Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
2 weeks in Hong Kong and Beijing ตอนที่ 4 ไปปีนกำแพงเมืองจีนกับไปดูโอลิมปิกสเตเดียมทรงรังนก




บล๊อกที่แล้วตามลิงค์ข้างล่างค่ะ

2 weeks in Hong Kong and Beijing ตอนที่ 1 ชิวชิวที่ฮ่องกงเพื่อขอวีซ่าเข้า Bejing
คลิกที่นี่ค่ะ


2 weeks in Hong Kong and Beijing ตอนที่ 2 ไปดู Temple of Heaven ต่อด้วยไปกินเป็ดปักกิ่งสูตรต้นตำรับคลิกที่นี่ค่ะ

2 weeks in Hong Kong and Beijing ตอนที่ 3 เที่ยวจตุรัสเทียนอันเหมินกะไป นครต้องห้าม Forbidden City
คลิกที่นี่ค่ะ



ต่อจาบลีอกที่แล้วนะค่ะที่พาไปเที่ยวจตุรัสเทียนอันเหมินกับพระราชวังต้องห้าม คราวนี้เราไปปีนกำแพงเมืองจีนกันและต่อด้วยไปดู โอลิมปิกสเตเดียมทรงรังนก แนะนำว่าให้ทานอาหารไปหนักหนักท้อง ใส่รองเท้าที่ใส่สบายที่สุดเป็นรองเท้ากีฬาได้ยิ่งดีค่ะ เสื้อผ้าใส่แบบเดินคล่องตัว เตรียมนำ้ไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วงเพราะบนนั้นมีจุดขายของทานเล่น ขายน้ำเป็นระยะระยะแต่อาจจะแพงหน่อยนึง


มาดูข้อมูลและประวัติความเป็นมาซักหน่อยนะค่ะ

กำแพงเมืองจีน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ สร้างในสมัย พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นครั้งแรก กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมือง จีนได้สำเร็จ

กำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดถึง 6,350 กิโลเมตร และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย มีความเชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศจะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถมองเห็นจากอวกาศได้

ระยะ เวลาในการสร้าง

กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นในระยะเวลา 4 ช่วงหลัก ๆ ดังนี้

* พ.ศ. 338 (ราชวงศ์ฉิน) 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
* พ.ศ. 443 (ราชวงศ์ฮั่น)
* พ.ศ. 1681 - 1741 (สมัย 5 ราชวงศ์ 10 อาณาจักร)
* พ.ศ. 1911 - 2163 (รัชสมัยจักรพรรดิหงอู่ ต้นราชวงศ์หมิง)


ประวัติ

กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นกว่า 2000 ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิ์องค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยกษัตริย์องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่ เคยมีมา

มีข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนดังนี้

1. เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ ในระดับ low earth orbit เราสามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้ radar การมองเห็นกำแพงเมืองจีนเป็นไปได้ยากเนื่องจาก สีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ ก็คือสีของดิน หิน

2. กำแพงเมืองจีนไม่ใช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร

3. กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมากเสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย และความหิวโหย ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง นานนับศตวรรษแล้ว ที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพง

4. ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริงของกำแพงเมืองจีน ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงยาวหมื่นลี้" (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง ความสูงของกำแพงคือ 7 เมตร และกว้าง 5 เมตร

5. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่ การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฏภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก

6. กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ มีหอสังเกตการณ์กว่า 1 หมื่นแห่ง

7. กำแพงเมืองจีนเป็นเส้นทางคมนาคม ในระยะแรก ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันช่วยให้การคมนาคมและขนส่งในเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขาเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น

8. กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้าง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต บางแห่งก็ใช้ดินเผา ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่าเช่นหิน

9. สภาพของกำแพงเมืองจีนในขณะนี้ รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350 กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแลและอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีน ไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ


เหตุผล ที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก

กำแพงเมืองจีนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 11 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้


* เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด

* เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวนและภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม

* เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ใน ปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

* เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

* มีความคิดและความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์

มาดูรูปกันค่ะ



วันนั้นเราได้ว่าจ้างไกด์ส่วนตัวของเราไปสองคนจากคำแนะนำของแชนนอน เพื่อนที่ทำงานของเชนเพราะเค้าเคยใช้บริการ ไกด์จัดการให้หมดทุกอย่างค่ะ ทั้งไปเช่ารถ ขับรถให้ ซื้อตั๋ว อะไรจิปาถะ เพราะถ้าให้เราสองคนขับรถไปกันเองคงหลง แถมเหนื่อยเพราะยังไม่หายจากอาการ เจตเลกกัน


ขึ้นไปบนเขาโดยการนั่งกระเช้าขึ้นไป

Photobucket



Photobucket

ถึงแล้วมีของที่ระลึกและของกินขายกันตามทางเดิน


Photobucket


Photobucket


ถ่ายรูปทีไรยืนเคารพธงชาติทุกที


Photobucket


ทางเดินขึ้นไปซื้อตั๋วก่อนเข้า


Photobucket

มองลงมาจากจุดซื้อตั๋ว


Photobucket


เราเลือกไป ด่าน Mutianyu กันค่ะเนื่องจากว่าเพื่อนแนะนำว่า คนไม่เยอะและวิวสวยด้วย แต่เดินลำบากเหมือนกันเพราะความชันของเส้นทางบนกำแพงเมืองจีน ตอนอยู่บนนั้นเวลาหยุดเดินเราขาสั่นเลยทีเดียวเพราะไม่ได้เดินแบบนี้มานานมากแล้ว
กลับมาถึงโรงแรมยังเดินได้ปกติ แต่เช้าวันต่อมา นรกชัดชัดทำไมมันปวดขาอย่างนี้ ถึงกับบอกเชนให้ไปเช่ารถเข็นมาเพราะเราเดินไม่ได้เลย ปวดขามากเดินแบบเขย่งเขย่งและต้องใช้ยานวดอยู่สามสี่วัน ถึงจะเดินได้เกือบปกติ


Photobucket


จุดที่เรายืนอยู่มองไปทางขวามือจะเป็นเส้นทางนี้ ทางชันมากเหมือนกัน กะว่าหลังจากกลับมาจากเส้นทางซ้ายมือจะต่อไปเส้นทางขวามือแต่เราไม่ไหวเลยไม่เดินต่อกัน เราเลือกไปทางซ้ายมือ


Photobucket


Photobucket


แชะภาพแรกด้วยกัน ไกด์เราไม่ขึ้นไปด้วยนั่งรอข้างล่างเค้าขึ้นมาส่งเฉยเฉย


Photobucket


จากจุดเริ่มต้น เราไปกันจนถึงยอดเขาที่มองเห็นตึกเล็กเล็กนั่นเลยค่ะ แถมเดินกลับด้วย ตอนแรกว่าจะไปต่ออีกนิดหน่อยแต่เราไม่ไหวแล้ว


Photobucket


ออกเดินทางกัน ก็ถ่ายรูปวิวเรื่อยเปื่อย


Photobucket


ถ่ายกันสองคนมีสาวญี่ปุ่นใจดีอาสาถ่ายรูปให้

Photobucket


ดูความชันของมัน

Photobucket


เหมือนเดินขึ้นลงบันไดเลยค่ะ

Photobucket


Photobucket



ท่าไรของมานหว่า

Photobucket


แต่ละจุดจะมีจุดหยุดพักชมวิว ไกด์บอกว่า แต่ก่อนเคยเป็นซุ้มของทหารไว้ส่องดูข้าศึกหรือคนลักลอบเข้ามาเมืองจีน

Photobucket


Photobucket


หนทางยังอีกยาวไกล

Photobucket


ตาเชนทำบ้าบอไรของแกวะ

Photobucket


Photobucket


เดินไปเรื่อยเปื่อย

Photobucket


ขอหลับตรงนี้ได้ไม๊ ทำไมมันชันอย่างนี้้

Photobucket


มุมสวยสวย ได้ภาพมาไม่ค่อยชัดเพราะอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะของเบจิง

Photobucket


โดนแอบถ่าย แต่เต็มใจ

Photobucket


Photobucket


อ่านว่าไรเนี่ย เดี๋ยวต้องไปถามตาเชนก่อน

Photobucket


Photobucket


ใกล้ถึงจุดหมายละ

Photobucket


Photobucket

จุดพักเหนื่อย มีห้องนำ้ และขนมขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มเย็นเย็นขาย แต่ห้งน้ำเหม็นมาก เรากลั้นไว้เอา ใครอยากกลับโดยกระเช้าลอยฟ้าโดยไม่ต้องเดินกลับก็ได้ แต่เรากะเชนอึดเดินกลับทางเดิม เอิ๊กกกกก

Photobucket

กลับละ ขากลับไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะอยากถึงที่หทายเร็วเร็ว

Photobucket


เหงื่อโทรมมาก

Photobucket


Photobucket


Photobucket


แอบตาเชนไปหลบพักเหนื่อยก่อน ขาสั่นไปหมด

Photobucket


ขากลับเหมือนแป๊บเดียว

Photobucket

พอลงมาไกด์ก็พาเราไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่ไกด์แนะนำว่าอร่อย ถ้าเราอยากตกปลาเองก็ได้ เราจะได้ทานปลาตัวที่เราตกเองได้ด้วย แต่เราตกตั้งนานไม่มีปลาตัวไหนกินเบ็ดเลย เหมือนพวกเค้าฉลาดกันหมดแล้ว

ยืนก็แล้ว

Photobucket

นั่งก็แล้ว ไม่มีตัวไหนกินเบ็ดเราเลย

Photobucket


ในที่สุดก็ยอมแพ้ เรียกตาเชนมาต่อ ซักพักได้มาตัวนึง ตัวเล็กเล็กเอง

Photobucket


กลายมาเป็นอาหารเรา แต่เราว่าเค้าต้องเปลี่ยนเอาตัวใหญ่ทำอาหารให้แน่เลยเพราะปลามันตัวใหย่กว่าตัวที่เชนตกได้ แต่เค้าทำไม่อร่อยเลย ย่างซะจนปลาเนื้อแห้ง แถมใส่ผงกระหรี่อีก เรากะเชนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ส่วนอาหารอื่นอื่นก็อร่อยค่ะ

Photobucket


ถ่ายภาพกะไกด์ของเราทั้งสองคน

Photobucket


จากนั้นเรากะเชนก็หลับกันจนคุณไกด์พาไปถึง โอลิมปิกสเตเดียม เราเหนื่อยมากทั้งเพิ่งตื่นนอน เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปและไม่เดินเข้าไปข้างในชมแค่ข้างนอกพอ


สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สนามกีฬาแห่งชาติกรุงปักกิ่ง เป็นสนามกีฬาหลักที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่จะถูกจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2546 มีกำหนดการสร้างเสร็จในปี 2550 นี้ ได้รับการออกแบบโดย Herzog & DeMeuron (สวิสเซอร์แลนด์) และสถาบันออกแบบสถาปัตยกรรมจีน (China Architecture Design Institute) ครอบคลุมพื้นที่ 258,000 ตร. ม. และมีขนาดความจุ 1 แสนที่นั่ง ใช้งบประมาณถึง 3.5 พันล้านเหรินหมินปี้ โดยสนามกีฬาแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามแข่งขันกรีฑาและฟุตบอล

สนามกีฬาดังกล่าวตั้งอยู่ทิศใต้ของสวนโอลิมปิกในปักกิ่ง โดยเป็นสเตเดียมแบบเปิด รวมพื้นที่ 23.7 เฮกเตอร์ เพื่อใช้ในพิธีเปิด – ปิด และการแข่งขันกรีฑาประเภทลู่และลานของกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 100,000 คน แบ่งเป็นที่นั่งแบบถาวร 80,000 ที่ และที่นั่งเสริม 20,000 ที่(รื้อออกเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน) ทั้งนี้ ภายหลักการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 แล้ว สนามแห่งนี้จะใช้เป็นสนามแข่งขันระหว่างประเทศ หรือกิจกรรมทางกีฬาอื่น ๆ

Photobucket

Photobucket

Photobucket


จบแล้วทริปนี้ เดี๋ยวทริปหน้าพาไปตะลุยฮ่องกงต่ออีกสามสี่วัน

Photobucket







Create Date : 23 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 7:57:04 น. 2 comments
Counter : 1029 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:12:35:36 น.  

 
สวัสดีคุณจอยค่า ไม่ได้มาทักทายนาน
ว๊าวไปเที่ยงเมืองจีนมาด้วย โหๆๆๆ ปีนกำแพงเมืองจีนด้วย
อยากไปมั่งจังเลยค่ะ


โดย: anigia วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:2:23:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

smithfamily
Location :
BAY AREA United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Photobucket


Photobucket

*-* ชื่อจอยค่ะ ยินดีต้อนรับเพื่อนเพื่อน พี่ ป้า น้า อา ทุกท่าน บล๊อกนี้นำเที่ยว เป็นหลักค่ะ เพราะชีพจรชอบลงเท้าเป็นประจำ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ

Hi,

I'm jOy, I'm just typical thai woman. I've been living in the US since 2007 and hope you all enjoy reading and travelling with me through my blog..





ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์โดยการนำรูปภาพ บทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดในบล็อกนี้ไปใช้โดยมิได้รับอนุญาติเป็นลาย ลักษณ์อักษรจากเจ้าของบล็อก มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


>
Friends' blogs
[Add smithfamily's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.