Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
แล้วอาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ ก็ตั้งคำถามท่านผู้นำ เกี่ยวกับวาจาของท่าน,

ความคิดเสรีของมีชัย


ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี
ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี[1]
มีชัย ฤชุพันธุ์





ตลอดระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เคยมีการประชุมข้าราชการระดับสูงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนการประชุมเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ จะเป็นครั้งเดียวที่เขียนมาอ่าน ซึ่งน่าจะต้องแปลว่าท่านได้ไตร่ตรองและระดมมันสมองที่อยู่ใกล้ตัวมาอย่างรอบคอบแล้ว ว่าต้องการสื่อให้ตรงตามที่คิดไว้ทุกประการ

การเริ่มต้นด้วยการอัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ มากล่าวเพื่อชักจูงใจให้ข้าราชการที่อยู่กันพร้อมเพรียงกัน ณ ที่นั้นให้ปฏิบัติตาม นับว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม โดยเฉพาะพระราชดำรัสประการแรก ที่ว่า

“การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน และประการที่สาม ที่ว่า “การที่ทุกคนประพฤติ ปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎ กติกา และในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน”

ท่านนายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้ข้าราชการนำพระราชดำรัสดังกล่าวใส่เกล้าใส่กระหม่อม

แต่ข้อความในแต่ละตอนที่ท่านกล่าวในวันนั้น ดังจะได้นำมาแสดงให้เห็นดังต่อไปนี้ ดูเหมือนจะส่งผลตรงกันข้ามกับพระราชดำรัสที่ท่านขอให้ข้าราชการใส่เกล้าใส่กระหม่อม

- “วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญไม่ใช่ในรัฐธรรมนูญ คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป มีการไม่เคารพกติกา”

- “บางคนยังเข้าใจว่าตัวเองมีความสำคัญมากกว่าคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเสียงของตัวเองต้องดังและมีความหมายกว่าเสียงของคนอื่น ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน”

- “มีคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรีมาตรา ๗ ทั้ง ๆ ที่มีพระราชดำรัสรับสั่งออกมาแล้วว่ามาตรา ๗ นั้นไม่เป็นประชาธิปไตย เลยทำให้วุ่นวายกัน”

- ตอนท่านรองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม ท่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาขอลาออก ก็ยังพูดกับผมถึงเรื่องแรงจูงใจที่มีคนมาขอให้ออก”

- “บางองค์กรหัวหน้าองค์กรถึงขนาดยอมทำให้ระบบขององค์กรตัวเองเสีย เพื่อที่จะทำตามนโยบายผู้ที่ร้องขอบางราย”

- “ท่านทำหน้าที่ของท่านไปตรงนั้น นั่นคือ ธง ไม่ต้องรออีกธงหนึ่งเลย ธงเดียว และใครมาแอบสั่งราชการ อย่าปฏิบัติ เพราะหน้าที่ของท่านทำตามนั้นแล้ว คนที่จะสั่งราชการของท่านคือผู้บังคับบัญชาโดยตรง ประเภทแอบสั่งราชการนั้นผมขอร้องทั้งคนแอบสั่งและคนปฏิบัติ”

- ผมจะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด ผมจะขอปกป้องประชาธิปไตยของชาติ....ใครก็แล้วแต่จะนำพาประเทศถอยหลังเข้าคลองโดยทิ้งประชาธิปไตย ผมไม่ยอม ขอย้ำอีกครั้งว่าผมจะปกป้องประชาธิปไตยด้วยชีวิต”



ในระหว่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีอารมณ์ดี ๆ ลองอ่านทบทวนข้อความดังกล่าว (ซึ่งเพื่อให้เกิดความถูกต้องอย่างแท้จริง ผมได้คัดจากสำเนาคำกล่าวของท่านโดยมิได้ลอกจากหนังสือพิมพ์ ) ท่านจะตระหนักได้ดีว่า มิได้มีสิ่งใดที่จะแสดงให้เห็นถึง “ความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญ” ต่อกันเลย ทั้งยังไม่อาจกล่าวได้ว่า อยู่ในความสุจริต ในกฎ กติกา และในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน

เมื่อมีคนไปถามท่านว่าท่านหมายถึงใครที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแล้วเข้ามาวุ่นวายในองค์กรต่าง ๆ ท่านไม่ตอบแต่กลับจะร้องเพลงให้ฟัง

เมื่อท่านไม่ตอบจึงเป็นธรรมดาที่สื่อมวลชนและผู้คนทั่วไปจะแปลกันไปต่าง ๆ นานา

เมื่อคนทั้งประเทศเชื่อกันว่าคนที่มีบารมีมากที่สุดและเป็นที่รักของคนทุกคน ก็คือ พระเจ้าอยู่หัว ส่วนคนที่เคยอยู่ในแวดวงการเมืองที่มีบารมีและคนยังเคารพนับถือ ก็คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งบัดนี้ท่านก็พ้นจากแวดวงการเมืองไปดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี อันเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว

ประชาชนที่เป็นคนไทยล้วนต่างเคารพ รัก และเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวอย่างไร ท่านนายกรัฐมนตรีย่อมประจักษ์แก่ใจดี จากภาพที่ปรากฏในช่วงเวลาที่มีการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ ๖๐ ปี

ประชาชนจึงไม่อยากให้อะไรที่อึมครึมมาระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้

เขาจึงเพียรพยายามขอให้นายกรัฐมนตรีออกมาระบุให้ชัดเจนว่าท่านหมายถึงใคร

ในส่วนตัวของผมไม่คิดว่าใครก็ตามที่เขียนคำกล่าวให้ท่านนายกรัฐมนตรีอ่านในวันนั้นจะบังอาจ เหิมเกริม หรือเลวร้าย ถึงขนาดที่จะเขียนให้นายกพูดอะไรให้มีความหมายไปในทางที่คนเขาสงสัยกันได้

แต่เขาก็สะเพร่าหรือจงใจทำให้นายกรัฐมนตรีตกอยู่ในฐานะเป็นที่คลางแคลงใจของผู้คนได้ โดยเฉพาะความที่เขาเขียนให้ท่านอ่านถึงระบอบประชาธิปไตย ท่านลองย้อนกลับไปดูเถอะว่า เขาจงใจใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” ห้วน ๆ ในทุกแห่ง ทั้ง ๆ ที่เราเรียนรู้กันมาแต่อ้อนแต่ออกว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้น เป็น “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึ่งเป็นระบอบที่แตกต่างไปจากประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยอื่น ๆ และในรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ในทุกแห่ง

ดูเหมือนเขาจะจงใจให้คนเชื่อกันว่าข่าวลือเกี่ยวกับ “ปฏิญญาฟินแลนด์” นั้นเป็นเรื่องจริง

ความคลางแคลงใจของประชาชนที่มีต่อคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรี จะผิดหรือถูกเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือว่า รัฐธรรมนูญมาตรา ๘ บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”

และก่อนที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนจะเข้ารับตำแหน่ง ต่างก็ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้ และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

โดยภาระหน้าที่และคำสัตย์ปฏิญาณ ท่านนายกรัฐมนตรีจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องมิให้ใครมากระทำการใดอันเป็นการละเมิดมาตรา ๘ ของรัฐธรรมนูญได้

บัดนี้ ประชาชนคลางแคลงใจในคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นทำนองว่าท่านนายกรัฐมนตรีเองนั่นแหละที่ละเมิดมาตรา ๘ ของรัฐธรรมนูญ ท่านนายกรัฐมนตรีจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร

จริงอยู่ในทางการเมืองท่านนายกรัฐมนตรีอาจไม่อยู่ในฐานะที่จะระบุว่าหมายถึงใคร แต่ถ้านายกรัฐมนตรีมิได้มุ่งหมายอย่างที่คนเขาคลางแคลงใจ ท่านนายกรัฐมนตรีจะนิ่งเฉยโดยไม่ปฏิเสธให้เกิดความชัดเจนว่าท่านมิได้มุ่งหมายอย่างที่ประชาชนเขาคลางแคลงใจได้หรือ

เพราะสิ่งที่เขาคลางแคลงใจนั้น ถ้าไม่เป็นความจริง ก็แก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงท่านออกมาบอกให้ประชาชนทราบว่า ท่านมิได้หมายความอย่างที่เขาสงสัย ยังไม่หนักหนาถึงขนาดที่ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้อง

ถ้าท่านจะถือว่าเป็นเรื่องของคนเข้าใจผิด ไม่ใช่หน้าที่ของท่านที่จะต้องทำความเข้าใจ ท่านก็จะได้ชื่อว่ามิได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเสียเอง โดยมิได้ดูแลให้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา ๘ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้

ถ้าท่านยังนึกไม่ออก ก็ลองนึกดูว่า คำพูดของท่านที่ว่า “บุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป.....ใครมาแอบสั่งราชการอย่าปฏิบัติ ....ประเภทแอบสั่งราชการนั้นผมขอร้องทั้งคนแอบสั่งและคนปฏิบัติ” นั้น ถ้าสื่อมวลชนและประชาชนต่างเข้าใจกันว่า ท่านหมายถึงคุณหญิงพจมานของท่านและคุณผดุงที่อยู่ติดกับท่าน เพราะอันที่จริงแล้วดูเหมือนคุณหญิงท่านมีบารมีอยู่ในพรรคไม่น้อย และเป็นบารมีที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมือง อีกทั้งคุณผดุงก็เป็นคนที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญที่เวลาไปสั่งอะไรข้าราชการ ๆ ก็มักจะเกรง ๆ ใจอยู่อย่างที่เขาชอบลือกัน ซึ่งจะจริงเท็จอย่างไรก็ไม่รู้

แต่ถ้าเขาเข้าใจกันอย่างนั้น ท่านจะออกมาปฏิเสธหรือไม่ ท่านจะออกมาด่ากราดผู้สื่อข่าวหาว่าเขาเข้าใจเลอะเทอะไปหรือไม่ ท่านจะตอบเพียงว่าจะร้องเพลงให้ฟัง หรือเมื่อยแข้งเมื่อยขาหรือไม่ และท่านจะมีกะใจไปดูบอลโลกโดยยังไม่ทำความชัดเจนให้เกิดขึ้นได้หรือไม่

ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ท่านจึงมีหน้าที่ที่จะต้องทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น ถ้าท่านมิได้หมายความอย่างที่คนเขาคลางแคลงใจ แม้ท่านจะไม่อยู่ในฐานะที่จะบอกได้ว่าหมายถึงใคร แต่ท่านก็อยู่ในฐานะที่จำต้องออกมาบอกให้ชัดเจนว่าท่านมิได้หมายถึงใคร

ถ้าท่านยังไม่ทำ ท่านจะอ้างได้อย่างไรว่าท่านจะปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไว้ด้วยชีวิต หรือท่านจะยอมให้คนเขาเข้าใจว่าท่านหมายความอย่างที่เขาคลางแคลงใจจริง ๆ

ในตอนท้ายของคำกล่าวของท่าน ท่านกล่าวว่า “ถ้าหากทุกท่านได้กลับไปทำกันตรงนี้ แล้วรัฐบาลยึดมั่นคงในแนวทางที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ในแนวทางที่ได้ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ในส่วนข้าราชการทั้งหลายนั้น เขาคงทำตามคำแนะนำของท่านแล้ว ถึงตอนนี้จึงถึงคราวของท่านที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้ปฏิญานไว้







--------------------------------------------------------------------------------

[1] หมายเหตุ ไหน ๆ คนในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็ไปปล่อยข่าวกับหนังสือพิมพ์มติชนว่า ผมเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ให้กับนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง (อันที่จริงการอุปโลกน์นี้มีมาตั้งแต่ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ ๆ แล้ว ซึ่งผมก็ได้ปฏิเสธไปทุกครั้งที่มีการกล่าวอ้าง ปฏิเสธทั้งในที่ประชุมสัมมนา ทาง meechaithailand.com และต่อสื่อมวลชน แต่การปล่อยข่าวทำนองนี้ก็ดูเหมือนจะมีอยู่ร่ำไป) ข้อเขียนนี้ขอให้ถือเสียว่าเป็นคำปรึกษาของคนที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นที่ปรึกษาก็แล้วกัน

จากเวป //www.meechaithailand.com/

แทบไม่ต้องแสดงความคิดเห็นใด ข้อเขียนของอาจารย์เขียนได้ตรงประเด็น ชัดเจน ไม่ต้องตะแบง ไม่ต้องเอาศรีธนญชัยมานั่งแปลงเหมือนที่ชอบทำกันอยู่

แล้วก็พวกลิ่วล้อท่านผู้นำน่ะ หัดใช้สมองด้านขวาคิดแต่สิ่งที่ดีที่งามบ้างนะครับ เป็นตัวของตัวเองบ้าง อย่าแสดงความอีเดียทให้คนเขาสมเพชให้มากนัก ตายไปจะไม่มีแผ่นดินกลบหน้า






Create Date : 04 กรกฎาคม 2549
Last Update : 18 กรกฎาคม 2549 18:23:12 น. 3 comments
Counter : 671 Pageviews.

 
เพราะมันคนเดียว เฮงซวย


โดย: Kontonnum วันที่: 5 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:29:56 น.  

 
ถ้าอาจารย์มีชัยไม่ออกมาพูด พวกลิ่วล้อก็ไม่เดือดขนาดนี้หรอกครับ เมื่อวานมีฟ้องร้องอาจารย์มีชัยแล้ว เหอๆๆ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 7 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:42:32 น.  

 



เข้ามากระโดดโลดเต้นจ้า...คิดถึงๆ

จัดการอันข้างบนให้ด้วยเน้อ แฮ่ะๆ


โดย: Kontonnum วันที่: 9 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:12:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

SorayuthSin
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I am what I am so whatever will be will be!!!!!
Image hosted by Photobucket.com
Image hosted by Photobucket.com
Image hosted by Photobucket.com
Image hosted by Photobucket.com
Image hosted by Photobucket.com
Image hosted by Photobucket.com
Friends' blogs
[Add SorayuthSin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.