มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มกราคม 2553
 
 
ละคร เชลยศักดิ์ ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

เจ้าขวัญฟ้าตัดสินใจจะเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยความคิดถึงอลิสา อินทร์วิไลพยายามหน่วงเหนี่ยวออดอ้อนรำพันความรักความคิดถึง กระนั้นเจ้าขวัญฟ้าก็ยังจะไป ปลอบใจอินทร์วิไลว่า ไปไม่นานก็จะกลับมาหาตามเดิม

เมื่อตัวเองยั้งไม่ได้ อินทร์วิไลถามว่าเจ้าขวัญฟ้าได้บอกเจ้าหลวงกับเจ้าป้าแล้วหรือยัง ท่านยังไม่ได้อนุญาตให้เจ้าพี่ไป...

"หยุดพูดได้แล้ว" เจ้าขวัญฟ้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที "พี่ตัดสินใจจะไปม่อนผาหลวง พี่ก็ต้องไปให้ได้ ไม่ว่าใครก็จะหยุดพี่ไม่ได้"

อินทร์วิไลรีบไปรายงานเจ้าแม่ เจ้าแม่ประกาศไม่ยอมให้เจ้าขวัญฟ้าไปหาอลิสาเด็ดขาด อินทร์วิไลบอกว่าตอนนี้อารมณ์ของเจ้าขวัญฟ้าราวกับพายุ ไม่ว่าใครก็คงเข้าไปห้ามไม่ได้

"แม่นี่แหละจะเป็นคนหยุดขวัญฟ้าไม่ให้ไปเอง เรามาดูกันว่า แม่หรือแม่อลิสา ใครจะมีความสำคัญกับขวัญฟ้ามากกว่ากัน"

ดังนั้น พอเจ้าขวัญฟ้าจะออกเดินทาง อินทร์วิไลก็หน้าตาตื่นมาบอกว่า

"เจ้าขวัญฟ้า...เจ้าขวัญฟ้าอย่าเพิ่งไป เจ้าแม่เจ้า...อยู่ๆก็เป็นลมหมดสติ เจ้าพี่รีบไปดูเถอะเจ้า"

เจ้าขวัญฟ้ารีบเดินกลับเข้าตึกไปด้วยความตกใจ อินทร์วิไลเดินตามแววตาสมใจนัก

ooooooo

เมื่อเข้าไปในห้องเจ้าแม่ เจ้าขวัญฟ้าวิ่งเข้าประคองเจ้าแม่ถามอย่างห่วงใยว่าเจ้าแม่เป็นอะไรไป เจ้าแม่ค่อยๆลืมตาขึ้นมองเจ้าขวัญฟ้าอย่างอ่อนเพลีย พยายามพูดอย่างยากลำบาก

"ขวัญฟ้า...มาแล้วหรือลูก...แม่ยังรู้สึกหน้ามืดอยู่เลย แม่รู้สึกใจสั่นเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น"

เจ้าขวัญฟ้าสั่งคนใช้ให้รีบไปตามหมอ เจ้าแม่รีบห้ามบอกว่าแม่ไม่ต้องการหมอแม่ต้องการลูกขวัญฟ้า พูดเสียงอ่อนระโหยว่า

"แม่อยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆ เมื่อคืนแม่ฝันร้าย ใจคอไม่ดีเลย ลูกอย่าไปไหนนะ อยู่ใกล้ๆแม่"

"ลูกมีธุระสำคัญที่จะต้องไปเชียงใหม่"

"ธุระอะไรที่มันสำคัญกว่าชีวิตแม่งั้นเหรอ...แม่ไม่สบายมาก บ่ฮู้จะตายวันตายพรุ่ง ลูกยังไม่คิดจะอยู่ดูใจแม่เหรอขวัญฟ้า ถ้าเห็นผู้หญิงอื่นสำคัญกว่าแม่ ก็ไปเลย...ไป..."

เจ้าขวัญฟ้าผวากอดเจ้าแม่ไว้ พร่ำปลอบ "โธ่...เจ้าแม่ อย่าพูดอย่างนี้สิครับ ลูกจะไปได้ยังไง ลูกจะอยู่ดูแลจนกว่าเจ้าแม่จะหาย ลูกสัญญา"

เจ้าแม่เหลือบมองอินทร์วิไล ต่างซ่อนรอยยิ้มไว้ในหน้า...

ooooooo

สีโบกอดห่อผ้าออกเดินทางต่อบ่ายหน้าไปเชียงรัฐ โชคร้ายถูกโจรป่าดักปล้น มันเอาห่อผ้าไปไม่พอยังจะเอาสีโบกลับไปทำเมียด้วย สีโบสู้สุดฤทธิ์ ขณะมันเข้าปล้ำนอกจากกัดจิกถีบมันแล้ว ได้จังหวะสีโบกระชากมีดที่เอวเสียบเข้าหัวใจ
มันตายคาอก สีโบผลักร่างมันออกอย่างรังเกียจแล้วกระเซอะกระเซิงเดินทางต่อไป

จนถึงด้านหลังคุ้มหลวงของเชียงรัฐ สีโบแอบได้ยินยามฝากคนงานซื้อเหล้ามากิน สีโบเดินหลบหลังเกวียนที่มาส่งฟืนเข้าไปในคุ้มหลวง แต่ถูกทหารยามเห็นเสียก่อน ปรี่เข้าไปหา

สีโบทำใจดีสู้เสือ บอกว่าตนคือคนครัวของคุ้มหลวง มันบอกว่าไม่เคยเห็นหน้า สีโบถามอย่างเป็นต่อว่าเพิ่งมาใช่ไหม พอทหารบอกว่ามาทำงานที่นี่สามเดือนแล้ว สีโบข่มทันทีว่า

"มิน่าเอ็งถึงไม่รู้ว่ากฎระเบียบที่นี่เคร่งครัดแค่ไหน ทหารที่อยู่ในหน้าที่ห้ามกินเหล้าเป็นอันขาด ไม่งั้นถูกขังคุกหกเดือน"

ทหารยามมองขวดเหล้าในมือแก้ตัวว่าจะซื้อเอาไว้กินตอนออกเวรยามแล้ว

"ซื้อเก็บเอาไว้ก็มีความผิด แต่เอาล่ะ ข้าจะทำเป็นว่า ข้าไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกันนะ ให้ข้าเข้าไปได้หรือยัง ข้าจะรีบไปทำงาน เดี๋ยวแม่สายแม่ครัวใหญ่ได้เล่นงานข้าอีก เอ็งไม่รู้เหรอว่า แม่สายขี้โมโหแค่ไหน ใครทำผิดอะไรนิดเดียวถูกฟาดด้วยไม้ขัดหม้อ"

"เข้าไปได้เลย" ทหารยามยอมปล่อยให้สีโบเข้าไปเพื่อปิดปากความผิดของตน

ooooooo

สีโบเข้าไปทำเป็นคนผ่าฟืนเก็บฟืน แอบคอยดูคอยฟังการพูดคุยกันของคนในครัว จับความได้ว่า อินทร์วิไลเข้ามาสั่งว่าอาหารเย็นไม่ต้องตั้งโต๊ะเพราะ เจ้าป้ากับเจ้าพี่จะรับประทานในห้องเจ้าป้า

แม่ครัวถามว่าแม่หลวงไม่สบายมากหรือเปล่า อินทร์วิไลยิ้มเจ้าเล่ห์บอกแม่ครัวไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเจ้าขวัญฟ้าดูแลเจ้าป้าอยู่ เจ้าป้าคงจะหายดีในไม่ช้านี้

สีโบฟังแล้วเก็บข้อมูลเต็มที่ และอาศัยว่าเคยอยู่ที่นี่มาก่อน จึงลักลอบปลอมปนเข้าไปถึงในห้องของเจ้าแม่กับพวกที่ยกอาหารไปส่งได้โดยไม่มีใครรู้

เจ้าขวัญฟ้าป้อนอาหารเจ้าแม่ อ้อนให้กินเยอะๆ จะได้แข็งแรงเร็วๆ และอยู่กับตนไปนานๆ

"งั้นลูกก็ต้องเชื่อฟังแม่สิ แต่งงานกับอินทร์วิไล ทำเพื่อแม่สักครั้งได้ไหมขวัญฟ้า"
เจ้าขวัญฟ้าเงยหน้ามองเจ้าแม่บอกว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เจ้าแม่กำลังไม่สบายมาก เจ้าแม่รวบรัดถามว่าแสดงว่าไม่ขัดแม่แล้วใช่ไหม แม่หายดีเมื่อไรเราจัดเตรียมงานแต่งงานกันเลยดีไหม

"เจ้าแม่หายดีเมื่อไหร่ ลูกจะเดินทางไปม่อนผาหลวงทันทีครับ" เจ้าขวัญฟ้าตอบไม่ลังเล

เจ้าแม่โกรธมาก อินทร์วิไลทำเป็นคนดีขอร้องเจ้าขวัญฟ้าอย่าทำให้เจ้าป้าไม่สบายใจ แล้วพูดกับเจ้าแม่ว่า

"เรื่องสำคัญอย่างนี้ เจ้าป้าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยนะเจ้า ข้าเจ้าซาบซึ้งที่เจ้าป้าเมตตาข้าเจ้า แต่ตอนนี้แค่ข้าเจ้าได้รับใช้เจ้าพี่ ข้าเจ้าก็พอใจแล้วเจ้า"

เจ้าแม่ดึงอินทร์วิไลเข้าไปกอด ฟูมฟาย "อินทร์วิไล แม่สงสารเจ้าจริงๆ คนดีๆ น้ำใจงามอย่างเจ้า ทำไมไม่มีคนเห็นค่า"

เจ้าขวัญฟ้าขยับตัวอย่างอึดอัดใจ สีโบแอบมอง ทุกคนมองอินทร์วิไลอย่างรู้ว่าเป็นคนน่ากลัวมาก

ooooooo

เจ้าแม่ยังโกรธเจ้าขวัญฟ้า นอนหันหลังให้อย่างไม่อยากเห็นหน้า ครั้งเจ้าขวัญฟ้าเข้าไปเรียกก็ไล่ให้ ออกจากห้องไปเสียแม่จะนอน พูดอย่างเจ็บปวดว่า

"แม่อยากนอนแล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย ถ้าแม่ตายไป ลูกคงดีใจที่ไม่มีใครอยู่เป็นมารหัวใจของลูกอีก ถ้าแม่ตายเมื่อไหร่ ลูกจะได้แต่งงานกับแม่อลิสาได้อย่างสบายใจ ทำไมนะ ทำไม อินทร์วิไลก็งามไม่ได้แพ้อลิสาเลย หรือว่าแม่นั่นจะทำเสน่ห์ยาแฝดใส่ลูก"

"เจ้าแม่อย่าพูดถึงคุณหญิงอลิสาอย่างนั้น เหตุผลเดียวที่ลูกเลือกคุณหญิงอลิสาคือ ลูกรักเธอและรักมากด้วย"

ทันใดนั้น เจ้าแม่คว้าแขนอินทร์วิไลไว้แน่นพูดเหมือนจะขาดใจว่าแม่หายใจไม่ออก คร่ำครวญว่า

"แม่เจ็บจวนตายอย่างนี้ ลูกก็ยังไม่เชื่อฟังแม่ ถ้าแม่ตายไป แม่ก็คงตายตาไม่หลับ ลูกไม่ยอมปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีของเรา เมียเอกของเจ้าราชบุตรจะต้องเป็นชาวเชียงรัฐเท่านั้น"

"เจ้าแม่..." เจ้าขวัญฟ้าครางออกมาอย่างอ่อนใจ

"ลูกช่างไม่เห็นความหวังดีของแม่ ไม่เห็นค่าของสิ่งที่แม่พยายามหยิบยื่นให้ลูก ต่อไปลูกจะได้ปกครองเชียงรัฐได้อย่างไม่มีปัญหา ไป...จะไปไหนก็ไป แม่ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว"

เจ้าขวัญฟ้าขัดใจ อดกลั้นจนลุกเดินออกไปอย่างรู้สึกผิด ว่าเจ้าแม่ป่วยเพราะตน

ooooooo

เมื่อไปเจอเจ้าพ่อที่กำลังจะไปห้องเจ้าแม่ เจ้าพ่อ ถามว่าเจ้าแม่ไม่สบายมากเลยหรือ

"ครับ ก็เป็นมากเหมือนกัน แต่ไม่ยอมให้ผมเรียกหมอมา ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ"

เจ้าพ่อแนะว่าช่วงนี้อย่าไปขัดใจเจ้าแม่นัก อะไรที่ทำ ให้เจ้าแม่ไม่สบายใจก็อย่าไปทำ เจ้าขวัญฟ้าบอกเจ้าพ่อว่า

"เจ้าแม่ก็ไม่สบายใจอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องคู่รักของลูก"

"ก็พักเรื่องคู่รักของลูกไว้ก่อนได้ไหมล่ะ ลูกอายุยังน้อย ยังมีเวลาคิดเรื่องนี้อีกเยอะ เวลาผ่านไปลูกอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้"

"ลูกไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากคุณหญิงอลิสาหรอกครับเจ้าพ่อ"

"อย่ายึดมั่นกับความคิดของตัวเองให้มากนัก แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ แน่ใจหรือว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากลูกเหมือนกัน"

เจ้าพ่อแอบโน้มน้าวใจโดยขวัญฟ้าไม่รู้ตัว พอเห็นลูกเงียบ เจ้าพ่อก็ยิ้มน้อยๆแล้วเดินออกไป ปล่อยให้เจ้าขวัญฟ้า ยืนคิดอยู่ตรงนั้นคนเดียว

ooooooo

เมื่ออยู่กันตามลำพัง อินทร์วิไลเอ่ยกับเจ้าแม่ที่ลุกขึ้นมานั่งคิดเรื่องลูกชายว่า เจ้าป้าพูดกับเจ้าพี่แรงไปหรือเปล่าเพราะเห็นเจ้าพี่หน้าเสียเลยทีเดียว

"ถ้าไม่ใช้ไม้แข็ง ขวัญฟ้าก็ไม่ยอมฟังแม่หรอก เห็นไหมว่าขวัญฟ้าเริ่มจะคิดได้แล้วว่า ไม่ใช่ว่าอยากจะแต่งงานกับใครก็แต่งได้"

"ตอนนี้เจ้าพี่อาจจะเริ่มคลอนแคลนใจ แต่ข้าเจ้ากลัวว่า พอเจ้าพี่ได้ไปพบหน้าคุณหญิงอลิสา เจ้าพี่ก็คงลืมสิ่งที่เจ้าป้าพูดจนหมดสิ้น" อินทร์วิไลยั่วยุอย่างแนบเนียน

"ป้าไม่ยอมปล่อยขวัญฟ้าไปหาแม่นั่นง่ายๆหรอก"

"อย่างนี้เจ้าป้าก็ต้องแกล้งป่วยอีกนานเลยซิเจ้า"

"ไม่เป็นไรหรอก อินทร์วิไล เพื่อให้ได้เจ้าเป็นลูกสะใภ้ ให้แม่นอนซมเป็นปีๆแม่ก็สามารถทำได้ แต่อย่าให้นังสายทำซุปฝรั่งจืดๆขึ้นมาให้แม่กินอีก ไม่งั้นแม่อาจจะตายเพราะความเลี่ยนแน่"

อินทร์วิไลกับเจ้าแม่หัวเราะกันอย่างชอบใจกับอารมณ์ขันของเจ้าแม่

ooooooo

ความรอบจัดและรู้ทางหนีทีไล่ในคุ้มหลวงดี ทำให้สีโบหลบจากพวกสาวใช้ที่เดินออกจากห้องของเจ้าแม่ได้ จนเมื่อเห็นเจ้าขวัญฟ้าเดินกลับเข้าห้องก็ย่องตามไป

เจ้าขวัญฟ้าเข้าไปในห้อง หยิบรูปของอลิสาขึ้นมาดู ถามอย่างโหยหา...

"อลิสาของผม เมื่อไรเราถึงจะได้พบกัน..."

มีเสียงกุกกักดังอยู่ข้างหลัง เจ้าขวัญฟ้านึกว่าอินทร์วิไล พูดอย่างรำคาญว่า "คืนนี้ฉันขออยู่คนเดียว" โดยไม่หันมอง พริบตานั้น สีโบถลาเข้าไปหมอบกอดขาเจ้าขวัญฟ้า เจ้าตกใจสะบัดออกเดินหนี

"จะทำบ้าอะไร อินทร์...วิไล..."

เจ้าขวัญฟ้าชะงักกึก เมื่อสีโบเงยหน้าขึ้นเรียกอย่างแสนรักแสนบูชา

"เจ้าขวัญฟ้าของเมีย..." สีโบโผเข้าไปกอดขาเจ้าขวัญฟ้าไว้แน่น

"จันทร์แก้ว..." เจ้าขวัญฟ้าอุทานเรียกอย่างคาดไม่ถึง

ooooooo

ไม่ทันได้ไถ่ถามอะไรกัน เสียงอินทร์วิไลจากหน้าห้องก็แว่วเข้ามาว่า นำน้ำชามาให้พลางค่อยๆเปิดประตูเข้ามา

เจ้าขวัญฟ้าหันไปสั่งสีโบอย่างรวดเร็วให้หลบไปก่อน แล้วหันไปรับหน้าอินทร์วิไลที่เดินนำหญิงรับใช้เอาน้ำชาเข้ามาวาง

"วางไว้แล้วก็ออกไปได้เลย" เจ้าขวัญฟ้าบอก แต่อินทร์วิไลอิดออด รินน้ำชาใส่ถ้วยเติมนมเติมน้ำตาลให้อย่างอ้อยอิ่ง พลางบอกอย่างอ่อนหวาน

"น้องออกไปบ่ได้หรอกเจ้า เจ้าป้าสั่งให้น้องคอยอยู่ รับใช้เจ้าพี่ เจ้าป้าอยากให้เจ้าพี่อยู่ที่คุ้มหลวงอย่างสุขสบายที่สุด จะได้ไม่..." อินทร์วิไลหยุดพูดเหมือนนึกอะไรได้

"จะได้ไม่อะไร เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถดึงตัวพี่ไว้ได้ งั้นเหรอ เจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณหญิงอลิสาได้เลย" เจ้าขวัญฟ้าฉุนเฉียวขึ้นมา

"น้องก็ฮู้ว่า น้องไม่สามารถเทียบเท่าคุณหญิงอลิสาได้ แต่เจ้าพี่ต้องคิดถึงเจ้าป้าบ้างนะเจ้าที่เจ้าป้ามาล้มป่วยอย่างนี้ ก็เพราะเครียดเรื่องเจ้าพี่กับคุณหญิงอลิสา"

"ไม่ต้องพูดแล้ว!" เจ้าขวัญฟ้าตวาดอย่างโกรธจัดที่ถูกอินทร์วิไลพูดแทงใจดำ

"ถ้าหากเจ้าพี่ยอมตามใจเจ้าป้าสักครั้ง ก็จะดีกับทุกฝ่ายนะเจ้า เจ้าพี่ไม่ต้องแต่งงานกับน้องก็ได้ ขอเพียงผู้หญิงที่เจ้าพี่เลือกมีสายเลือดเชียงรัฐ"

เจ้าขวัญฟ้าหมดความอดกลั้นตวาดไล่ให้ออกไป เมื่ออินทร์วิไลยังทำท่าขยับเข้าใกล้ เลยถูกเจ้าปัดถ้วยน้ำชาหล่นจากมือตวาดลั่น

"ออกไป! ออกไปให้พ้น!!"

อินทร์วิไลจึงจำต้องรีบออกไป สีโบที่ซ่อนตัวอยู่ยิ้มสะใจแล้วรีบออกไปหมอบอยู่แทบเท้าเจ้าขวัญฟ้า ถูกเจ้าตวาดให้ออกไปด้วย ไม่อยากเห็นหน้าเหมือนกัน สีโบยังคลานเข้าไปกอดขาไว้อีกรำพันอ้อน

"เจ้าพี่ อย่าไล่จันทร์แก้วไปเลยเจ้า กว่าจันทร์แก้วจะแอบเข้ามาพบเจ้าพี่ได้ก็ต้องเดินทางมาอย่างยากลำบากจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด"

เจ้าขวัญฟ้าถามว่ากลับมาทำไมแล้วผัวใหม่เจ้าไม่ว่าอะไรหรือ สีโบทำเสียงน่าเวทนาว่าตนมีผัวเพียงคนเดียวคือเจ้าพี่นี่แหละ จะให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พรรณนาว่า

"เจ้าพี่เป็นสุดรักสุดบูชาของจันทร์แก้วเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จันทร์แก้วหนีไปไม่ได้หนีไปมีผัวใหม่ แต่จันทร์แก้วหนีไปเพราะทนถูกกดขี่ข่มเหงไม่ไหว"

"เจ้าเป็นเมียของข้า ใครกล้ากดขี่ข่มเหงเจ้า"

สีโบนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วแต่งเติมเสริมเรื่องจากข้อมูลที่ได้ยินเจ้าแม่คุยกับอินทร์วิไลเมื่อครู่ว่า

"จันทร์แก้วเป็นแค่เมียบ่าว ไม่มีเชื้อสายเจ้านายเชียงรัฐก็ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์เป็นธรรมดา จันทร์แก้วถูกทารุณทั้งร่างกายและจิตใจจนทนไม่ไหว ต้องหนีไปจากที่นี่"

สีโบกอดขาเจ้าขวัญฟ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าเวทนา คร่ำครวญน้ำตานองหน้า

"จันทร์แก้วรอวันที่จะได้กลับมารับใช้เจ้าพี่อีกครั้ง จันทร์แก้วขอถวายชีวิตเป็นทาสรับใช้เจ้าพี่ไปจนตาย ชีวิตนี้จันทร์แก้วอยู่โดยไม่มีเจ้าพี่ไม่ได้จริงๆเจ้า เจ้าพี่เจ้า ขอให้จันทร์แก้วได้ปรนนิบัติรับใช้เจ้าพี่เหมือนเดิมเถอะนะเจ้า..."

เจ้าขวัญฟ้าใจอ่อน ก้มลงดึงสีโบขึ้นมา เช็ดน้ำตาให้ สีโบโผเข้ากอดเจ้าขวัญฟ้าไว้แน่น

"เจ้าขวัญฟ้าของเมีย..."

ooooooo
คืนนี้ อานนท์เข้าไปรื้อหนังสือในห้องจนกระจัดกระจาย อลิสาเข้าถามว่าหาหนังสืออะไร อานนท์บอกว่าหาหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงม้า เลยเข้าทางอลิสาถามอย่างเยาะหยันว่า
"นี่ครูของเธอจนปัญญาถึงกับมาขอความช่วยเหลือจากเธอเลยหรือ" อานนท์บอกว่าตนอยากจะช่วยเอง อลิสายังพูดเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องม้าว่า
"การปราบม้าพยศตำราไหนก็ช่วยไม่ได้หรอกจ้ะ เชื่อพี่เถอะ ไม่มีทางที่นายโยธินจะปราบฟ้าลั่นได้ เธอไม่ต้องหาทางช่วยให้เหนื่อยแรงหรอก"
อานนท์เถียงแทนโยธินว่าเขาต้องช่วยได้ เขาต้องทำได้เพราะเขารู้เรื่องม้าทุกอย่าง ตอนนี้เจ้าฟ้าลั่นให้เขาจูงได้คนเดียว เพียงแต่ยังไม่ยอมให้ขึ้นขี่เท่านั้น เลยถูกอลิสาดักคอว่ารู้ได้ยังไง อานนท์รู้ตัวเลยปดว่าหนานเมืองเล่าให้คนอื่นฟังแล้วตนก็ฟังจากคนอื่นมาอีกต่อหนึ่ง
อลิสาปรามาสว่าโยธินไม่มีทางปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ อานนท์สวนไปทันทีเช่นกันว่า ไม่มีอะไรที่คุณโยธินทำไม่สำเร็จหรอก เลยถูกอลิสาหาว่าเถียง
"ผมไม่ได้เถียงซะหน่อย ผมก็พูดตามความจริง" อานนท์ชี้แจงแต่ก็ยังถูกตะแบงว่านั่นแหละคือเถียง อานนท์เลยถามว่า "แล้วทำไมคุณพี่ต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะครับ"
คราวนี้อลิสาจนแต้มตอบไม่ได้คิดไม่ทันเลยยืนอึ้งแต่ยังทำหน้าหงุดหงิดใส่อานนท์
กลับเข้าห้องแล้วเดินงุ่นง่านอยู่ครู่หนึ่ง ทนไม่ได้ คว้าผ้าคลุมไหล่เดินออกจากห้อง
ooooooo
ที่คอกม้า โยธินยังอยู่กับเจ้าฟ้าลั่น เขายืนลูบแผงคอให้ฟ้าลั่นรู้สึกผ่อนคลาย พูดอย่างอ่อนโยน
"เจ้าวางใจเถอะ ฉันจะคอยดูแลเจ้าไม่ให้ใครมาทำอะไรเจ้าได้ ฉันรู้ว่า เจ้ารู้สึกยังไง เจ้าอยากกลับไปเป็นเจ้าฟ้าลั่นตามเดิมเจ้าทำได้แน่ ถ้าเจ้ายอมที่จะลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกับเจ้า..."
ฟ้าลั่นยืนนิ่งเหมือนฟังรู้เรื่อง อลิสาเดินมาเงียบๆ หยุดมองแล้วนิ่งฟัง
"มีคนทำให้เจ้าเจ็บปวดใช่ไหม เจ้าก็เลยอาละวาด อยากจะให้คนอื่นได้ลิ้มลองความเจ็บปวดบ้าง แต่เจ้ารู้ไหม มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก สิ่งเดียวที่เจ้าควรทำคือ ให้อภัยคนที่ทำร้ายเจ้า ไม่ว่าเขาจะทำร้ายเจ้าเจ็บปวดสาหัสแค่ไหน เจ้าก็ต้องให้อภัยเขา โลกคงน่าอยู่กว่านี้ ถ้าคนเราจะรู้จักให้อภัยกันจริงไหมเจ้าฟ้าลั่น...อ้าว...หลับแล้วเหรอ" โยธินพูดขำๆมองเจ้าฟ้าลั่นที่ยืนหลับอยู่อย่างแสนรัก
อลิสานิ่งอึ้ง รู้สึกเหมือนโยธินจงใจพูดให้ตนฟัง ค่อยๆหันหลังจะกลับ แต่บังเอิญไปเหยียบถูกเศษกิ่งไม้แห้งที่พื้นหักดังเปาะ
"ใครน่ะ" โยธินถามพลางก้าวยาวๆเข้าไปทางต้นเสียง เขาเห็นเพียงเงารางๆในความมืดสลัว แต่อลิสาไม่ได้สะดุ้งสะเทือน เธอค่อยๆยืดตัวตรงหันกลับมาเผชิญหน้าโยธินอย่างยโสตามเดิม พูดเสียงวางอำนาจเหมือนเคย
"ฉันเอง"
โยธินถามว่าเธอห่วงเจ้าฟ้าลั่นมากถึงกับต้องมาที่นี่ในเวลาที่ปกติเธอไม่ควรออกนอกบ้านเลยหรือ อลิสาย้อนเอาว่าตนเป็นเจ้าของที่นี่ จะไปไหนมาไหนเวลาใดก็ย่อมได้ และถ้าไม่ลงมาจะรู้หรือว่าเขาทำอะไรนอกเหนือคำสั่งตนหรือเปล่า พูดพลางก็เดินสำรวจคอกม้า มองไปที่เจ้าฟ้าลั่น ถามว่าปราบเจ้าฟ้าลั่นไปถึงไหนแล้ว ได้ข่าวว่ามันสงบขึ้นเยอะแล้วใช่ไหม จะใช้งานได้เมื่อไร
"คงยังไม่ใช่เร็วๆนี้หรอกครับ ตอนนี้ต้องมีผมอยู่ด้วยมันถึงจะยอมให้คนอื่นเข้าใกล้มันได้"
"แล้วที่นายลงทุนลงแรงมานอนเฝ้ามันนี่ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยรึไง ฉันคงจะมอบหมายหน้าที่ให้ผิดคนซะแล้ว นึกว่านายจะทำประโยชน์อะไรให้ม่อนผาหลวงได้บ้าง นายนี่ช่างไร้ค่าจริงๆ"
โยธินฟังแล้วสะอึก ถามว่า "คุณหญิงคิดอย่างนี้จริงๆ เหรอครับ เห็นค่าของคนแค่ตรงที่ให้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน หมดประโยชน์ก็หมดค่า ค่าของมนุษย์มันมีมากกว่านั้นนะครับคุณหญิง นี่เจ้าฟ้าลั่นคงรู้ว่า นายมันคิดอย่างนี้ มันถึงเกิดพยศขึ้นมา มันจะจงรักภักดีรับใช้คนที่นี่ไปทำไม เพราะมันไม่มีประโยชน์เมื่อไหร่ก็คงฆ่ามันทิ้งอย่างเลือดเย็นžž
"ฉันพูดถึงตัวนายไม่เกี่ยวกับเจ้าฟ้าลั่น เพราะยังไงเจ้าฟ้าลั่นก็ยังมีค่ากว่าคนอย่างนาย เลี้ยงม้าดีกว่าเลี้ยงคนก็ตรงนี้แหละ อย่างน้อยมันก็ทำงานรับใช้เราอย่างซื่อสัตย์ไม่ต้องคอยระวังว่ามันจะแว้งกัดเมื่อไร"
"นี่ขนาดคุณหญิงเห็นค่าของมันนะครับ ผมไม่เห็นคุณหญิงจะถามถึงอาการของมันสักคำ ถามแต่ว่าจะใช้งานมันได้เมื่อไหร่ ช่างเป็นนายที่มีเมตตากรุณาเหลือเกิน"
ถูกย้อนเอาด้วยคำพูดของตัวเองเอาจังๆซึ่งหน้าสดๆ ร้อนๆอย่างนี้ อลิสาไม่มีทางที่จะโต้แย้งด้วยเหตุผล พาลโกรธใช้อารมณ์วางอำนาจ
"นายโยธิน! นายไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน"
"ผมก็แค่อยากแนะนำคุณหญิงเท่านั้น คุณหญิงควรเรียนรู้ว่าการเป็นนายที่ดี เป็นยังไง รู้จักแต่ใช้พระเดชไม่รู้จักใช้พระคุณ ใช้แต่อารมณ์เอาตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างนี้ สักวันจะไม่เหลือใครเลย"
"นายโยธิน!" อลิสาตวาดเกือบเป็นตะโกน
"โธ่ คุณหญิงทำเจ้าฟ้าลั่นตื่นซะแล้ว ผมกล่อมเจ้าฟ้าลั่นแทบตายกว่ามันจะยอมหลับ" พูดแล้วไม่แยแสกับอารมณ์โกรธของอลิสา เขาเดินเข้าไปหาเจ้าฟ้าลั่น ลูบแผงคอมันอย่างอ่อนโยน
อลิสาตามไปเล่นงานไม่ได้เพราะจำได้ว่าเจ้าฟ้าลั่นยังไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ได้แต่พูดลอยๆตามหลังก่อนสะบัดไปว่า
"นายโยธิน แล้วนายจะรู้ว่าเวลาที่ฉันใช้พระเดชจริงๆน่ะ มันจะเป็นยังไง"
ooooooo
ระหว่างทางเดินกลับตึกก็ยังไม่วายพึมพำอย่างหมายมาดว่า "วันนี้ฝากไว้ก่อนเถอะนายโยธิน"
พลันก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรหายใจดังๆอยู่ข้างหลัง หันไปยังไม่เห็นอะไร แต่พอได้ยินเสียงเดินสวบสาบเข้ามาก็ตกใจ หันขวับไปดู เห็นดวงตาสีเขียวจัดสองดวงวาววามในความมืด!
สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าเจอสัตว์ร้ายแล้ว พริบตา เสือตัวมหึมาก็ก้าวสวบๆเข้าหาอย่างหมายเหยื่อ อลิสาตกใจยืนตัวแข็งทื่อ หวีดร้องสุดเสียง "กรี๊ดดดดดด!!!"
โยธินได้ยินเสียงกรีดร้องก็คว้าปืนวิ่งไปทันที เขายิงปืนขู่เสือร้ายขณะมันกำลังจะพุ่งเข้าขย้ำอลิสาพอดี มันตกใจกระโจนหนี พอโยธินเข้าไปดูอลิสาเธอมองเขาอึดใจเดียวก็เป็นลมไป
เสียงปืนดังไปถึงตึกม่อนผาหลวง อติศักดิ์บอกหนานมีที่วิ่งเข้ามาให้หาคนสักสองสามคนไปด้วยกัน ส่วนตัวอติศักดิ์เองรีบเดินล่วงหน้าไปก่อน วิเคราะห์ทิศที่มาของเสียงปืนแล้วพากันบ่ายหน้าไป
โยธินประคองอลิสาให้นอนบนตักร้องเรียกเพื่อให้เธอได้สติ ขณะนั้นเองอติศักดิ์กับหนานมีและคนรับใช้มาถึงพอดี พอเห็นอลิสานอนบนตักโยธิน อติศักดิ์ถามอย่างโกรธเกรี้ยวว่าทำอะไรน้องสาวตน โยธินบอกว่าตนไม่ได้ทำอะไรคุณหญิง
อติศักดิ์สับไกปืนเตรียมยิง เดินเข้าหาตะคอกถามว่า
"ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไร ทำไมน้องหญิงถึงได้นอนหมดสติอยู่กับคุณ บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นผมยิงคุณแน่"
ขณะที่โยธินกำลังจะชี้แจงนั่นเอง อลิสาก็รู้สึกตัว พอรู้ว่านอนอยู่บนตักโยธินก็ตกใจผลักเขาออก รีบลุกเดินไปหาพี่ชาย อาการตกใจของอลิสายิ่งทำให้อติศักดิ์ระแวงโยธิน ถามน้องว่าเขาทำร้ายน้องใช่ไหม
"พี่ชายเข้าใจผิดแล้วค่ะ นายโยธินเขามาช่วยน้องไว้น่ะค่ะ เสือมันหลุดเข้ามาเกือบจะกระโดดขย้ำน้องเข้าแล้ว โชคดีที่นายโยธินเข้ามายิงปืนไล่"
ฟังน้องสาวชี้แจงแล้ว อติศักดิ์เอ่ยขอโทษโยธินที่เข้าใจผิด และขอบคุณที่ช่วยชีวิตน้องสาวไว้ อลิสารู้สึกทั้งเสียหน้าที่ตกใจให้โยธินเห็นทั้งเขินที่นอนยู่บนตักเขา รีบชวนพี่ชายกลับกันดีกว่าอ้างว่าไม่ค่อยสบาย พลางกระชับแจ็กเกตที่โยธินถอดคลุมให้เธอขณะหมดสติ
เมื่อทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว หนานเมืองถามโยธินว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ ตนได้ยินเสียงปืน ใครยิงปืนหรือว่ามีโจรบุกเข้ามาปล้น
"รีบไปที่คอกม้ากันก่อน" โยธินบอกพลางเดินนำไปด้วยความเป็นห่วงเจ้าฟ้าลั่น
ooooooo
เมื่อไปถึงคอกม้าแล้ว โยธินบอกหนานเมืองว่าเสือคงหิวโซถึงได้กล้าบุกเข้ามาถึงนี่ มันคงตามกลิ่นม้ามาแน่ๆ บอกให้หนานเมืองจุดคบไฟให้ทั่ว หนานเมืองถามกลัวๆว่าแค่คบไฟจะกันได้หรือ เราทำรั้วลวดหนามเพิ่มดีไหม
"แค่คบไฟก็พอแล้ว เรามีปืนอยู่กับตัวจะกลัวอะไร" โยธินมั่นใจแต่หนานเมืองบอกว่าตนยิงปืนไม่แม่น โยธินเลยบอกว่า "ไม่ต้องห่วง เจ้าเสือตัวนี้ตัวใหญ่เท่าลูกม้า หนานเมืองยิงไม่พลาดเป้าแน่นอน"
ฟังแล้วหนานเมืองยิ่งกลัวกว่าเก่า เห็นโยธินเดินห่างออกไปก็รีบวิ่งตามเหลียวหน้าแลหลังกลัวเสือโตเท่าลูกม้าตัวนั้นจะโผล่มาอีก
ooooooo

จบตอนที่ 8
เครดิต ไทยรัฐ


Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2553 10:36:52 น. 2 comments
Counter : 302 Pageviews.

 
ขอบคุณค่า ^^


โดย: pinky IP: 58.64.89.79 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:40:42 น.  

 
ทำไมอัพช้าจังอ่าคะเรื่องนี้ ตามเข้ามาทุกวันเลย


โดย: แฟนลับๆ IP: 98.219.162.37 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:36:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com