจะถูกประหารกันทั่วหน้า
“ถ้าท่านชุนชูได้ครองราชย์จริง ทั้งคิม ยูซิน คิมซอยอนและคิมยองชุน สามคนนี้ก็มีหวังกุมอำนาจไว้หมด” จินจู กล่าว
“ใช่ และขุนนางอื่นก็จะไปเข้ากับพวกเขา” ยอจง กล่าว
“ที่สำคัญท่านชุนชู ต้องสานต่อเจตนา รมณ์ของพระเจ้าจินจอง ในอันที่จะรวมสามแคว้นเป็นหนึ่งต่อไป”
“และสงครามก็จะเกิดพร้อมกับอำนาจของเขาที่จะมีมากขึ้น”
“แต่ว่า ตรงกันข้าม อำนาจของเหล่าขุนนาง จะกลายเป็นอ่อนด้อยลงไป”
“งั้นเราก็ต้อง....”
“ปัญหาอยู่ที่....เราจะควบคุมให้ท่าน พีดัมอยู่ในกำมือยังไงดี” ยอจง กล่าว
“ตอนนี้ เราคงต้องเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว” ฮาจอง กล่าว
“ใช่ ถูกต้อง งั้นก่อนอื่นก็ต้อง....ถ่ายโอนกำลังทหารคืนมาก่อน” มีเซ็ง กล่าว
“ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราจะหาทางติดต่อกับเหล่าแม่ทัพที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารของเรา ให้มาช่วยทำงานถ้าถึงคราวคับขัน” จูจิน บอก
“ใช่ เรื่องนี้ ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน”
“แล้วเรื่องรับสมัครทหารรับจ้างไปถึงไหนแล้ว” มีเซ็ง ถาม
“เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรากำลังดำเนินการอย่างลับ ๆ” ยอจง กล่าว จากนั้นทหารก็เข้ามารายงานว่า ท่านพีดัมส่งทหาร 10 คนให้ไปส่งจดหมาย ดูเหมือนจะแอบติดต่อกับขุนนางท้องถิ่นบางคนแล้วยื่นจดหมายให้ยอจงอ่าน
“เชิญคนที่ได้รับจดหมายให้มาเมืองหลวงในเร็ววันนี้”
“มาเมืองหลวงหรือ” จูจิน ถาม
“ใช่ ไปส่งได้แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก แต่คอยดูว่าพวกเขาจะมาเมื่อไหร่”
“นี่คงไม่ใช่พีดัม....จะมีลูกเล่นมาปั่นหัว พวกเราอีกนะ” ฮาจอง กล่าว
“ยังไงก็ช่าง เราจะทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ท่านมีเซ็งไปเตรียมการเรื่องที่ว่า อย่ารอช้าอีกเลย” จูจิน กล่าว
“ได้ ข้ารู้หน้าที่ดี”
-----@-----
พีดัมได้รับรายงานจากองครักษ์ว่า ทหารที่ให้ไปส่งจดหมายนั้นส่วนใหญ่แวะไปหายอจงก่อน พีดัมคิดว่ายอจงมีกำลังมากกว่าที่คิด จากนั้นองค์รักษ์ยังรายงานอีกว่ายอจง กำลังรับคนงานไปทำงานเหมืองแร่ แต่ก่อนรับจะถามว่า ใช้กระบี่เป็นมั้ย เคยฝึกการต่อสู้หรือเปล่า ดูยังไง เหมือนไม่ใช่รับคนงานธรรมดา พีดัมจึงสั่งให้ไปเฝ้าดูว่าคนที่รับมาถูกส่งไปที่ไหนบ้าง
-----@-----
ด้านคิมยูซินก็ได้รับรายงานเรื่องของยอจง จึงสั่งให้กุกซอน ไปจับตาดูความเคลื่อนไหว เมื่อพวกของกุกซอนติดตามไปก็ถูกหน่วยตรวจการณ์ขัดขวางจึงรีบกลับมารายงานคิมยูซิน
“มีคนร้ายหรือ”
“ตามได้ครึ่งทางก็มีคนมาขวาง ทำให้แทพุงกับยางกิดต้องเสียเวลารับมือ” กุกซอน กล่าว
“หมายความว่า มีคนมาขวางเลยตามไม่ทันงั้นหรือ” ชุนชู กล่าว
“ใช่ครับ”
“เห็นหน้ากลุ่มคนที่มาหรือเปล่า” คิมยูซิน กล่าว
“รู้แค่ว่าเป็นคนของหน่วยตรวจการณ์ แต่จะใต้สังกัดท่านยอจง หรือเป็นคนของท่านพีดัม....” โกโต กล่าว
“เป็นคนของข้าเอง....ดูเหมือนว่า ฝ่าบาททรงมอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการใช่ไหม” พีดัม เดินเข้ามา
“ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ” คิมยูซิน กล่าว
“แต่ว่า....ข้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก หลายคนคงรู้ว่า ถ้าข้าเกิดไม่พอใจขึ้นมา ส่วนใหญ่มักจะคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ ฉะนั้นให้ข้าจัดการดีกว่า ถ้าถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ค่อยขอให้ทหารมาช่วยก็ยังไม่สาย”
“เอางั้นก็ได้....แต่ว่า หวังว่าความจำเป็นของท่านจะมาถึงเร็ว ๆ เพราะว่าข้า....ไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก” ชุนชู กล่าว
“ได้ ท่านชุนชู”
-----@-----
องค์หญิงต๊อกมานไปดูแวยา และซอแจ ซ้อมยิงธนูเมื่อเห็นฝีมือก็ชื่นชม
“อาวุธชนิดนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าหน้าไม้ของเรา ดูเหมือนว่า การฝึกทหารของเผ่าคาย่าจะเก่ง กว่าเราซะอีก”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อีกหน่อยข้าจะสนับสนุนการฝึกของท่านให้มากกว่านี้ เพราะฉะนั้น ขอให้หมั่นคิดค้นอาวุธใหม่มาใช้งานล่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันรับทราบ อีกอย่าง เมื่อเราถวายสัตย์ปฏิญาณต่อฝ่าบาทแล้ว เผ่าคาย่ายังมีคลังแสงที่ซ่อนอยู่ หม่อมฉันอยากให้ท่านชุนชู....”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกเขา ชุนชูเป็นคนใจร้อน ถ้ามีทุกอย่างพร้อม เขาจะเปิดศึกทันที แต่การรวมสามแคว้น เป็นศึกที่ยาวนาน....เข้าใจความหมายใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ จะรอให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ก่อน”
“เห็นท่านรอบคอบขนาดนี้ ทำให้ข้าวางใจมากขึ้น”
“ขอบพระทัยที่ทรงชม”
-----@-----
องค์หญิงต๊อกมานเดินทางมาดูการทำเกษตรของชาวบ้าน ตรัสว่า ช่วงนี้จะเลิกผลิตเครื่องมือเกษตรซักพัก และจะทำการจัดสรรที่ให้พวกชาวบ้านเพาะปลูกอีก
“เห็นพวกชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส หม่อมฉันก็พลอยรู้สึกปลื้มใจไปด้วย เป็นเพราะเมตตาของฝ่าบาทแท้ ๆ” ไอชอง ทูล
“ท่านไอชอง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“คนที่รู้ว่าทุกวันนี้ข้าทำอะไรบ้าง ก็ มีแต่ท่านคนเดียว....เพราะข้าเชื่อว่าท่าน.... เป็นคนซื่อสัตย์และไม่เอาเรื่องของข้าไปพูดส่งเดช แต่ถ้าวันหนึ่ง ข้าเกิดเป็นอะไรไปละก็ จงเอาเรื่องที่ท่านรู้ ไปบอกคนที่สมควรจะบอกเถอะนะ”
“ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะเป็นอะไรได้”
“เปล่าหรอก เพียงแต่ว่า....ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร ขึ้นบ้าง”
“ฝ่าบาท อย่าทรงท้ออย่างงั้นสิพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเชิญท่านยูซินกับท่านชุนชูมาพบข้า”
“แต่ว่า นี่เป็นเวลาควรจะบรรทม”
“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเร็วเข้า”
-----@-----
คิมยูซิน และชุนชูมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน
“นี่คืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เกี่ยวกับการรวมสามแคว้น เรากำลังเตรียมการอยู่หลายฝ่าย แต่ข้ายังมีรายละเอียดที่ต้องสะสางอีกมาก แม้ว่าทุกวันนี้เราจะด้อยกว่าแพ่กเจหลายด้าน แต่ก็ไม่ควร ....ประเมินสถานการณ์ตามที่เห็นอยู่เฉพาะหน้า....ข้าอยากให้กรมทหารตั้งหน่วยข่าว กรองขึ้นมา ฝึกสายลับและการใช้อาวุธเพื่อใช้ในการหาข่าว”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันกำลังคิดเรื่องอาวุธ และการฝึกปรือสายลับ เพื่อส่งไปทำงานในแคว้นต่าง ๆ ให้มากขึ้น มีความคืบหน้าแล้วจะมาทูลอีกที”
“ชุนชูก็เหมือนกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“การเมืองในสามแคว้นมีการเปลี่ยนอยู่ตลอด เจ้าไปโตที่เมืองจีน ได้ศึกษาวิทยาการมากกว่าคนอื่น จึงต้องเน้นเรื่องการทูตให้มาก”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“การรวมสามแคว้น อาจเป็นศึกหนักที่ต้องใช้เวลาสิบปีหรือร้อยปีก็ไม่แน่ ซึ่งไม่เพียงแต่ใช้ทหารเท่านั้น นโยบายที่ยั่งยืน คือความปรองดองของราษฎร เข้าใจหรือเปล่า”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ท่านยูซินก็รู้แล้วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ”
-----@-----
พีดัมแอบตามคนของยอจงมาที่เหมืองแร่ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าเป็นสถานที่ฝึกทหาร จึงคิดว่าเป็นเพราะตนเองหนุน จึงทำให้พวกนี้กล้าแข็งขนาดนี้ จากนั้นก็รีบไปพบคิมยูซิน
“ดึกป่านนี้มีเรื่องอะไรอีก”
“ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว”
“หมายความว่า....” คิมยูซิน ถาม
“คืนพรุ่งนี้ข้าจะขอยืมทหารจากท่าน ซัก 1 พันคนก็พอ”
“พันคนหรือ ไปขออนุญาตจากฝ่าบาทหรือยัง”
“ข้ากะว่าจบเรื่องแล้วค่อยทูล”
“แต่ว่า นี่เป็นการเคลื่อนย้ายทหารนะ”
“ข้าอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ท่านก็เห็นที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วนี่ บอกให้ข้าจัด การด้วยตัวเอง”
“หึ....งั้นก็ได้”
-----@-----
พีดัม มาบอกลูกน้องว่าในคืนพรุ่งนี้ เราจะจู่โจมบ้านของยอจงและเหมืองที่พวกเขาไปฝึกทหาร ให้มารวมตัวในตอนหัวค่ำ
“ฝ่าบาท ทรงรออีกวันเดียว หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ขอให้ทรงเชื่อหม่อมฉัน ทรงไว้ใจหม่อมฉันด้วย” พีดัม คิด
-----@-----
ด้านยอจง เหมือนจะเดาความคิดของพีดัมออก จึงได้มีการวางแผนใหม่เอาไว้ แต่จู่ ๆ องค์หญิงต๊อกมานได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางแต่เช้า
“มีเรื่องอะไรนักหนาถึงได้ตื่นเต้นนัก”
“เป็นฎีกาที่มาจากเมืองท่าซาโพ ขุน นางที่นั่นส่งมาถวายพ่ะย่ะค่ะ” จูจิน ทูล
“หึ....เขต “คูราวา”....ส่งเรือมาพร้อมกับหีบใบหนึ่งงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ หีบใบนั้นและจดหมาย อยู่ระหว่างทางที่จะมาเมืองหลวงแล้ว”
“ฝ่าบาท เหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับสมัยพระเจ้าจินฮึงทรงก่อสร้างวัด “ฮวาง ยง” เหมือนกันไม่มีผิดพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางคนหนึ่งทูล
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นเรื่องน่ายินดีนัก” โฮแจ กล่าวทูล
“เป็นเรื่องมงคลของราชสำนัก”
“ใช่ เป็นเรื่องมหามงคล”
“และเป็นวาสนาของฝ่าบาทด้วย”
“ฝ่าบาท ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
-----@-----
พวกขุนนางและองครักษ์อยากรู้ว่าในหีบมีอะไรจึงพากันมาดู
“พี่จุปัง” โกโต เรียก
“อ้าว....อึม ๆๆ”
“ท่านก็จะมาดูด้วยหรือ” กุกซอน ถาม
“อึม....พวกเจ้าก็สนใจหรือ”
“ใช่”
“งั้นก็ไป”
“ว่าแต่ มันคืออะไรหรือ”
“อะไร? อ๋อ....รู้แล้ว ๆ เรื่องนั้นน่ะหรือ ก็คือสมัยพระเจ้าจินฮึงโปรดให้สร้างตำหนักทางใต้พอขุดดินลงไป ก็เห็นมังกรตัวหนึ่งนอนขดอยู่ ใต้ดิน” จุปัง กล่าว
“มังกรหรือ” แทพุง กล่าว
“อึ้ม....สุดท้ายโหรเลยแนะนำว่าอย่าสร้างตำหนักเลย ให้สร้างวัดดีกว่า จึงกลายเป็นวัด “ฮวางยง” อย่างทุกวันนี้ไงล่ะ”
“อ๋อ....มิน่าชื่อ “ฮวางยง” ก็คือมังกรนั่นเอง”
“แต่ว่า สมัยนั้นแคว้นชิลลาของเรา เพิ่งนับถือศาสนาพุทธยังไม่ถึง 30 ปี พอมาเริ่มสร้างวัด สร้างพุทธรูปต่าง ๆ ความรู้ก็ไม่มี วัสดุก็ขาดแคลน คนก็ไม่ยอมช่วยกัน ทุกอย่างอัตคัดไปหมด เฮ่ย....”
“แต่แล้ว จู่ ๆ ก็มีเรือลำหนึ่ง แล่นมาเทียบท่าที่ซาโพ พอไปดูใกล้ ๆ กลับไม่มีใครซัก คน เห็นแต่หีบใหญ่ใบหนึ่ง พอเปิดออกดูก็เห็น จดหมายที่อดีตพระราชาแห่งเมือง “เทียนจู” นามว่า “อายูวัง” เขียนไว้เมื่อ 800 ปีก่อน”
“โห....ตั้ง 800 ปีเชียว....โม้หรือเปล่า น่ะ....” พวกชาวบ้าน กล่าว
“นั่นแสดงว่า เรือลำนี้ล่องมา 800 ปี และที่น่าตกใจก็คือ ในหีบนั้นมีทองคำตั้ง 300 แท่งเก็บอยู่ด้วย”
“ โอ้โห...”
“ยังไม่พอ ๆ ยังมีภาพเขียนของพุทธรูป แนบมาให้ด้วยรู้มั้ย”
“โธ่เอ๊ย....แล้วจะเอาไปทำไม....นึกว่ามีแต่ทอง....” พวกชาวบ้าน กล่าว
“เดี๋ยว ๆ ฟังข้าพูดต่ออีก เดิมทีพระเจ้า “อายูวัง” จะใช้ของพวกนี้ไปสร้างพุทธรูป แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เลยเอาของทั้งหมดไปทิ้งในทะเลเฉยเลย”
“ว้า....น่าเสียดายจริง....ทิ้งทำไม....มาให้ข้าดีกว่า”
-----@-----
แวยานำเรื่องเล่าขานไปถามฮูหยินคิม
“สุดท้าย ทุกอย่างเลยถูกทิ้งน้ำไปหมดหรือครับ”
“ถ้าเรือลำนี้มาถึงแคว้นไหน เพื่อจะให้ชาวบ้านที่นั่นสร้างพุทธรูป ความสูง 6 เชียะเพื่อให้คนได้สักการะ”
“และคราวนี้ ก็มีเรือที่บรรทุกแค่หีบใบเดียวมาที่นี่อีก”
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้ายังรู้สึก....” คิมซอยอน กล่าว
“ท่านสงสัยอะไรหรือคะ นี่เป็นเรื่องมงคลของบ้านเมืองนะ”
“ใช่ ถ้าเคยเกิดในสมัยพระเจ้าจินฮึง ก็คงเป็นเรื่องดีแน่” แวยา กล่าว
“มันก็จริงอยู่ สำหรับชาวบ้านอาจเป็นเรื่องดี แต่สำหรับฝ่าบาทยังไม่แน่นัก” คิมซอยอน กล่าว ขณะเดียวกันองค์หญิงต๊อกมานก็ถูกพวก จูจินกดดัน
“ฝ่าบาท นี่แปลว่าแผ่นดินของฝ่าบาท มีความรุ่งเรืองเทียบเท่าสมัยพระเจ้าจินฮึงนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ สมควรที่เราต้องต้อนรับ ด้วยความภูมิใจ เฮ่อ ๆ ๆ”
“ฝ่าบาท ของมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“จดหมายนั่นเขียนอะไรกันแน่ อ่านให้ข้าฟังซิ....ข้าบอกให้อ่านเร็ว ๆ ไง”
“ซอกุก โฮเซจุน ซินกุก....โฮเจตุน”ชุนชู อ่าน
“แปลว่าคนที่มีชื่อคล้ายกับพุทธองค์จะกลายเป็นพระราชาองค์ใหม่ของเรางั้นหรือ” ยองชุน กล่าว
“ถ้าเป็นชื่อที่คล้ายพุทธองค์ละก็....” คิม ซอยอน กล่าว
“คุนแกดัม” พีดัม....หมายถึงพีดัมหรอก หรือ” คิมยูซิน คิดแล้วตกตะลึง
-----@-----

จบตอนที่ 59
เครดิต เดลินิวส์


Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 13:59:47 น. 0 comments
Counter : 502 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com