กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 กรกฏาคม 2552
 
 
ละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

เช้าขึ้น มาลินีออกจากบ้านยายมุ่งหน้าไปบ้านผู้ใหญ่ลี...ลีนวัตรกำลังนั่งลับมีดและจอบเสียม อุปกรณ์ ทำสวนทำนาอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ชายหนุ่มถึงกับผงะเมื่อมาลินีจู่โจมทิ่มไม้ในมือเข้ามาขู่ใกล้ตัวเขา
"นายเหว่า...ถึงกับผวาเลยเหรอ คาดไม่ถึงละซี้ว่าฉันรู้จักชื่อนาย" ลีนวัตรหัวเราะร่วนกับความเข้าใจผิดของเธอ "ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก วันนี้นายเสร็จฉันแน่ นายมันก็เหมือนผู้ร้ายที่เข้ามาติดกับตำรวจถึงในโรงพักน่ะแหละ...ผู้ใหญ่ลีคะ ผู้ใหญ่ลี..."
"ผู้ใหญ่ลีไม่อยู่" ลีนวัตรพูดด้วยหัวเราะด้วย มาลินีไม่เชื่อ ตะโกนเรียกผู้ใหญ่ลีอีกหลายครั้ง แม่ปุยจึงโผล่หน้าออกมาจากนอกชาน
"ใครโว้ย...อ้าวคุณ มาแต่เช้าเลย"
"คุณป้าคะ ช่วยตามผู้ใหญ่ลีให้หนูด้วยเถอะค่ะ หนูจับนายคนโรคจิตที่หนูเล่าให้คุณป้าฟังได้แล้วค่ะ นี่ไงคะ"
แม่ปุยอึกๆอักๆ อยากจะบอกความจริง แต่ลีนวัตรรีบขยิบตาห้ามแม่
"หนูบอกเขาว่าผู้ใหญ่ลีไม่อยู่เขาก็ไม่เชื่อ"
"นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น นายเหว่า" มาลินีตวาดแว้ด
"นายเหว่า? ไปกันใหญ่แล้ว" แม่ปุยแอบบ่น ก่อนบอกมาลินีว่าผู้ใหญ่ลีไม่อยู่ ออกทุ่งนาไปแล้ว
"ถ้างั้นในฐานะที่คุณป้าเป็นเมียผู้ใหญ่ลี คุณป้าต้องเป็นพยานให้หนูนะคะ นายเหว่าคนนี้แหละที่ผู้ใหญ่ลีต้องจัดการให้หนู เขาเคยพูดว่าผู้ใหญ่ลีน่ะ แค่เห็นเขาก็วิ่งหางจุกตูดแล้วด้วยค่ะคุณป้า ลูกจ้างอย่างนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้หรอกนะคะ"
"คุณอย่าไปถือสามันเลยค่ะ บางทีมันก็สติไม่ค่อยดี เพี้ยนๆยังงี้แหละค่ะ ขอโทษคุณแกซะ จะได้เลิกแล้วต่อกัน นี่หลานคุณนายวันนะ จะทำอะไรก็ให้นึกถึงคุณนายวันมั่ง"
"ขอโทษก็ได้ นี่เห็นแก่คุณนายวันนะ"
มาลินีหน้างอเชิดใส่ชายหนุ่มที่เธอปักใจว่าเป็นนายเหว่า แม่ปุยลำบากใจ พยายามแก้สถานการณ์ ถามมาลินีว่ามาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า


"ก็ตั้งใจมาหาผู้ใหญ่ลีนั่นแหละค่ะคุณป้า หนูว่าหนูตื่นเช้าแล้ว ผู้ใหญ่ลียังเช้ากว่าหนูอีก ขยันจังเลยนะคะ"
"เช้าอะไร นี่มันสายตะวันโด่งแล้วคู้ณ"
"ใครถามนาย...นายเหว่า"
แม่ปุยรำคาญไล่ตะเพิดลูกชาย แต่พอได้ยินมาลินีบอกว่าเธออยากไปตลาด แม่ปุยก็ต้องเรียกใช้ลูกชายอยู่ดี เพราะไปตลาดต้องนั่งเรือ ซึ่งไม่มีคนอื่นที่ขับเรือได้นอกจากลีนวัตร...
มาลินีเจ้ายศเจ้าอย่างเพราะชังน้ำหน้านายคนนี้เต็มที เธอจำใจนั่งเรือไปกับเขา ซึ่งเธอเข้าใจว่าเขาชื่อนายเหว่า พอถึงตลาดเธอกำชับนายเหว่าอย่าไปไหนไกล เธอซื้อของไม่มาก เสร็จแล้วจะกลับเลย ครั้นเธอหายเข้าไปในร้านขายโทรศัพท์ อย่างรวดเร็วจนลีนวัตรมองตามไม่ทัน ชายหนุ่มยืนหันซ้ายหันขวามองหาไม่เห็น จึงเดินเรื่อยไปจนถึงหน้าร้านขายอุปกรณ์ การเกษตรของผู้ใหญ่โหมดอย่างไม่ตั้งใจ ผู้ใหญ่โหมดเห็นลีนวัตรเข้าก็ยิ้มแฉ่งออกมาทักทายอย่างคนคุ้นเคย พร้อมกันนี้ก็เรียกปทุมลูกสาวแสนสวยของตนออกมาต้อนรับ
ปทุม สาวบ้านนอกที่ชอบทำตัวไฮโซแบบเฉิ่มๆ เธอหลงรักลีนวัตรอย่างเต็มหัวใจ พอเห็นเขามาเยือนถึงร้าน จึงเก็บอาการดีใจไม่อยู่ ทักทายชนิดถึงเนื้อถึงตัว คะยั้นคะยอให้เขาเข้ามานั่งในร้านก่อน ลีนวัตรอึดอัดกระอักกระอ่วนจึงอิดออด เพราะไม่อยากให้ความสนิทสนมกับบ้านนี้เกินไปนัก
ระหว่างนี้เอง มาลินีเดินหน้ามุ่ยออกมาจากร้านขายโทรศัพท์เพราะยังหาซื้อที่ชาร์จแบตฯไม่ได้ "นี่ฉันหลุดเข้ามายุคไหนกันเนี่ย กรุงเทพฯก็อยู่แค่นี้ ที่ชาร์จแบตฯอันเดียวหาซื้อไม่ได้ จะบ้าตาย ห่างไกลความเจริญจริงๆ" เธอบ่นอย่างหงุดหงิดแล้วตั้งท่าจะข้ามถนน แต่ต้องชะงักเพราะมองไปเห็นหญิงสาวกำลังฉุดดึงคนขับเรือของเธอ "เสน่ห์แรงเหลือเกินนะยะนายเหว่า ขนาดผู้หญิงฉุดกลางตลาด...ยี้ แหวะ"
เมื่อหาซื้อที่ชาร์จแบตฯโทรศัพท์มือถือไม่ได้ มาลินีตั้งใจไปอาศัยโทร.สาธารณะ แต่ปรากฏว่าโทรศัพท์ในตู้ดันเสีย กินเหรียญที่เธอหยอดไปหลายบาท พอกลับออกไปที่ท่าน้ำไม่เจอลีนวัตรหรือนายเหว่า ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเป็นสิบเท่า
ชาวบ้านคนหนึ่งเดินมาเมียงมองเรือที่จอดเทียบท่า เขาจำได้ว่าเป็นเรือผู้ใหญ่ลี จึงลองถามสาวสวยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่าผู้ใหญ่ลีไปไหน มาลินีแปลกใจ แต่ก็ตอบไปว่า ผู้ใหญ่ลีอยู่บ้าน แต่เขาแย้งว่าผู้ใหญ่ลีมาตลาด เมื่อกี้ยังมีคนเห็น แล้วเรือนี่ก็ของผู้ใหญ่ลี
"ใช่ค่ะ เรือผู้ใหญ่ลี แต่คนที่ขับเรือมาชื่อนายเหว่า คนงานของผู้ใหญ่ลีค่ะ"
ชาวบ้านทำหน้างงๆ เดินออกไป มาลินีชะเง้อหา ปากก็บ่นด่านายเหว่าคงมัวแต่จีบหญิงอยู่แน่ๆ ขณะนั้นลีนวัตรกำลังพยายามปลีกตัวออกมาจากร้านผู้ใหญ่โหมด แต่กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอาน้ำลายแห้งคอ เพราะต้องอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด
ลีนวัตรโผล่เข้าไปที่ร้านขายโทรศัพท์ด้วยความเป็นห่วงมาลินี เมื่อไม่เห็นเธอจึงสอบถามเจ้าของร้าน...เจ้าของร้านบอกว่าเธอมาหาซื้อเครื่องชาร์จแบตฯ แต่ไม่มีเพราะมันรุ่นใหม่ ไฮโซเกินไป ท่าทางเธอเซ็งน่าดู แล้วเจ้าของร้านก็ตบท้ายถามยิ้มๆว่า เธอเป็นเพื่อนผู้ใหญ่เหรอครับ แต่ผมว่าเป็นแฟนมากกว่ามั้ง...ลีนวัตรทำหน้าเซ็งที่เรื่องชักจะไปกันใหญ่
"แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้ว"
"แกเดินผ่านร้านผมสองสามรอบแล้ว ผู้ใหญ่นี่ตาแหลมนะ เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไรครับ"
ลีนวัตรเกาหัวยิก ปวดกะโหลกกับความอยากรู้อยากเห็นของคน หลังจากนั้นลีนวัตรวิ่งหน้าเริ่ดกลับไปที่ท่าน้ำ หิ้วถุงผลไม้สองถุง และอีกถุงคือโทรศัพท์ที่เพิ่งถอยออกมา
มาลินียืนหน้ายักษ์ เล่นงานนายเหว่าฉอดๆ พูดรู้ทันว่าเขามัวไปจีบหญิง ลีนวัตรหัวเราะชอบใจที่ตนก็อยู่ในสายตาของเธอด้วย มาลินีไม่พอใจ หาว่านายเหว่าชักจะลามปาม เดี๋ยวเธอจะฟ้องผู้ใหญ่ลี ลีนวัตรแกล้งกลัวหงอ ขอร้องอย่าทำอย่างนั้นเลย
"ปกติฉันไม่ใช่คนขี้ฟ้องอะไรหรอกนะ แต่นับวันฉันรู้สึกว่านายกวนประสาทฉันขึ้นทุกที ผู้ใหญ่ลีเขาควรจะได้รับรู้ ความประพฤติของลูกน้องเขาบ้าง จะได้ปกครองถูก มีลูกน้องดีน่ะก็เป็นหน้าเป็นตาคนเป็นเจ้านาย"
"แล้วลูกน้องอย่างผมไม่ดีตรงไหนครับ"
"นายยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ แค่นายได้ขับเรือผู้ใหญ่ลีมาตลาดแล้วทำยืดอวดหญิงจนฉันต้องยืนคอยนายจนขาแข็งเนี่ย ถ้าฉันเป็นผู้ใหญ่ลีฉันตัดเงินเดือนนายไปแล้ว"
"ถ้าคุณไม่มัวพูดยาวๆ ป่านนี้คุณก็ได้ลงเรือไปแล้วล่ะครับ"
"นี่หาว่าฉันเป็นคนพูดมากงั้นเหรอ"
"ผมพูดแค่คุณพูดยาว ไม่ได้ว่าคุณพูดมากซะหน่อย คุณพูดของคุณเอง...เชิญคร้าบ"
ลีนวัตรโดดลงเรือ แล้วเอื้อมมือมาจะรับมาลินี แต่เธอกลับตวัดเสียงว่าไม่ต้องยุ่ง ว่าแล้วก็ยักแย่ยักยันลงเรือเอง ลีนวัตรแกล้งเอามือปิดตา บอกว่าไม่อยากดูคนตกน้ำป๋อมแป๋ม...
ขณะเรือแล่นไปกลางลำคลอง มาลินีห่อตัวเองในผ้าเพื่อกันแดดตามเคย ตอนแรกมาลินีนั่งหันหลังให้เขา แต่ครู่ต่อมาเธอก็หันกลับมาเผชิญหน้าเขาซะงั้น ลีนวัตรที่ร้องเพลงแซวเลยหยุดร้องทันที
"อ้าว หันมาทางนี้ทำไมล่ะคุณ"
"ขืนฉันหันหลังให้นาย ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายทำหน้าลิงใส่ฉันรึเปล่า ฉันไม่ไว้ใจนายหรอก"
"หงุดหงิดอะไรนักหนาคู้ณ แค่ซื้อที่ชาร์จแบตฯโทรศัพท์ ไม่ได้แค่เนี้ย"
"นี่ อย่ามาทำเป็นรู้ดี"
"นี่ละน้า...พวกชอบเอาชีวิตฝากไว้กับเทคโนโลยี มีแล้วก็ต้องมีให้เด่นกว่าคนอื่น กลัวเขาว่าไม่นำเทรนด์ ถึงเวลาเข้าตาจนไอ้โทรศัพท์ไฮโซเครื่องละหลายหมื่นมันก็ใช้ได้อย่างเดียว...ไว้เขวี้ยงหัวหมา"
"นี่ หุบปากเดี๋ยวนี้นะ นายมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน"
ลีนวัตรหยุดต่อปาก แต่เปลี่ยนไปร้องเพลงแทน "ตามองตา สายตาก็จ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่านหัวใจ"
มาลินีโมโหอยากกรี๊ดให้ลั่นคลอง หันหลังให้ลีนวัตรเหมือนเดิม เอามืออุดหูเกลียดเพลงเฉิ่มๆที่ได้ยิน ลีนวัตรเห็นท่าทางของเธอแล้วยิ่งหัวเราะชอบใจ


ooooooo


หลังจากมาลินีกลับบ้านไปแล้ว ลีนวัตรขึ้นเรือนมาตักน้ำฝนจากโอ่งดินดื่มชื่นใจสุดๆ แต่หันกลับมาต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะเจอแม่ปุยยืนเท้าสะเอวระยะประชิด ลีนวัตรต่อว่าแม่ทำตกใจหมด แม่ปุยจึงประชดว่า ขวัญอ่อนเสียจริง
"ก็แม่เล่นหายตัวแวบมายังงี้...ผู้ใหญ่โหมดเขาฝากของมาให้แม่ด้วย อยู่โน่นแน่ะ"
"ช่างหัวของฝากมันเหอะ บอกแม่มาก่อนอย่าให้คาใจอยู่นาน ทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบแกล้งหลานสาวคุณนายวันแกนัก"
"หนูไปแกล้งอะไรเขา"
"แค่หลอกเขาว่าชื่อเหว่าเนี่ย ไม่ได้ถือว่าแกล้งเขาเรอะ"
"หนูแค่อยากเห็นตัวตนจริงๆของเขาเท่านั้นเอง ถ้าเขารู้ว่าหนูเป็นผู้ใหญ่ลี หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเขาคิดยังไงกับผู้ใหญ่ลีกันแน่"
"แม่ไม่เข้าใจ"
"เอาเหอะแม่ ถึงเวลาเขาจะรู้ เขาก็รู้เองแหละ"
"แล้วผู้ใหญ่คิดว่าจะปิดเขาไปได้นานเท่าไรกันเชียว อย่างน้อยเขาก็ต้องมาเจรจาเรื่องจะขายไม่ขายที่ดินน่ะ"
"ก็ให้เขาคอยผู้ใหญ่ลีไปเรื่อยๆ"
"อ้อ...ยังงี้แปลว่าไม่อยากซื้อของเขา แต่อยากให้เขามาอยู่ซะเลยใช่ไหม"
"ก็ทำนองนั้นละแม่...เย้ยยยย..." เผลอปากหลุดความจริงไปแล้ว แม่ปุยถึงกับหัวเราะขำลูกชาย
"แอบชอบเขาก็บอกมาซี้...ปัดโธ่"
"แม่อย่าเที่ยวพูดไปนะ เสียหายหลายแสนนะจะบอกให้ เขามันคนกรุงเทพฯ เป็นดารา เป็นคนดัง หนูจะไปกล้าชอบเขาได้ยังไง เขารู้เข้าเขาจะหัวเราะเยาะเอาว่าไม่เจียมตัว"
"เออ...คิดได้ยังงั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้าไปๆมาๆ เขาเกิดชอบนายเหว่าคนนี้ขึ้นมาล่ะ"
"แม่พูดเป็นนิยายไปได้ เขาก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเป็นคนกรุงเทพฯอยู่แล้ว ท่าทางจะรักกันยังกะอะไรดี นิยายเรื่องดอกฟ้ากับหมาวัดยังไงมันก็เป็นแค่นิยายแหละแม่ อีกไม่นานเขาก็ไปมีชีวิตของเขา เราก็อยู่ของเราแบบนี้ ทางใครทางมันแม่"
ปื๊ดในชุดนักเรียนสะพายย่ามวิ่งขึ้นเรือนมาพอดี ลีนวัตรขยับไปหาพร้อมถุงโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ แค่ได้ยินพ่อวานให้ไปทำธุระ ยังไม่ทันรู้ว่าธุระอะไรปื๊ดก็ปฏิเสธเสียแล้ว เพราะตนไม่ว่างต้องไปบ้านคุณนายวัน ต้องไปช่วยคุณมาหุงข้าวทำกับข้าว เลี้ยงไก่ ให้อาหารหมู
"ธุระพ่อก็จะให้เอ็งเอาของนี่ไปให้คุณมาของเอ็งน่ะแหละโว้ย"
"งั้นได้เลยพ่อ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง" ปื๊ดหน้าบาน รีบปลดย่าม ถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วยัดทุกอย่างใส่มือพ่อ ก่อนดึงถุงโทรศัพท์มาถือ
"โอ้โฮ ไม่ทันกะพริบตาเลยนะเอ็ง"
"ให้หนูบอกอะไรคุณมาด้วยรึเปล่าพ่อ"
"ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้นแหละ เอานี่ไปให้เขาเฉยๆ"
ปื๊ดวิ่งแน่บหน้าตั้งออกไป ทั้งที่ลีนวัตรยังพูดไม่ทันขาดคำ


ooooooo


เมื่อได้รับโทรศัพท์มือถือจากปื๊ดที่บอกว่าพ่อฝากมาให้ มาลินีเกิดความงุนงงสงสัยว่าผู้ใหญ่ลีรู้ได้ อย่างไรว่าเธอกำลังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ คิดไปคิดมาเธอเดาว่านายเหว่าคงไปรายงาน จึงฝากกราบขอบคุณพ่อของปื๊ดที่มีน้ำใจกับเธอ และฝากบอกด้วยว่าใช้งานเสร็จแล้วเธอจะคืนให้
อีกเรื่องที่มาลินีอยากรู้จากปื๊ดว่าเมื่อคืนใครเป็นคนเป่าขลุ่ย เสียงเพราะจับใจทำให้เธอนอนหลับสบาย ปื๊ดยืดเต็มที่ก่อนบอกว่าพ่อของตนเป่าเอง
"จริงๆน่ะเหรอ ฉันก็นึกอยู่เหมือนกันว่าต้องเป็นผู้ใหญ่ลีแน่ๆ พ่อเธอนี่เป็นคนโรแมนติกจังเลยนะจ๊ะ"
"ผมก็ได้อย่างมาจากพ่อทั้งนั้นแหละครับ" ปื๊ดทำตาเล็กตาน้อยกรุ้มกริ่ม แต่พอได้ยินมาลินีพูดโทรศัพท์กับประดิษฐ์ด้วยถ้อยคำจ๊ะจ๋าด้วยความคิดถึง และว่า อีกสองวันจะกลับไปหา ปื๊ดก็หน้าตูมน้อยใจ ถามมาลินีทันทีที่วางสายว่า คุณโทร.คุยกับผัวคุณเหรอ?
"อุ๊ย ใครสอนให้พูดอย่างนี้จ๊ะปื๊ด"
"พ่อบอกว่าสามีเป็นภาษาแขก ผัวเป็นภาษาไทยครับ"
"จะภาษาอะไรก็ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละจ้ะ ดิ๊กเขาเป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทด้วยที่สุดต่างหาก"
ทันใดเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มาลินีกดรับ เสียงประดิษฐ์บอกรักมาทันที เพราะเมื่อกี้ลืมบอก มาลินียิ้มชื่นใจ บอกรักเขากลับไปเช่นกัน ปื๊ดได้ยินเต็มสองหู อ้าปากค้างอกหักยับเยิน ประดิษฐ์ยังอ้อนมาลินีต่อไป บ่นลำบากเมื่อมาลินีไม่อยู่ ทุกมื้อกินแต่บะหมี่สำเร็จรูป มาลินีจึงบอกให้เขาเอาเงินสดฉุกเฉินที่เธอเก็บไว้หลังกรอบรูปหัวนอนไปใช้ก่อนก็ได้ เท่านั้นเองประดิษฐ์เริงร่าแทบจะกระโดดโลดเต้น
พอมาลินีวางสายจากแฟนหนุ่มจะหันกลับมาหาปื๊ด ปรากฏว่าที่ตรงนั้นว่างเปล่า...ปื๊ดเดินคอตกกลับบ้าน ถือไม้ หวดใบไม้ข้างทางระบายอารมณ์ขุ่นมัว ตัดพ้อมาลินีใจร้ายมีแฟนแล้วไม่บอก ปล่อยให้คนอื่นเขาหลงชอบอยู่ได้...
ส่วนที่บ้านลีนวัตร เฉลากับฉลวยเพิ่งกลับจากเรียนหนังสือ เห็นผลไม้ราคาแพงสองสามอย่างวางในกระจาดน่ากิน สองสาวแปลกใจว่าใครซื้อมา พอรู้จากแม่ว่าผู้ใหญ่โหมดฝากมาให้ ฉลวยบอกนึกแล้วไม่มีผิด ที่แท้ว่าที่พ่อตาก็ฝากมาให้ว่าที่ลูกเขย ว่าแล้วก็ชวนเฉลากินแอปเปิ้ลกับสาลี่ที่หวานยังกะน้ำผึ้งเดือนห้า
"พูดมากจริงนังหลวย ถ้าเขามาดองกับเราจริงๆ มันไม่ดีรึไง"
"ดีสิแม่ วันแต่งคงได้กินโต๊ะจีนเจ็ดวันเจ็ดคืนกันทั้งคลองหมาหอน เร่งๆเข้าหน่อยละกันพี่ลี ท่าทางแม่แกอยากจะอุ้มหลานเร็วๆ"
ลีนวัตรหมั่นไส้อยากจะเขกกะโหลกฉลวยซักที แต่ขานั้นรู้แกว วิ่งหน้าเป็นออกไปเสียก่อน จากนั้นลีนวัตรก็ต้องนั่งตอบคำถามของแม่ที่อยากรู้ว่าปทุมเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนาน สวยขึ้นบ้างไหมในสายตาผู้ใหญ่
"เหมือนเดิมละแม่...ว่าแต่อย่าไปฟังหลวยมัน ถ้าหนูจะหาลูกสะใภ้ให้แม่น่ะนะ ยังไงหนูก็ต้องบอกแม่ก่อน" ลีนวัตรตัดบทก่อนลุกหนีไป


ส่วนมาลินี...นอกจากแฟนหนุ่มที่คิดถึงแล้ว เธอยังนึกถึงสมรกับวลัยด้วย ใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ของผู้ใหญ่ลีโทร.
เข้าเครื่องของวลัยซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้ากับสมรพอดี...วลัยดีใจมาก แต่ก็อดต่อว่ามาลินีไม่ได้ที่ขาดการติดต่อจนนึกว่าถูกฆ่าหมกป่าไปแล้ว
"แล้วนี่เสร็จงานศพรึยัง จะกลับมาเมื่อไหร่ยะ แล้วแกก็ควรจะโทร.รายงานตัวหวานใจนายดิ๊กของแกด้วย เพราะนายนี่ลุยมาด่าฉันกับยัยหมอน หาว่าพวกฉันเอาตัวแกไปซ่อน ดีนะฉันไม่ควักลูกตากับลากลิ้นออกมาทาเกลือตากแดดเดียว จะไปไหนมาไหนไม่ได้รายงานคนรักเหรอยะ"
"ฉันขอโทษนะวลัย จริงๆแล้วก่อนฉันมาเนี่ยดิ๊กเขาโกรธฉันนิดหน่อย แต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว ห่างกันแค่สามวันแต่มันยาวนานเหมือนสามปีเชียวละ"
"สาธุ...เหมือนอยู่ในนรกไม่มีผิด เอาเหอะแกเลือกของแกแล้ว ฉันพูดมามากเกินไปแล้ว พูดมากกว่านี้เดี๋ยวแกจะว่าฉันเสือก คุยกับยัยหมอนมันแล้วกัน"
สมรดี๊ด๊ารับช่วงต่อจากวลัย ถามมาลินีว่าเอาโทรศัพท์
ใครโทร.มา
"ผู้ใหญ่บ้านแถวนี้เขาให้ยืม...อืม...ก็ใช้ได้ เขาช่วยเหลือดูแลฉันดีอยู่ ฉันว่าเขาเป็นคนแก่ที่ใจดีใช้ได้เชียวละ แต่เชื่อไหมล่ะฉันยังไม่เคยเจอตัวเขาเป็นๆซะที แต่ยังไงฉันก็ต้องเจอเขาให้ได้ เพราะมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากัน เท่านี้ก่อนนะหมอน อีกวันสองวันฉันก็คงกลับกรุงเทพฯแล้วละ แล้วค่อยคุยกัน... จ้ะ...บาย"
หลังจากได้คุยพอหอมปากหอมคอให้หายคิดถึงกัน วลัยยังอดบ่นกับสมรไม่ได้ว่าสวยเลือกได้อย่างมาลินีทำไมต้องมาแพ้ทางผู้ชายอย่างนายดิ๊กด้วยก็ไม่รู้ สมรจึงว่าเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน แต่วลัยสวนทันทีว่า เป็นแฟนกับผู้ชายอย่างนายคนนี้ ตนยอมเสียชาติเกิดอยู่บนคานทองนิเวศน์ จนตายดีกว่า
"ความรักทำให้เกิดแต่สิ่งดีๆนะวลัย ซักวันคุณประดิษฐ์
เขาก็คงปรับปรุงตัวเองเพื่อยัยมาของเราได้"
แค่ขาดคำสมรก็ชะงัก อ้าปากค้างจนวลัยต้องมองตามสายตาสมร แล้วก็เห็นประดิษฐ์โอบเอวสาวเปรี้ยว มือต่ำจนแทบจะเป็นช้อนตูดเจ้าหล่อน เดินคุยกันหนุงหนิงผ่านไป
"วลัย...เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า"
"ไม่เห็น...ฉันไม่เห็นอะไรเลย เพราะฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องผัวๆเมียๆของชาวบ้าน ฉันไม่อยากเป็นหมาหัวเน่าอีกต่อไปแล้ว"


ooooooo

ลีนวัตรลงจากเรือนมาเจอปื๊ดนั่งหน้างอเอาไม้เขี่ยดินอยู่ตรงลานบ้าน พอเขาร้องถามปื๊ดว่าทำการบ้านที่ครูเขาให้มาหรือยัง ปื๊ดกลับตอบว่าไม่ทำหรอก ไม่มีอารมณ์
"โอ้โฮ ศิลปินเสียด้วย ทำการบ้านต้องมีอารมณ์ เรื่องของเอ็ง พรุ่งนี้ไปโรงเรียนอย่าให้ครูเขาถามแล้วกันว่าลูกใครหว่า พ่ออายเขา"
"พรุ่งนี้หนูก็จะไม่ไปโรงเรียนด้วย"
"เฮ่ย นี่มันเกินกว่าอารมณ์ศิลปินแล้วมั้ง เป็นอะไรวะ เมื่อกี้เอาของไปให้หลานสาวคุณนายวัน เอ็งยังกะปลากระดี่ได้น้ำอยู่เลย"
"คนอกหัก พ่อเข้าใจไหม คนอกหักน่ะ"
"ไม่เข้าใจ"
"พอคุณมาเขาได้โทรศัพท์ เขาก็โทร.หาผัวเขาเลย คนสวยๆเขามีผัวแล้ว แล้วทำไมต้องมาทำดีกับปื๊ดด้วย ทำไมไม่นึกถึงหัวใจปื๊ดเลย"
"เขาเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆมั้ง ไม่ได้เป็นผัวเมียกันหรอก"
"ปื๊ดไม่เชื่อหรอก คุณมาใจร้าย"
"เอ็งจะไปใส่ใจอะไรนักหนาวะ เอ็งเพิ่งได้รู้จักเขาแค่ สองสามวัน แต่แฟนเขาอาจจะคบกันมาหลายปีแล้วก็ได้ ยังไงเราก็มาทีหลังเขาอยู่ดี แล้วอีกอย่าง อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปในที่ของเขา ที่นี่มันห่างไกลความเจริญ ต่อให้มีคนดีๆ น่ารักๆอย่างเอ็งซักสิบคน เขาก็อยู่ไม่ได้หรอก เชื่อพ่อสิ"
ปื๊ดเซ็งคอตก ลีนวัตรพูดไปแล้วก็คอตกเหมือนกัน แม่ปุยโผล่มาจากบนเรือน ส่งเสียงถามลีนวัตรไหนว่าจะไปเก็บผักกระเฉดให้แม่แกงส้ม ทำไมมานั่งคอตกอยู่แบบนี้
"แม่ไปเก็บเองได้ไหม หนูไม่มีอารมณ์"
"เอ้า...เป็นอะไรกันไปทั้งพ่อทั้งลูก" แม่ปุยบ่นอุบ เป็นงงกับพ่อลูกคู่นี้ซะจริง...
เย็นย่ำ ลีนวัตรแวะไปกราบศพคุณนายวันที่ศาลาด้วยใบหน้าหมองเศร้า
"คุณนายครับ...ความฝันของคุณนายอาจจะไม่มีทางเป็นความจริงได้ทั้งหมด แต่ยังไงผมก็จะพยายามให้จนถึงที่สุด อย่างน้อยผมก็จะใช้ความรู้ความสามารถเท่าที่ผมมีทำแผ่นดินของคุณนายให้อุดมสมบูรณ์อย่างที่มันเคยเป็นให้ได้ครับ"
ลีนวัตรถอนใจแล้วขยับเข้าไปรวบดอกไม้ในแจกันที่เฉาคอพับคออ่อนจะเอาไปทิ้ง แต่พอหันกลับมาก็เห็นมาลินีกำลังถอดรองเท้าก่อนขึ้นบันได ลีนวัตรตกใจรีบหาที่หลบอลหม่านจะเข้าไปหลังที่ตั้งศพก็ไม่ทันแล้ว ใกล้สุดคืออาศัยเสาบังนั่นแหละ
มาลินีถือดอกไม้เข้ามาใส่แจกันหน้าศพคุณยาย แล้วพนมมือบอกเล่า
"ยาย...มาอาจจะต้องกลับกรุงเทพฯก่อน มีงานติดต่อมาเข้ามาเพียบเลย มาขอกลับไปทำงานของมาให้เสร็จก่อนแล้วมาจะรีบกลับมาเผาศพให้ยายนะจ๊ะ มารู้ว่ายายหวังดีกับมา ถึงอยากให้มามาอยู่ที่นี่ แต่มาลองอยู่มาสามวันแล้วนะจ๊ะยาย...มาอยู่ได้ แต่ถ้าถามว่ามีความสุขดีไหม มาก็ไม่รู้เหมือนกัน...ยายอย่าว่ามานะจ๊ะ ถ้ามาจะขาย...ก็ยายบอกเองว่าถ้าไม่อยู่เองก็ขายซะ เพียงแต่ขายให้ผู้ใหญ่ลีเท่านั้นเอง ยายดลใจให้มาเจอผู้ใหญ่ลีคนนี้ซะทีซิจ๊ะ มาจะได้คุยๆกับเขาให้จบๆ ตั้งแต่มาอยู่นี่มายังไม่เคยเจอแม้แต่เงาของเขาเลย"
ลีนวัตรขยับเหมือนจะก้าวออกไปแสดงตัว แต่แล้วเปลี่ยนใจถอยหลังย่องออกไปเงียบกริบ...ขณะเดินผ่านท้องนาจะกลับบ้าน มาลินีเห็นนายเหว่ายืนคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเรื่องกำจัดหอยเชอรี่ในนาข้าว ที่แท้ชายคนนี้ก็คือนายเหว่าตัวจริง แต่นายเหว่าที่มาลินีเข้าใจนั้นคือลีนวัตร เมื่อลีนวัตรเหลือบไปเห็นมาลินีเข้าก็รีบกำชับเหว่าให้เป็นผู้ใหญ่ลีแทนตน แต่เหว่ายังงงๆ เลยขานรับพร้อมลีนวัตรทันทีที่มาลินีเรียกชื่อนายเหว่า
มาลินีทำหน้างงๆ ถามว่าใครชื่อนายเหว่ากันแน่ แล้วสองคนก็แย่งกันเป็นนายเหว่า ก่อนลีนวัตรจะหัวใสบอกมาลินีว่า
"แถวคลองหมาหอนนี่มีเหว่าซักสิบเหว่าได้มั้ง นี่ไม่ได้รวมฝั่งโน้นนะครับคุณ คนกรุงเทพฯเขาฮิตตั้งชื่อลูกเป็นกอล์ฟเป็นไมค์ แต่คลองหมาหอนนี่เขาฮิตเหว่ากันครับคุณ ถ้าคุณกลัวสับสน ผมเป็นเหว่าหนึ่ง แล้วไอ้นี่เหว่าสองก็ได้"
"ถามนิดเดียวตอบมาซะยืดยาว...นายเหว่า"
"ครับ" สองคนขานพร้อมกันอีก มาลินีทำหน้าเซ็ง ลีนวัตรเลยให้เธอเรียกเขาว่าเหว่าหนึ่ง จะได้ไม่ต้องงง
"ก็ได้...นายเหว่าหนึ่ง ฉันจะมีรางวัลให้อย่างงามเชียวล่ะ ถ้านายพาฉันไปพบผู้ใหญ่ลีได้ตอนนี้"
"แหม ยังงี้ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย" ลีนวัตรทำ กระชุ่มกระชวยนำทางมาลินีออกไป ทิ้งให้ไอ้เหว่าตัวจริงยืนเกาหัวแกรกๆ
เดินไปสักพักมาลินีก็บ่นปวดขา ถามนายเหว่าหนึ่งว่าผู้ใหญ่ลีเขาจะมาทำอะไรแถวนี้ ลีนวัตรขยับเข้าใกล้ ลดเสียงลงเกือบกระซิบ "คุณอย่าไปบอกใครนะครับ มันเป็นความลับ ผู้ใหญ่ลีแกชอบหนีเมียมานอนเล่นแถวนี้"
"บ้า" มาลินีหน้างอ ลีนวัตรอมยิ้มชอบใจ แล้วตะโกนเรียกผู้ใหญ่ลีที่เพิงเฝ้านา ครั้นไม่มีเสียงตอบก็เดาส่งว่าผู้ใหญ่ลีอาจจะไปดูประตูน้ำทางโน้น ว่าแล้วทำท่าจะเดินต่อ แต่มาลินีบอกเธอเดินไม่ไหว ลีนวัตรได้โอกาสอาสาจะอุ้มเธอไป ด้วยข้ออ้างที่ว่า ถ้าไม่เจอผู้ใหญ่ลี ตนก็อดได้รางวัลอย่างงาม
"ฉันไม่ไปแล้ว" มาลินีสะบัดเสียง
"คุณนี่ความพยายามต่ำจัง"
"นี่ หัดมีมารยาทบ้าง นายกล้าวิจารณ์ฉันต่อหน้าได้ยังไง"
"ก็ผมมันคนบ้านนอก ตอแหลไม่ค่อยเป็นนี่ครับ"
"นายนี่กวนประสาทฉันได้ทุกที"
"ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงอยากเจอผู้ใหญ่ลีนัก มีอะไรก็ฝากบอกผมไปก็ได้"
"ก็คงต้องเป็นยังงั้นละมัง ฝากบอกผู้ใหญ่ลีเจ้านายของนายด้วยว่าพรุ่งนี้ฉันจะกลับกรุงเทพฯ งานติดต่อฉันเข้ามาเต็มไปหมด ฉันเสียโอกาสไปตั้งหลายงาน เคลียร์งานแล้วฉันคงกลับมาเผาศพคุณยาย"
"แล้วเรื่องที่ล่ะครับ คุณจะเอายังไง"
"เอ๊ะ...นายรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"
"ก็...ผู้ใหญ่ลีแกเคยพูดๆให้ฟัง"
"ฝากบอกเขาด้วยแล้วกันให้เตรียมอะไรๆให้พร้อม ฉันกลับมาคราวหน้าจะได้ทำเรื่องซื้อขายให้เสร็จๆไป"
ลีนวัตรได้ยินชัดแล้วอึ้งงันไปทันที...


ooooooo


เมื่อมาลินีมาบอกลาแม่ปุยถึงบ้าน ทั้งแม่ปุย เฉลา ฉลวย และปื๊ดต่างก็ใจหาย มาลินีบอกว่าเสร็จธุระแล้วเธอจะกลับมาอีก จะได้เผาศพคุณยาย และฝากป้าปุยเรียนผู้ใหญ่ลีด้วยว่าที่ดินของคุณยายเธอคงจะขายให้ผู้ใหญ่ลีแน่ๆ กลับมาจะได้จัดการซื้อขายกันให้เรียบร้อย
"เสียดายนะคุณ น่าจะได้มาอยู่ใกล้ๆกัน"
"หนูเองก็ไม่มีทางเลือกให้เลือกมากนักนี่คะ...ปื๊ด ไปเที่ยวกรุงเทพฯด้วยกันไหมล่ะ"
"ไม่ไปหรอก...บ้านผมอยู่คลองหมาหอน" ปื๊ดงอนลุกหนีเข้าห้องทันที มาลินีเลยยิ้มเก้อ
"อย่าไปถือสามันเลยคุณ วันนี้มันเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ ลมพัดลมเพกันทั้งพ่อทั้งลูก"
"หนูฝากกราบขอโทษคุณลุงผู้ใหญ่ด้วยนะคะคุณป้า หนูได้รับความช่วยเหลือหลายอย่างก็เพราะคุณลุงผู้ใหญ่ แต่ หนูยังไม่มีโอกาสได้พบตัวแกเลย"
"เอาเหอะคุณ เขาเองก็คงอยากจะขอโทษคุณหลายเรื่องเหมือนกัน บ้านช่องไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกเราจะช่วยกันดูแลให้"
"ต้องรบกวนคุณป้ากับผู้ใหญ่ลีอีกแล้ว"
"คุณนายวันก็เหมือนญาติพวกเรา...ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว"
มาลินียิ้มรับน้ำใจไมตรีของทุกคน จากนั้นรีบกลับบ้านไปจัดกระเป๋าเดินทาง แต่คิดไปคิดมาจะขนไปทำไม เดี๋ยวก็ต้องกลับมาที่นี่อีก จึงวางมันไว้เหมือนเดิม...พลันเธอก็ได้ยินเสียงขลุ่ยแว่วหวานผ่านสายลมเย็นยามค่ำ คราวนี้มาลินีไม่นั่งฟังนอนฟังเหมือนคืนก่อนๆ เธอลงจากเรือนเดินไปตามเสียง
กะว่าคืนนี้ได้เจอผู้ใหญ่ลีแน่ แต่พอไปถึงกลับกลายเป็นนายเหว่า หนึ่งนั่งเอกเขนกเท่ระเบิดอยู่ข้างกองฟาง
"ปื๊ดเคยบอกฉันว่าคนเป่าขลุ่ยตอนค่ำๆน่ะผู้ใหญ่ลีพ่อเขา แล้วทำไมถึงกลายเป็นนายได้"
"วันนี้ผู้ใหญ่ลีขี้เกียจ ผมก็เลยเป่าแทน เพราะพอกันไหมล่ะคุณ"
มาลินีตอบเลี่ยงว่า ก็งั้นๆ เลยถูกเขาหาว่าปากไม่ตรงกับใจ จึงเกิดการโต้คารมกันอีกตามเคย ก่อนที่มาลินีจะตัดบทด้วยความรำคาญ ไม่อยากโดนเขากวนประสาทอีก เธอบอกนายเหว่าหนึ่งว่าพรุ่งนี้แปดโมงให้มารับเธอไปส่งที่ตลาด พอเธอสะบัดหน้าเดินจากไป ลีนวัตรที่หน้าแช่มชื่นต่อปากกับเธอเมื่อครู่ก็สลดลงทันใด รู้สึกใจคอโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก


ooooooo

จบตอนที่ 5

//www.thairath.co.th






Create Date : 20 กรกฎาคม 2552
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 13:12:36 น. 0 comments
Counter : 281 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com