|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพราะฉันไม่ใช่นางเอก
เสียงเคาะประตูทำให้เด็กสาวสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นจากเตียงทันที รีบปิดหนังสือการ์ตูนในมือ วิ่งลนลานไปที่ตู้เสื้อผ้า ดึงประตูตู้เปิดออก
โหย
อึ้ด! เลย
เธอรีบปิดตู้ที่เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน แล้วก้าวเร็ว ๆ ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เสียงแม่เคาะประตูดังขึ้นอีก ทำให้สมองแทบคิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องทำอะไรรีบร้อนเช่นนี้
ทำอะไรอยู่ลูก นี่แม่เองจ้ะ มารดายืนรออยู่หน้าประตูได้ครู่หนึ่งเอ่ยเร่งลูกสาว
ค่ะ ๆ แม่ มาแล้วค่ะ เธอรีบยัดหนังสือการ์ตูนใส่ลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือที่ออกจะแน่นเอี้ยด แล้วรีบเดินไปเปิดประตูห้อง รีบหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ เปลี่ยนสีหน้าตกอกตกใจให้เป็นปกติ
ทำอะไรอยู่จ๊ะ ตะเกียง เสียงแม่ถามด้วยความสงสัยในความชักช้าของการมาเปิดประตูห้อง
ปะ เปล่าค่ะ แม่มีอะไรหรือคะ เด็กสาวพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
ห้องลูกยังรกรุงรังเหมือนเดิมนะ มารดากวาดสายตาไปมารอบห้องบุตรสาวอย่างระอา บนพื้นห้องมีเศษกระดาษหล่นอยู่เกลื่อนเต็มไปหมด โต๊ะเขียนหนังสือก็เต็มไปด้วยหนังสือกองพะเนิน เสื้อผ้าระเกะระกะพาดตรงนั้นตรงนี้เตะหูเตะตาไปหมด
โธ่
แม่คะ ห้องหญิงโสดก็งี้แหละค่ะ ตกลงแม่มีอะไรกับตะเกียงหรือคะ เด็กสาวรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่อง แม่มีเรื่องนิดหน่อยที่จะคุยกับตะเกียง พลางก้มลงเก็บเศษกระดาษและเสื้อผ้าที่ขวางหูขวางตาออก แม่
มะไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวตะเกียงทำเองค่ะ เธอรีบเข้าไปห้ามมารดา
แม่ของเธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
เอาล่ะสิ!
เอ่อ
แม่ไปนั่งที่เตียงดีกว่านะคะ เธอพยายามคะยั้นคะยอแม่ให้ไปไกล ๆ จากตู้เสื้อผ้า ทำไมล่ะ ไหนแม่ขอดูตู้ลูกหน่อย แม่เริ่งสงสัยมากขึ้น
เง้ย! ดันมาทำตัวเป็นสายตรวจอะไรตอนนี้นะ! เด็กสาวชักใจคอไม่ดี
เอ่อ
คือ
ไม่ดีหรอก มันก็รกเหมือนเดิมแหละค่ะ แม่อย่าดูให้เก๊กซิมเลยนะคะ ไหนแม่ว่ามีเรื่องจะบอกตะเกียงไง เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
แต่ทว่าแม่ของเธอไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ ของลูกสาว หล่อนเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า แม่
แม่คะ ตะเกียงรีบเดินตามไป
ประตูเสื้อผ้าถูกเปิดออก
แม่อึ้งไปชั่วขณะ มองหนังสือการ์ตูนที่ยัดอัดกันอยู่เต็มตู้ด้านล่างของ
ตะเกียง! เสียงของแม่เข้มขึ้น และเริ่มไม่พอใจที่ลูกสาวหล่อนขัดคำสั่ง
เด็กสาวได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบสายตา เมื่อสิ่งที่ซ่อนเก็บไว้ถูกเปิดเผย
แม่หยิบการ์ตูนในตู้ขึ้นมาดูสองสามเล่ม แต่ละเล่มเป็นการ์ตูนแนวเดียวกัน ลงหมึกเส้นหนัก ๆ มีแต่รูปการต่อสู้ ตีรันฟันแทง
แม่บอกตะเกียงแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกอ่านการ์ตูน แม่หันมาดุ แล้วเดินกลับมาที่เตียง สายตาสำรวจตรวจตราราวกับตำรวจต้องการค้นหาคนร้ายก็ไม่ปาน กวาดสายตาไปทั่วห้องว่าที่ใดจะเป็นที่ซ่อนการ์ตูนได้อีก หล่อนก้มลงดูใต้เตียง หนังสือการ์ตูนประเภทเดียวกันเรียงรายอยู่ใต้นั้นเพียบ
วัน ๆ เอาแต่อ่านการ์ตูน แย่จริง ๆ เลย แม่เริ่มบ่น เดินเลยเตียงนอนไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดลิ้นชักโต๊ะหนังสือการ์ตูนพวกเดียวกันเรียงซ้อนกันเป็นตับอยู่ในนั้น แม่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
เมื่อไหร่ตะเกียงจะเลิกอ่านการ์ตูนพวกนี้ซะที
โธ่! แม่คะ ตะเกียงว่าไม่เห็นเสียหายอะไรนี่คะ ดีกว่าไปเที่ยวเหลวไหนที่ไหนอีกค่ะ เด็กสาวเข้าไปกอดแขนมารดาอย่างประจบ
ตะเกียงรู้มั้ยที่ลูกเป็นคนขี้โมโห ชอบใช้อารมณ์ ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา ส่วนหนึ่งเพราะลูกอ่านแต่การ์ตูนพวกนี้ มันมีแต่การทำลายล้าง แล้วลูกก็ติดการ์ตูนงอมแงม ไม่เป็นอันทำอะไรอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะอ่านการ์ตูนหรือจ๊ะ แม่พยายามอธิบายอย่างใจเย็นและมีเหตุผล
ไม่จริงค่ะ เธอเถียงเสียงแข็ง ตะเกียงเป็นอย่างงี้เอง ไม่ใช่เพราะอ่านการ์ตูนหรอกค่ะ
ตะเกียง
สิ่งเหล่านี้ลูกไม่รู้ตัวหรอกจ้ะ มันจะค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในจิตใต้สำนึก รู้รึเปล่า เชื่อแม่นะ เลิกอ่านการ์ตูนพวกนี้
เธอนั่งเงียบไม่ตอบ
เอาเถอะ แม่เริ่มใจอ่อน แม่จะไม่บังคับลูก แต่แม่ขอร้องอย่างหนึ่งได้มั้ย
บุตรสาวเงยหน้ามองมารดาด้วยสีหน้าแฉ่มชื่นขึ้น
อะไรคะ
ขอให้ลูกอ่านเฉพาะเวลาว่างเท่านั้น ต้องทำการบ้านเสร็จก่อนได้มั้ยจ๊ะ ค่ะ ตะเกียงจะไม่ให้เสียการเรียนแน่นอนค่ะ เด็กสาวยิ้มระรื่น ดีจ้ะ เอาล่ะ! แม่มีเรื่องจะบอกตะเกียงนะ พ่อกับแม่ได้ปรึกษาหาลือกันแล้ว ว่าจะส่งลูกไปพักอยู่กับคุณตาที่บ้านไร่ชั่วคราวในช่วงที่ลูกปิดเทอมอยู่นี้
ไปอยู่กับคุณตา!
เธอเบิกตาโตอย่างตกใจ
โหย
แม่คะ คุณตาดุจะตาย เจ้าระเบียบด้วย ตะเกียงไม่อยากไปเลยค่ะ ภาพของคุณตาปรากฏในห้วงนึก แค่นึกถึงก็สยองแล้ว
ยังไงก็ต้องไป เพราะพ่อกับแม่ติดต่อบอกคุณตาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว และท่านก็ตอบกลับมาเรียบร้อยแล้วด้วย มะรืนนี้ลูกจะต้องเดินทางนะจ๊ะ จัดข้าวจัดของให้เรียบร้อย
อะไรนะคะ! มะรืนนี้!
สีหน้าเด็กสาวตกอกตกใจ ไม่นึกว่าจะรวดเร็วขนาดนี้
จ้ะ เตรียมข้าวของให้เรียบร้อย และห้ามเอาการ์ตูนไปด้วยเด็ดขาด ถ้าลูกดื้อกับแม่ แม่จะขนการ์ตูนพวกนี้ไปขายทิ้งให้หมด น้ำเสียงของแม่จริงจังและเด็ดขาดในประโยคสุดท้าย
ทำไมแม่ไม่ถามความสมัครใจของตะเกียงก่อนละคะ เด็กสาวทำเสียงกระเง้ากระงอดที่ถูกบังคับ
แม่รู้
ว่าลูกคงไม่อยากไป แต่แม่อยากให้ลูกไปฝึกตัวเองนะจ๊ะ แล้วพ่อกับแม่ก็ตกลงกับคุณตาเรียบร้อยแล้ว อย่าให้พ่อกับแม่เสียคำพูดเลยนะ ไปนะจ๊ะตะเกียง แม่กับพ่อฝากความคิดถึงไปถึงท่านด้วย คุณตาท่านก็คิดถึงตะเกียงนะ ที่นั่นก็ไม่ใช่ลำบากอะไร มีคนทำให้เหมือนที่บ้านเรา แต่แม่อยากให้ตะเกียงไปอยู่ใกล้ ๆ ผู้ใหญ่ท่านบ้าง แม่ยกมือบีบไหล่บุตรสาวเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
ทำไมต้องไปฝึกด้วยละคะ เด็กสาวย้อนถาม
เพราะว่า การฝึกก็คือการฝืนใจตัวเองให้ทำสิ่งที่ไม่ชอบให้ได้ เพราะในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ถูกใจเราทุกอย่าง ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราเสมอ เราจึงต้องหัดไม่ต้องทำตามใจตัวเองก็ได้ยังไงล่ะ แม่ค่อย ๆ อธิบายอย่างช้า ๆ
ไปนะจ๊ะ
ตะเกียงทำหน้าเง้าหน้าง้อ ปากยื่นเป็นลูกเป็ด
ก็แม่เล่นมัดมือชกแล้วนี่คะ ตะเกียงจะพูดอะไรได้อีก
เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากความคิด เมื่อชายชุดสีกากีเดินมาสะกิด
ตรวจตั๋วด้วยครับ
ตะเกียงหยิบตั๋วจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ สักครู่จึงรับตั๋วคืนมา
ภาพข้างทางวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วตามการขับเคลื่อนของรถไฟ เสียงล้อและเครื่องจักรดังกระทบกันเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผู้โดยสารที่นั่งตามเก้าอี้อื่นต่างเงียบขรึม ยกเว้นคนที่มีเพื่อนมาด้วย ตะเกียงมองคนที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ถัดไปคุยกันเสียงขรมจนน่าอิจฉา
เธอถอนหายใจหนัก ๆ ทำอะไรไม่ได้เลย เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้แล้ว มาจนถึงขั้นนี้แล้ว
เป็นไงเป็นกัน!!
ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ การยอมรับความจริง ในเมื่อยังไงก็ต้องทำ จะทำอย่างมีความสุข หรือทุกข์ ต้องเลือกเอา
และเธอฉลาดพอที่จะ
เลือกทำอย่างมีความสุข
.
เด็กสาวชะเง้อมองทางข้างหน้า ก่อนที่จะกระชับกระเป๋าเป้ในมือ เมื่อได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังเป็นสัญญาณเตรียมเข้าสถานีข้างหน้าจึงลุกขึ้น เดินตรงไปยังส่วนต่อระหว่างโบกี้ รถไฟชะลอความเร็วเข้าจอดที่สถานี เสียงเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟประกาศชื่อปลายทางของสถานีนั้น และกล่าวเตือนผู้โดยสารให้ตรวจดูสิ่งของและสัมภาระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนลงจากรถไฟ
เมื่อตะเกียงก้าวลงจากรถไฟเรียบร้อยแล้ว จึงสะพายเป้เข้าที่หลัง เดินไปรออยู่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ คอยมองหารถเก๋งสีขาวเก่า ๆ คันยาวที่คุณตามักจะใช้ลุงสี คนขับรถประจำตัว ขับรถมารับทุกครั้งที่มาหาคุณตา เธอเหลือบมองเวลานิดหนึ่ง ขณะนั้นบอกเวลาเที่ยงเศษ ๆ ท้องเจ้ากรรมเริ่มร้องโครกครากเบา ๆ แต่คิดว่าจะหิ้วท้องรอไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านคุณตาคงจะดีกว่า เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว ที่สำคัญมองดูร้านอาหารข้างทางไม่ค่อยสะอาด แถมไม่มีอาหารที่เธอชอบซักอย่างเดียว เธอคงจะกินไม่ลงแน่ ๆ
รออยู่สักพักใหญ่ มองเห็นรถเก๋งสีขาวคันเก่า ๆ วิ่งเข้ามาจอด ห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่ราวห้าเมตร อ้า
มาแล้ว ตะเกียงยิ้มอย่างดีใจ
ประตูรถเก๋งสีขาวคันนั้นเปิดออก
เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
เอ๊ะ! ไม่ใช่ลุงสีนี่ เอ
หรือว่า จำผิดคัน ไม่ใช่รถคันนี้มั้ง แค่สีเหมือนกัน เธอเริ่มลังเลเมื่อเห็นผู้ที่ก้าวลงจากรถไม่ใช่ลุงสีคนเดิม แต่กลับเป็นชายหนุ่ม และยิ่งทวีความแปลกใจมากขึ้น เมื่อมองเห็นเขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วมาสะดุดหยุดลงที่เธอ เขามองอยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่แน่ใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงมา
ขอโทษนะครับ คุณรวิวารใช่มั้ยครับ
เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างงง ๆ เขารู้จักชื่อจริงของเธอด้วยซ้ำ
ผม ระบิล ครับ คุณตาของคุณ ท่านให้ผมมารับ เขาแนะนำตัวเอง คุณตาท่านสบายดีหรือคะ ที่จริงแล้วตอนนี้ท่านไม่อยู่บ้านไร่ครับ ท่านไปเช็คสุขภาพที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ท่านเลยเข้าไปพักบ้านในเมือง กว่าจะกลับมาคงอีกหลายวัน เพราะคุณหมอท่านขอเช็คอย่างละเอียด พักนี้สุขภาพท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก แล้วท่านทราบรึเปล่าคะ ว่าฉันจะมาวันนี้ ทราบครับ ท่านอยากจะพบคุณมากเลยครับ แต่คุณหมอนัดแล้วก็เลยต้องไป คุณท่านบอกว่าให้รับคุณไปพบท่านที่บ้านพักในเมืองครับ หรือจะรอท่านอยู่ที่บ้านไร่ก็ได้ครับ
เด็กสาวคิดตาม บ้านพักในเมืองเป็นบ้านญาติ ๆ ของคุณตา ที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ อยู่กันหลายคน แม้จะมีเรือนรับรองพิเศษแยกไว้ต่างหากสำหรับให้ญาติ ๆ ที่เดินทางไปเยี่ยมได้พักค้างก็ตาม แต่ก็น่าอึดอัดและยุ่งยากไม่น้อยเลย คิดแล้วยิ่งไปกันใหญ่
คุณรวิวารครับ เชิญขึ้นรถครับ ผมจะไปส่งคุณที่บ้านพักในเมืองนะครับ คุณท่านรอคุณอยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจให้ เมื่อเห็นเธอยืนคิดลังเลอยู่ ด้วยนึกถึงสภาพบ้านไร่ที่ไม่มีแม่บ้านอยู่เลย เพราะต้องติดตามไปดูแลรับใช้เจ้าของบ้าน
ไม่ค่ะ เด็กสาวปฏิเสธ
คิ้วเข้มของฝ่ายตรงข้ามขมวดเข้าหากัน
ฉันจะรอคุณตาที่บ้านไร่ค่ะ เด็กสาวยืนยันความประสงค์
แต่ตอนนี้ที่บ้านไร่ลำบากมากนะครับ ไม่มีใครอยู่เลย ติดตามคุณท่านไปกันหมด เกรงว่าคุณจะไม่สะดวกนะครับ เขาให้เหตุผล
เธออึ้งไปชั่วขณะ ขมวดคิ้วย่น โกรธที่เขาหาว่าเธอกลัวความลำบาก
ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่กลัวลำบาก ฉันจะรอคุณตาที่บ้านไร่ ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น น้ำเสียงแข็งห้วนเอาแต่ใจขึ้นมาทันที
แน่ใจนะครับ เขาถามย้ำ พลางนึกตำหนิหลานสาวเจ้าของบ้านในความรั้นที่จะต้องอยู่ให้ได้
แน่ใจค่ะ เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ และเริ่มหมั่นไส้ เคืองเขาที่สบประมาทเธอว่าจะทนอยู่กับความลำบากไม่ได้ แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ก็ตาม
ถ้างั้นก็เชิญขึ้นรถครับ ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูตอนหลังให้
รวิวารก้าวเข้าไปนั่งทางตอนหลังของรถ เธอมองดูสภาพรถแล้ว อดหวั่นใจไม่ได้ กลัวว่ามันจะพาเธอไปไม่ถึง ได้ยินเสียงสตาร์ทรถหลายครั้งกว่าจะติด ก็ยิ่งกลุ้มหนักเข้าไปอีก
หวังว่า มันคงจะพาฉันไปถึงนะคะ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เพราะตอนออกมากว่าจะสตาร์ทเครื่องติดได้ตั้งนานแหละครับ รถมันเก่ามากแล้ว เผอิญลุงสีขับรถคันใหม่ไปส่งคุณตาท่านน่ะครับ แล้วลุงแกก็จะอยู่กับท่านจนกว่าท่านจะกลับ ผมก็เลยต้องเอาคันนี้มารับคุณ
นี่นายขู่ให้ฉันใจเสียหรือไง เธอถามเสียงดังอย่างลืมตัว ผมพูดจริงนะครับ เผื่อเกิดอะไรขึ้น คุณจะได้เตรียมทำใจไว้ก่อน
เสียงเครื่องยนต์ติดแล้วทำให้เด็กสาวใจชื้นขึ้น
ชายหนุ่มขยับเกียร์ พารถแล่นไปตามถนนยางมะตอย
รวิวารนั่งมองภาพข้างทางอย่างเงียบ ๆ รถวิ่งผ่านทุ่งนาสีเขียวสดใส นกสีขาวบินอยู่เหนือท้องนากว้างสามสี่ตัว ควายกำลังยืนเคี้ยวหญ้าอย่างเชื่องช้าด้วยอาการสงบท่ามกลางแดดจ้ายามเที่ยงวัน แม้จะร้อนขนาดไหน มันก็อดทน ไม่เคยแม้จะปริปากบ่นซักคำ วิ่งมาได้สักพักใหญ่ รถเริ่มขับขึ้นเนินสูง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน ลำต้นใหญ่ดูมั่นคงแข็งแรง บอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า
แล่นมาได้เกือบชั่วโมง รถสีขาวคันยาวเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเส้นเล็กที่ทอดตัวยาวสู่บ้านไร่ เส้นทางค่อนข้างขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่บ้าง ทำให้รถต้องขับช้าลง ที่สำคัญเป็นเหตุให้เครื่องดับต้องสตาร์ทใหม่หลายครั้ง จึงทำให้คนที่นั่งอยู่ตอนหลังรู้สึกใจเสีย รถแล่นมาได้สักพักใหญ่ก็ดับอีก เขาสตาร์ทรถอยู่อีกหลายครั้ง เครื่องยนต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะติดยอมทำงานแม้แต่น้อย
สงสัยจะสตาร์ทไม่ติดแล้วล่ะครับ เอาอย่างนี้นะครับ คุณรวิวารรออยู่ในรถนะ ผมจะกลับไปบ้านไร่ เอามอร์เตอร์ไซด์ออกมารับคุณ เขาเอี้ยวตัวมาทางเบาะตอนหลัง พูดจบจึงหันหน้ากลับไป แล้วเปิดประตูลงจากรถ
ดะเดี๋ยวค่ะ! ตะเกียงรีบเปิดประตูรถลงตามไป อีกไกลเท่าไหร่คะ ประมาณสิบกิโลครับ ผมว่าจะไปทางลัดคงเร็วหน่อย ใช้เวลาไปกลับสักสองชั่วโมงคงจะมาถึงครับ
ตะเกียงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้ว่าอีกตั้งสิบกิโลจึงจะถึงบ้านไร่ มองเขาเดินลิ่ว ๆ ไปข้างหน้าอย่างลังเล
จะรีบไปไหนของเขานะ!
ดะเดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งไป รอฉันด้วย
..ย เธอตะโกนบอกเขา แล้วรีบวิ่งตามไป
บ้าที่สุดเลย! จะทิ้งกันได้ลงคอ!
ให้
ให้
ให้ฉันไปด้วยคนนะ เธอละล่ำละลักบอกเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย
ผมว่า
คุณรออยู่ที่รถดีกว่านะครับ อีกสองชั่วโมงผมจะกลับมารับ ทางมันลำบากครับ เขานึกถึงเส้นทางที่ต้องขึ้นเขาลงห้วย ไม่ใช่หนทางเรียบ ๆ เดินได้อย่างสบาย ๆ
ไม่ค่ะ! ฉันไม่เคยกลัวความลำบากนะ เธอปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นทันที หงุดหงิดเมื่อเขาอ้างถึงความลำบากเป็นครั้งที่สอง
ระบิลมองหน้าหลานสาวเจ้าของไร่อย่างพิจารณา ผิวใส ๆ ของเธอจะทนแดดยามบ่ายอันร้อนระอุได้แค่ไหน ร่างเล็กบอบบางอย่างนั้นจะขึ้นเขาลงห้วยไหวหรือ สองมือนุ่มนิ่มอย่างคุณหนูผู้ได้รับการทะนุถนอมนั้น จะอดทนต่อความยากลำบากได้จริงอย่างที่เธอเก่งแต่พูดหรือเปล่า ท่าทางจะทำให้เดินทางไปถึงช้ากว่าที่เขาตั้งใจไว้เสียมากกว่า
ฉันจะไปด้วย แถวนี้เป็นป่าทั้งนั้น เกิดมีอะไรมาทำอันตรายฉัน ใครจะช่วยล่ะ ฉันจะไม่ยอมถูกทิ้งอยู่คนเดียวหรอกนะ
ก็ได้ครับ พูดจบเขาจึงเดินนำไป
แดดกล้าในยามบ่ายร้อนระอุ เปลวแดดและไอร้อนรอบตัวทำให้เธอรู้สึกเหนื่อย เลือดฝาดฉีดขึ้นหน้าจนสีผิวแดงระเรื่อ เธอก้มหน้าเช็ดเหงื่อกับแขนเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่า หิวก็หิว เมื่อยก็เมื่อย สองขาล้าไปหมด แล้วชะเง้อมองชายหนุ่มที่เดินอ้าว ๆ อยู่ข้างหน้า พยายามฝืนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่อะไรก็ไม่เหนื่อยเท่ากับการต้องเร่งรีบเดินให้ทันคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าที่เดินเร็วยังกับวิ่งไปอย่างนั้นแหละ สีหน้าเธอหงุดหงิดเอาการ
นี่! นายน่ะ เดินช้า ๆ หน่อยได้มั้ย นายลืมหรือไง ว่าฉันมาด้วยนะ นายไม่ได้มาคนเดียว เธอตะโกนเสียงดังใส่เขาอย่างโมโห
เขาหยุดรอครู่หนึ่งเพื่อให้เธอเดินตามขึ้นมาทัน
เดินน่ะ! รอๆ กันมั่งสิ! ทำยังกะเดินคนเดียวไปได้ ตะเกียงระบายอารมณ์ใส่
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ เขาไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อเห็นเธอเดินตามขึ้นมาทันแล้ว จึงเดินต่อไป
นี่! เดี๋ยวก่อน นายชื่ออะไรนะ เผื่อนายเดินหายตัวไป ฉันจะได้ตะโกนเรียกชื่อนายถูก
ระบิลครับ เขาตอบสั้น ๆ
มาอยู่กับคุณตานานรึยัง ตะเกียงพยายามชวนเขาคุย เพราะจะได้รู้สึกว่า ระยะทางที่ยาวไกลจะได้ดูสั้นลงบ้าง แต่เขาก็ตอบสั้นจนเธอเองรู้สึกว่า การคุยกับเขามันช่างน่าเบื่อเสียเหลือกิน พาลนึกหมั่นไส้เขาขึ้นมาตะหงิด ๆ
นี่! นายระบิล นายไม่เต็มใจจะคุยกับฉันหรือไง เธอชักยั้วะ! ในท่าทีเฉยชาไม่ยินดียินร้ายของชายหนุ่ม
ขอโทษครับ ผมคุยไม่เก่ง เขาตอบเสียงเรียบ
เชอะ! นายคงคิดว่า ฉันอยากคุยกับนายมากงั้นสิ ถึงได้ทำเล่นตัว ถามคำตอบคำแบบเนี้ย! คิดว่าตัวเองเป็นใคร! เธอเริ่มพูดจาประชดประชันมากขึ้น
ยังเดินไม่ถึงไหนเธอก็เริ่มโวยวายซะแล้ว
อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับ มองหน้าสาวน้อยข้าง ๆ ด้วยอาการสงบนิ่งเหมือนจะใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
นี่! นายหาว่าฉันเป็นคนขี้โมโหเหรอ
หูของเธอเริ่มออกอาการหาเรื่องเข้าแล้ว
เปล่าครับ คุณอย่าเอาเรื่องผมไปใส่ใจเลย
น่าเกลียด! นายหาว่าฉันสนใจนายรึไง
ชายหนุ่มไม่ต้องการจะเสียเวลาโต้เถียงกับเธอ หันหลังให้แล้วเดินต่อไปอย่างไม่สนใจเสียงเอ็ดตะโรที่ตามหลังมา
นี่! นายระบิลหันมาพูดกันก่อน ยิ่งเขาไม่พูด ยิ่งเขาเฉยชา ยิ่งกลับทำให้เธอโมโหมากขึ้น เธอเดินฉับ ๆ เข้าไปฉุดแขนเขาไว้
ชายหนุ่มหันขวับกลับมามอง
คุณใจเย็นขึ้นเมื่อไหร่ ผมจะพูดกับคุณ ดึงแขนออกจากมือเธอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เข้าใจอะไรไปขนาดนั้น
สีหน้าเรียบเฉยจนดูดุของเขา น้ำเสียงเน้นหนักชัดเจน ทำให้เด็กสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ผมอยากจะบอกเตือนคุณด้วยความหวังดีว่า มันไม่เป็นการดีเลย ที่คุณพูดจาไม่ดีกับผม มันจะอันตรายสำหรับคุณถ้าคุณพูดแบบนี้กับคนอื่น น้ำเสียงนั้นสุขุมเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่
ตะเกียงได้แต่กัดริมฝีปากไว้แน่น มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ และมันก็จริงอย่างที่เขาบอก ตอนนี้เธอต้องพึ่งพาเขา ควรจะพูดดี ๆ กับเขา ถึงจะถูก และก็มีเพียงเธอกับเขาสองคนเท่านั้นในขณะนี้
หลังจากนั้นเด็กสาวเดินตามหลังชายหนุ่มไปอย่างเงียบ ๆ สายตามองต้นไม้ใหญ่ต้นสูงรอบตัวอย่างสนใจ บางต้นรูปร่างและสีสันแปลกตา เพลินกับดอกไม้ป่าสีสันสดใส รวิวารหยุดสายตาไว้ที่ดอกไม้ดอกหนึ่ง สะดุดใจในความสวยเป็นพิเศษ รูปร่างคล้ายดอกกล้วยไม้แต่ใหญ่กว่า สีม่วงอ่อน กลีบดอกบางใส ห้อยระย้าลงมาจากกิ่งไม้สูงเหนือศีรษะ พยายามเอื้อมมือหมายเด็ดมาเป็นเจ้าของ แต่มันอยู่สูงเกินไป
ระบิล เก็บดอกไม้ให้หน่อยสิ เธอหันไปเรียกคนที่เดินนำหน้า
ชายหนุ่มหันมามอง
ผมว่า
ให้มันสวยอยู่บนต้นดีกว่านะครับ เขาพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ
ไม่เอา อยากได้ ดอกอะไรไม่รู้ แปลกดี สวยจังเลย เก็บให้หน่อยไม่ได้เหรอ เธออ้อนวอน
ผมว่า
ให้มันสวยอยู่กับป่านี่ละครับ ดีแล้ว คนที่ผ่านมาจะได้มองเห็นความสวยของมันด้วยไงครับ ไม่เห็นต้องเก็บมาชื่นชมความสวยคนเดียวนี่ครับ
ไม่เอา เก็บให้หน่อย เธอดื้อดึงจะเอาให้ได้
เก็บมาไม่นานมันก็เหี่ยวเฉาไป อะไรที่เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของ มันก็จะดูมีค่า แต่พอมันเป็นของเราแล้ว มันก็ไม่ค่อยมีความหมายอะไร คุณเล่นซักพักก็คงเบื่อ ให้มันอยู่ที่เดิมนะครับ เขาพยายามอธิบายเหตุผลยังไม่ยอมเก็บให้
เร็วสิ! ระบิลเก็บให้หน่อย นะ นะ เธอยังไม่ยอม พยายามคะยั้นคะยอเขาให้เก็บให้ราวกับเด็กอยากได้ของเล่น
อยากได้จริงหรอ เขาถามย้ำ เมื่อเห็นเธอตะแง้ว ๆ จะเอาให้ได้
จริง ๆ เธอพยักหน้ารับถี่ ๆ
งั้นปีนขึ้นไปเก็บเองนะครับ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ
ใบหน้าที่ทำท่าจะคลี่ยิ้มของเด็กสาวหุบลงทันที อะไรเนี่ย
! เก็บให้แค่นี้ก็ไม่ได้ เด็กสาวบ่นทำหน้ายุ่ง ทั้ง ๆ ที่คนตัวสูงอย่างเขา แค่เอื้อมมือนิดเดียวก็จะเด็ดดอกไม้สวยนั่นให้เธอได้อย่างสบายเลย
เด็กสาวสะบัดหน้าหนี
คนอะไร! ใจร้าย! ใจดำ! ไม่มีน้ำใจ!
เธอบ่นอยู่ในใจ แล้วหันไปทำตามคำแนะนำของเขาคือปีนขึ้นไปเก็บเอง
ชายหนุ่มได้แต่ยืนกอดอกมองอย่างขำ ๆ
แต่ทว่า ปีนขึ้นไปได้นิดหน่อย ก็ลื่นไถลหล่นตุ้บลงมากระแทกพื้น โชคดีที่ไม่สูงนัก
นี่! ไม่ช่วยแล้วยังหัวเราะเยาะอีกนะ เธอหันไปจ้องเขาตาเขียวปัด ค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น ปัดเสื้อปัดกางเกงที่เปื้อนขี้ดิน
จะเก็บดอกไม้อีกนานไหมครับ ถ้านานผมจะได้ไปก่อน พูดจบก็หันหลังให้เดินไปต่อทันที
นี่! ระบิล นายทิ้งฉันแบบนี้ไม่ได้นะ หลานสาวเจ้าของไร่รีบวิ่งตาม
เดินตามเขามาได้สักพักใหญ่ ๆ รวิวารมองเวลาจากข้อมือ เกือบบ่ายสองแล้ว เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ท้องร้องจนหายร้องไปชั่วขณะหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มร้องใหม่อีกรอบแล้ว หิวจนแสบท้องไปหมด มองคนนำทางที่เดินลิ่ว ๆ อยู่ข้างหน้า
ระบิล
เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ
ความเงียบของป่าที่มีเพียงเสียงฝีเท้าของเขาและเธอ ทำให้เขาได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับมามองด้วยสายตาที่มีคำถาม
ฉัน
. พอเห็นสีหน้าเขา พาลจะพูดไม่ออกเอาดื้อ ๆ
ครับ? เขารับคำด้วยเสียงของคำถาม
เธอยังไม่ได้พูดอะไร ท้องก็ส่งเสียงร้องบอกแทนคำพูดในประโยคถัดมา
ยังไม่ได้ทานข้าวมาหรือครับ
ยังเลย
ชายหนุ่มมองไปรอบตัว แล้วหันกลับมามองหน้าเด็กสาว
ถ้าผมจำไม่ผิด ข้างหน้านี้จะมีต้นกล้วยขึ้นอยู่ แล้วก็ต้นตะขบ ต้นหว้า ต้นไหนนะครับ ทานลองท้องก่อนก็แล้วกันนะครับ
กล้วยหรอ
ไม่มีต้นอื่นหรอ ฉันไม่ชอบกินกล้วยนะ ส่วนตะขบ หว้า ไหนอะไรก็กินไม่เป็น ไม่เคยกิน
เดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็เจอต้นกล้วยที่เขาบอก ตะขบลูกสีแดงกลิ่นหอมหวานห้อยตามกิ่งของตะขบ ต้นหว้า ต้นไหน ขึ้นแซมอยู่ใกล้กัน
ทานเถอะครับ ลองทานดู เขาเก็บผลไม้แปลกหูแปลกตาในสายตาเธอมาให้
วิธีทานไม่ยากครับ ผมจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างนะ ว่าแล้วเขาก็ปอกกล้วยเข้าปาก
สาวน้อยตัดใจลองทานผลไม้ที่เขาเอามาให้ ถ้าไม่กินต้องหิวจนตาลายหรือไม่ก็เป็นลมเป็นแล้งแน่ ๆ รสชาดไม่ได้แย่อย่างที่คิด อยากจะให้เขาเก็บให้อีก แต่ไม่กล้าบอก
เขามองเธอทานผลไม้ที่เก็บมาให้อย่างน่าอร่อยเชียว ทานจนหมดเกลี้ยงเลย คงจะหิวมากจริง ๆ ทานได้นะครับ ผมจะเก็บให้อีก
เด็กสาวยิ้มแหย ๆ พลางพยักหน้า
ขอบใจนะ เธอขอบคุณเขาเป็นครั้งแรก เมื่อรับผลไม้จากเขาเป็นครั้งที่สอง
ยินดีครับ
=============
ระบิลพารวิวารเดินตัดป่ามาถึงลำธารสายหนึ่ง เสียงน้ำไหลไพเราะเป็นเสียงดนตรีตามธรรมชาติ บริเวณนี้มีก้อนหินน้อยใหญ่ขึ้นสลับซับซ้อนพอสมควร ยิ่งเดินใกล้ลำธารเข้าไปก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความชื้นและไอเย็นจากสายน้ำ ตามโขดหินมีตะใคร่น้ำขึ้นอยู่ทั่วไป
ชายหนุ่มเดินลัดเลาะตามโขดหิน ปีนขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่ หันกลับลงไปมองเด็กสาวที่ตามมา หยิบท่อนไม้ที่ดูแข็งแรงส่งให้ เพื่อให้เธอจับแล้วช่วยดึงขึ้นมาด้านบน ได้ยินเสียงน้ำตกแว่นมาจากที่ไหนซักแห่ง ทุกย่างก้าวเธอต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะพื้นก้อนหินมีความชื้นและลื่น แม้จะระวังอย่างดีแล้วก็ยังลื่นล้มอีกจนได้ คนตัวสูงได้แต่หันมามอง แล้วปล่อยให้เธอลุกขึ้นด้วยตัวเอง เมื่อถึงทางลาดชัน เขาส่งท่อนไม้ให้เธอจับไว้เพื่อพยุงตัวเองแล้วค่อย ๆ เดินไต่ลงมา เดินต่อมาอีกหน่อยมองเห็นลำธารใสอยู่เบื้องหน้าห่างไปแค่สิบก้าว
นี่ระบิลจะถึงหรือยัง น้ำเสียงนั้นเหนื่อยอ่อน ครึ่งทางแล้วครับ ข้ามลำธารไปอีกห้ากิโลก็ถึงบ้านไร่
ขอฉันนั่งพักสักครู่เถอะนะ ฉันไม่ไหวแล้ว นายรู้มั้ย ฉันไม่เคยเดินไกลขนาดนี้เลยนะ ตั้งแต่เกิดมา เจ็บเท้าจะแย่อยู่แล้ว มันระบมไปหมด เธอทรุดตัวลงนั่งใต้โคนต้นไม้ใหญ่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
เอาเถอะครับ คุณนั่งพักสักครู่ก็แล้วกัน แล้วสาวเท้าเดินตรงไปที่ลำธาร
นี่
เดี๋ยว! นายจะไปไหน อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ เด็กสาวรีบผุดลุกขึ้นยืนทันที คว้าแขนเขาเอาไว้
ไม่ได้ไปไหนครับ อยู่แถว ๆ นี้แหละ คุณนั่งพักเถอะ
สายตาชายหนุ่มมองมายังมือเธอที่คว้าแขนเขาเอาไว้ ทำให้เธอต้องรีบปล่อยมือ รวิวารจึงนั่งลงตามเดิม
สักครู่ชายหนุ่มเดินกลับมา ส่งกรวยใบไม้ในมือให้เธอ
น้ำครับ
จาก
ลำธารนี่หรือคะ เธอยื่นมือไปรับกรวยใบไม้จากระบิล
แล้วจะ
สะอาดหรือคะ เธอชักไม่แน่ใจ
ถ้ากลัวก็ไม่ต้องกินหรอกครับ เขาเดินกลับไปยังลำธารอย่างไม่สนใจ
เด็กสาวทำจมูกย่น มองเขาเดินตรงไปริมลำธาร ชายหนุ่มย่อตัวลงใช้มือกวักน้ำขึ้นมาดื่ม และล้างหน้าล้างแขนอย่างสบายใจดูน่าอิจฉาชะมัด
กินก็กิน ดีกว่าไม่มีน้ำกินนะ หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว
เธอหันกลับมามองน้ำในกรวยใบไม้ ก่อนตัดสินใจยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย แล้วเดินไปริมลำธารตักน้ำขึ้นดื่มอีกจนพุงกาง กวักน้ำล้างหน้าล้างแขนจนเสื้อแสงเปียกโชก ความเย็นของน้ำทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น
ระบิลเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นไป พลางเดินเข้าไปหาเด็กสาว ไปกันหรือยังครับ เราต้องข้ามลำธารนี้ไป คุณว่ายน้ำเป็นมั้ย
รวิวารส่ายหน้า หึ
ไม่เป็นค่ะ
ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณเดินดี ๆ ก็ไม่ตกหรอก น้ำก็ไม่ลึกมาก แค่อกเองครับ มีแค่บางจุดเลยหัวนิดหน่อย
เขาเริ่มเดินนำไปก่อน ก้าวเท้าขึ้นเหยียบตามก้อนหินที่วางเรียงรายขวางลำธารอยู่ ระหว่างหินแต่ละก้อน ห่างกันอยู่พอสมควร
ตามมาสิครับคุณ
. เขาหันมามองเธอ หลังจากที่เดินข้ามหินไปสามสี่ก้อนแล้ว
เด็กสาวรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะก้าวไปบนก้อนหินแต่ละก้อน ความห่างของก้อนหินทำให้เธอกลัวที่จะก้าวพลาด นึกโกรธเขาที่เดินนำไปก่อน ไม่หยุดรอช่วยเหลือเธอบ้างเลย
ผู้ชายอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษซะเลย ทำตัวอย่างพระเอกละครหน่อยก็ไม่ได้ เธอบ่นอุบอิบอยู่ในใจ มองเห็นเขากระโดดไปถึงหินก้อนเกือบสุดท้ายแล้ว จึงรีบก้าวตามไป
เอ้า! รีบกระโดดมาสิครับ เขาบอกเธอ เมื่อเห็นเธอยืนลังเลอยู่นานแล้ว
โหย
มันห่าง
ฉันกลัวจะโดดไม่ถึง
ถ้าคุณมั่นใจว่าทำได้ คุณก็จะทำได้
ก็นายขายาวนี่ นายก็ทำได้สิ
รีบ ๆ มาเถอะครับ ไม่งั้นผมจะไม่รอคุณแล้วนะ เขาทำท่าจะหันหลังจากไป
เดี๋ยวซี่!! อย่าเพิ่งไปนะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ
เพราะความห่างของก้อนหินทำให้เธอโถมแรงกระโดดเต็มที่ เมื่อเท้าแตะถึงหินที่เขายืนรออยู่ จึงเซกระแทกเขาอย่างจัง ระบิลเซไปตามแรงปะทะจนติดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ข้าง ๆ รีบใช้มือข้างหนึ่งยึดกิ่งไม้ไว้ พร้อม ๆ กับใช้มือข้างที่เหลือพยุงร่างเล็กเอาไว้ โชคดีที่มีต้นไม้กั้นอยู่ไม่งั้นคงพลัดตกน้ำไปทั้งคู่
ขะ
ขอโทษค่ะ ตะเกียงรีบพยุงตัวเองถอยออกมาจากร่างชายหนุ่ม สายตาเหลือบเห็นแผลเขาถูกกิ่งไม้ขูดเอาที่ต้นแขน มีเลือดไหลซึมออกมาซิบ ๆ หลายแผลเลย
ไม่เป็นไรหรอกครับ ไปกันต่อเถอะ เขาไม่สนใจมัน แล้วกระโดดไปยังหินที่ติดกับฝั่งลำธาร
เธอพยายามมีสติ แล้วกระโดดตามไป แต่เท้าข้างหนึ่งเหยียบถูกส่วนที่ลาดชันของหินจึงลื่น
ว้าย
.!! รวิวารร้องเสียงดังอย่างตกใจ
ชายหนุ่มรีบคว้าร่างของเด็กสาวเอาไว้ เธอกอดคอเขาไว้แน่นอย่างตกใจ ขาข้างหนึ่งลื่นจมอยู่ในน้ำ เขาช่วยพยุงเธอลุกขึ้น มองร่างที่อยู่ตรงหน้าหายใจหอบถี่ ๆ เธอค่อย ๆ ยกขาข้างนั้นขึ้นมาจากน้ำ ระบิลปล่อยมือจากแผ่นหลังของเด็กสาว เมื่อเห็นเธอยืนเองได้อย่างปลอดภัย
ไม่เป็นไรแล้วครับ เขาเตือนเมื่อเธอยังกอดคอเขาไว้อยู่
ตะเกียงรีบถอนมือกลับมาจากไหล่ของเขา
เธอขว้างค้อนใส่ เมื่อเขาหันหน้าเรียบเฉยกลับไป แล้วก้าวเท้าขึ้นฝั่งทันที
ไม่ได้อยากเกาะนายซักหน่อย! เชอะ!
แล้วก้มลงมองตัวเอง โอย
ขาเปียกไปข้างหนึ่งเลย แล้วรีบจ้ำตามชายหนุ่มไป
================
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549 |
|
26 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 0:13:38 น. |
Counter : 1150 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 21:10:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 21:38:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 21:43:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 21:49:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 21:58:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 22:01:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 7 พฤศจิกายน 2549 22:12:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: chalee IP: 124.121.186.226 29 เมษายน 2550 14:00:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 2 พฤษภาคม 2550 23:48:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 2 พฤษภาคม 2550 23:53:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทิ้ว IP: 125.24.35.172 24 พฤษภาคม 2550 19:31:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ IP: 203.153.170.155 29 พฤษภาคม 2550 23:44:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอปอ IP: 222.123.48.217 26 กรกฎาคม 2550 6:15:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: sayong6 IP: 117.47.0.182 5 สิงหาคม 2550 0:48:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่ดอกไม้ค่ะ IP: 203.153.170.100 26 กันยายน 2550 23:58:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: เเส IP: 117.47.28.47 16 ตุลาคม 2550 0:37:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอม IP: 117.47.213.78 31 สิงหาคม 2551 7:11:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชมภูพูคา IP: 125.24.158.180 3 กันยายน 2551 14:32:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: จี๊ด IP: 58.8.89.223 4 กันยายน 2551 14:50:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ IP: 124.120.7.145 10 กันยายน 2551 0:11:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: rarun IP: 58.8.155.63 21 พฤษภาคม 2552 23:52:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 22 พฤษภาคม 2552 19:10:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 13 สิงหาคม 2552 19:46:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 13 สิงหาคม 2552 19:46:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 13 สิงหาคม 2552 19:48:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 13 สิงหาคม 2552 19:49:21 น. |
|
|
|
|
|
|
ข้อความทักทาย
s
|
|
|
|
|
|
|
เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ เธอมองรอบตัวอย่างงง ๆ พยายามลำดับเรื่องราวสักครู่ ยกข้อมือขึ้นมองเวลา
นี่เราหลับไปสองชั่วโมงเชียวเหรอ เธอค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นจากการนอนเหยียดยาว ตามเนื้อตามตัวยังรู้สึกปวดเมื่อยไม่หาย ตามแขนขาริ้วรอยกิ่งไม้หนามไหน่ขีดข่วนเต็มไปหมด แล้วลุกขึ้นจากเตียง ตะโพกยังยอก ๆ อยู่เลย เนื่องจากลื่นตกต้นไม้ และลื่นล้มก้นกระแทกพื้นไปหลายที สาวน้อยเดินตรงไปยังหน้าต่าง
บรรยากาศฟ้าใกล้ค่ำสวยเหลือเกิน พระอาทิตย์อวดแสงสีทองจาง ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ลำแสงกำลังจะลับหายไปจากทิวไม้เขียวครึ้มของหุบเขาด้านตะวันตก ฝูงนกบินตัดผ่านท้องฟ้าไปเป็นหมู่
บ้านคุณตาเปลี่ยนไปตั้งเยอะ เธอสังเกตสีไม้ซีดลงไปถนัดตาด้วยผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี เรือนไทยหลังใหญ่ตั้งเด่นตะหง่านอยู่กลางหุบเขาที่ล้อมรอบไว้เกือบทุกด้าน รอบ ๆ บริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายจนร่มรื่นเย็นสบาย ลมพัดเข้ามาประทะร่างของหลานสาวเจ้าของไร่เบา ๆ
ต้นไม้ขึ้นครึ้มเชียว ต้นไม้ที่เธอเคยเห็นเมื่อยังเด็ก และเคยช่วยคุณตาปลูกเติบโตขึ้นหมดแล้ว เด็กสาวยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจ พื้นดินเคยแตกระแหงแห้งแล้ง ทุรกันดาร ในอดีตไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นมุมานะของคุณตา พลิกพื้นผืนดินที่เหมือนตายแล้วให้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ
คิดถูกหรือผิดนะ ที่ดื้อไม่ไปบ้านพักในเมืองตามที่เขาบอก เธอยกมือท้าวกับขอบหน้าต่าง ความคิดหนึ่งถามขึ้นมาในสมอง
เฮอะ! ลำบากยังไงตะเกียงก็ไม่มีทางถอย ไม่ยอมให้นายดูถูกหรอก คนอย่างตะเกียงหรือ? จะกลัวความลำบาก ทนกับความลำบากไม่ได้ คอยดูเถอะนายระบิล อีกเสียงหนึ่งของความคิดรีบดังขึ้นมาข่มอีกความคิดหนึ่งทันที เพื่อเรียกความฮึกเหิม
เธอนึกทบทวนการเดินทางของวันนี้ทั้งวัน รู้สึกอับอายขายหน้าตัวเองเหลือเกิน ดันกระโดดไปกระแทกนายระบิลจบเกือบตกน้ำกันทั้งคู่ แถมเท้าที่ก้าวพลาดทำให้ลื่นจนเขาต้องคว้าตัวเธอเอาไว้อีก ที่แย่ที่สุดคือ ถูกเขามองด้วยสายตาราวกับเธอไปล่วงเกินเขาอย่างร้ายแรงงั้นแหละ กับแค่การเกาะไหล่เขาไว้แค่เนี้ย!
คนบ้า!! คนอะไรไม่รู้!!
เด็กสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว
ก๊อก ๆ ๆ
ตะเกียงหันไปที่ประตูห้อง
ตายยากจริง บ่นถึงก็มาเชียว สาวน้อยบ่นขมุบขมิบเบา ๆ ก่อนพยายามปั้นหน้ายุ่ง ๆ จากการหมั่นไส้คนที่อยู่หน้าประตูให้เป็นปกติ ยกมือเสยผมที่ยุ่ง ๆ อย่างลวก ๆ แล้วเดินไปเปิดประตูไม้สักบานใหญ่ทาสีเข้ม
เมื่อประตูเปิดออกชายหนุ่มด้านนอกจึงยื่นกระเป๋าเป้ของเธอคืนเจ้าของ หลังจากพอกลับมาถึงก็บึ่งมอเตอร์ไซด์กลับไปเอากระเป๋ามาให้เธอ เกรงว่าเธอจะไม่มีของใช้ที่จำเป็น
เชิญทานข้าวครับคุณรวิวาร เมื่อน้ำเสียงราบเรียบนั้นกล่าวจบ และเห็นเธอพยักหน้ารับแล้วจึงเดินเลยไป
เด็กสาววางกระเป๋าเป้ไว้ในห้อง แล้วเดินตามผู้จัดการไร่ไปยังเรือนด้านหน้า คิดในใจว่าจะได้กินอย่างอร่อยเต็มที่เสียที จะกินให้พุงกางเลย คอยดูสิ! แต่ทว่า ความฝันพังทลายลงคลืน เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร เด็กสาวตะลึงงันไปชั่วขณะ! กระพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อะไรกันเนี่ย!!
เมื่อมองเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ มีเพียงน้ำพริกถ้วยหนึ่ง นอกนั้นเป็นผักสด และผักรวกเท่านั้น
ให้ตายสิ! จะกินลงมั้ยเนี่ย! ตะเกียงเอ๊ย!
เธออยากเป็นลมเป็นแล้งจริง ๆ เลยตอนนี้
ผู้จัดการไร่เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือของโต๊ะอาหาร ตรงข้ามกับตะเกียงซึ่งอยู่ทางด้านขวา เขาเหลือบสายตามองเด็กสาวนิดหนึ่ง
เชิญครับ พลางผายมือเชิญให้เธอนั่งลง
เอ่อ คือ หลานสาวเจ้าปัญหาอ้ำอึ้งก่อนจะหลุดถ้อยคำออกไปได้
มีแต่น้ำพริกกับผัก เท่านั้นหรือคะ ฉะ ฉันกินน้ำพริกกับผักสดอะไรนี่ไม่ค่อยเป็น ไม่เคยกิน แล้วก็ไม่ชอบด้วยค่ะ
มีเท่านี้ละครับ อย่างที่บอกไม่มีใครอยู่เลย แม่บ้านตามคุณท่านไปด้วย ผมก็ทำอย่างอื่นไม่ค่อยจะเป็นด้วย ผักนี่ปลูกเอง ไร้สารพิษ ลองทานดูครับ พูดพลางมองเธอด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย เธออยากดื้อไม่ยอมไปพักอยู่กับคุณตาที่บ้านพักในเมืองทำไม! เป็นภาระเขาให้ต้องมาคอยดูแลเธอ พูดจบเขาลงมือตักน้ำพริกใส่จานข้าวตัวเอง
นายแกล้งฉันหรือไง ระบิล เธอต่อว่าเขาอยู่ในใจ มองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาขุ่น ๆ
กินก็กิน ไม่งั้นหิวตายแน่เลย เด็กสาวบอกตัวเอง แล้วค่อย ๆ ตักน้ำพริกใส่จานข้าวตัวเองบ้าง
หือ จืดชืด ไม่เผ็ดเลยพะผ่าสิ! เธอบ่นในใจ
ทานได้มั้ยครับ สายตาเขายังจับจ้องอยู่ที่สีหน้าอาการของเธอ
ก็ ทานได้ค่ะ แต่มันจืดไปหน่อยนะคะ
แสดงว่า คุณเป็นกินรสจัดสิครับ
เรื่องของฉัน! เธออารมณ์เสียขึ้นมาทันที
ที่นี่ เรานิยมทานอาหารใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด รสไม่จัดเกินไป มันดีต่อสุขภาพนะครับ เขาอธิบายอย่างใจเย็น
รู้น่ะ! นายจะบอกให้ฉันพยายามหัดกินล่ะสิ แล้วหยิบถั่วฝักยาวฝักอวบสีเขียวเข้าปาก เด็กสาวทำจมูกย่น
อื๋อ..เหม็นเขียวจัง แต่ก็พยายามกลืนลงไป
กินไปพลางก็เหลือบมองเขาไปพลาง
ต้องหัดกิน ไม่งั้นนายคงหาว่า ฉันกินยากอีก นายทำได้! ฉันก็ทำได้! เธอบอกตัวเองอยู่ในใจ
ตะเกียงอึ้งไปครู่หนึ่งหลังจากทดลองหัดกินผักรูปร่างแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน มีลักษณะเป็นช่อ ๆ เล็ก ๆ และทันทีที่เริ่มเคี้ยว รสขมแผ่ซ่านกระจายทั่วทั้งปาก เธออยากจะคายทิ้ง แต่สายตาเขาที่มองมาทำให้เธอพยายามกลั้นใจกลืนมัน และกลืนมันลงไปจนได้ในที่สุด แล้วรีบดื่มน้ำตามแก้ความขม
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านตรงกันข้าม
ผักนั่น เขาเรียกว่า สะเดาครับ มันออกจะขมอยู่นิดหน่อย แต่มีประโยชน์มากเลยนะครับ
ขมบ้าอะไรนิดหน่อย ขมปี๋เลยสิไม่ว่า
ระบิลหัวเราะเบา ๆ ในท่าทางปั้นปึ่งของหลานสาวเจ้าของบ้าน
ทีเงี้ย! ล่ะ หัวเราะได้นะ นายระบิล ทุกทีทำเป็นเก๊กขรึม เชอะ! ได้แต่แอบบ่นเขาอยู่ในใจ จ้องผู้จัดการไร่ด้วยสายตาเขม่นเข่นเขี้ยว
ระบิลจึงละสายตาจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม มองจานข้าวตัวเอง แล้วทานข้าวต่อไปอย่างเงียบเฉียบ
รวิวารไม่แตะผักสดอีกเลย เธอเลือกทานแต่ผักรวกกับน้ำพริกเท่านั้น
เมื่อม่านราตรีกำมะหยี่สีดำคลี่คลุมท้องฟ้า พระจันทร์เสี้ยวโผล่พ้นทิวไม้เหนือขุนเขาขึ้นมาส่องแสงนวลตา โคมไฟรูปตะเกียงถูกเปิดให้สว่างไสวตามทางเดิน เรือนไทยไม้สักจึงโดดเด่นท่ามกลางความมืด ดูเรียบง่าย แต่คลาสิค เสียงหริ่งเรไรร้องระงมบรรเลงเพลงราตรี
เสียงร้องกรี๊ด .ด ยาว .ว .ว ดังลั่นบ้านแหวกความสงบเงียบขึ้นมา
เป็นอะไรไปอีกล่ะ คุณหนู !!
ระบิลรีบรีบเดินออกจากห้องตัวเอง ค้นหาที่มาของเสียงหลานสาวเจ้าของบ้านตัวยุ่งที่ส่งเสียงกรีดร้องรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา ด้วยรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องคอยดูแลสุขทุกข์ของเธอ ชายหนุ่มก้าวเร็ว ๆ เดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่แล้วเลี้ยวเข้าสู่ห้องด้านหน้าของเรือนไม้สัก
ทันทีที่เลี้ยวเข้าสู่ห้องด้านหน้านั้นเอง รู้สึกมีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกดัง อึ้ก!! อย่างแรง เขาแทบจุก เซถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะล้ม แต่ยังประคองตัวไว้ได้ เสียงกรีดร้องนั้นดังอยู่ใกล้จนรู้สึกแสบแก้วหูเหลือเกิน
เมื่อมองสิ่งที่พุ่งเข้ามากระแทกชัด ๆ จึงเห็นเด็กสาวซบหน้าอยู่กับอกของเขา ชั่วอึดใจเดียว เด็กสาวจอมยุ่งรีบเงยหน้าขึ้นทันที
เด็กสาวทำหน้าแหย ๆ หลังจากหลับหูหลับตาวิ่งกระเจิดกระเจิงออกมาจากห้องพักทางด้านหน้า ซึ่งติดอยู่กับห้องคุณตาของเธอ
เกิดอะไรขึ้นครับ
เขาถามเด็กสาวตรงหน้าเมื่อยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว พลางขยับร่างของเธอถอยห่างออกไปจากตัวเขา
เอ่อ เด็กสาวอั้มอึ้ง เป็นคำถามที่ยากต่อการตอบ จะบอกเขายังไงดี ถ้าบอกไปเขาต้องหัวเราะเธอแน่ ๆ ว่าเธอตกใจกลัวอะไรช่างไร้สาระสิ้นดี
ว่าไงครับ เขาถามย้ำเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไป
ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ จบคำเขาหันหลังกลับ
ดะเดี๋ยว! สิ เธอรีบเรียกเขาให้หยุดก่อน
ชายหนุ่มหันกลับมา และมองเธอด้วยสายตาของคำถาม
จะ จิ้ง จก ค่ะ เธอตัดสินใจบอกออกไปอย่างตะกุกตะกัก
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงงสุด ๆ
อะไรนะ!
เขาอุทานเสียงดัง
คุณกลัวจิ้งจกเนี่ยนะ เขาไม่อยากจะเชื่อ
ให้ตายสิ!
เด็กสาวพยักหน้าหงึก ๆ อย่างจ๋อย ๆ
นายต้องช่วยจับมันออกไปจากห้องฉันนะ เธอสั่งเขาเสียงจริงจัง
สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้ร่างสูงตรงหน้าเธอแทบถลึงตาใส่
จิ้งจกมันไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมขอตัวนะครับ เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเธอ หันหลังกลับเดินจากไปทันที
อีกแล้ว!! ที่เขาเดินจากเธอไปอย่างไม่สนใจแบบนี้!!
นายระบิล!
เธอตะโกนเรียกเขาอย่างหัวเสีย เขาช่างไม่เคยทำอะไรตามใจเธอซักอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้ กับการที่จะต้องอยู่ห้องตามลำพังกับจิ้งจกสองต่อสอง หรืออาจจะเป็น สองต่อหนึ่ง หรือสามต่อหนึ่งก็ได้
รวิวารรี่เข้าไปคว้าแขนชายหนุ่มไว้ แล้วลากเขาไปยังห้องพักของเธอ
ฉันไม่ยอมนะ นายต้องไปจับมันออกให้ฉัน!! เธอทั้งลากเขาทั้งตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน
มือแข็งแรงของคนหนุ่มจับข้อมือของเด็กสาวไว้ แล้วพยายามดึงให้เธอหยุด แต่ไม่รู้เด็กสาวบอบบางอย่างเธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน มากมายมหาศาลขนาดนี้
โอเค ๆ ครับ เขามองอาการของเด็กสาว คงจะต้านทานเธอไม่ไหว
ผมจะไปจับให้ แต่ให้ผมเดินไปเองได้มั้ย
สายน้อยจึงหันกลับมา ข้อเสนอนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย แต่สองมือเล็ก ๆ ยังไม่ยอมปล่อยมือเขา
สัญญาก่อน
เอากับเธอสิ!
ครับ ๆ สัญญาครับ
เธอจึงยอมคืนมือให้ชายหนุ่ม
ทั้งคู่เดินไปจนถึงห้องของเธอ เขาเหลือบเห็นจิ้งจกตัวอ้วนสีเหลืองนวลเกาะอยู่ตรงมุมบนเพดานห้องด้านติดกับหน้าต่าง
ไหนละครับ เขาแกล้งถาม
นี่ไง มันอยู่นี่ เธอชี้ไปยังจิ้กจกที่เกาะอยู่บนหัวเตียงนอนของเธอ
ผู้จัดการไล่มองตามไป โชคดีที่เธอมองไม่เห็นตัวที่เกาะอยู่บนเพดานไม่งั้น ลำบากเขาแน่ ๆ ถ้าจะต้องไต่เพดานเพื่อจับจิ้กจกให้คุณเธอ ไม่อยากจะนึกภาพ เพราะจิ้กจกคงไม่หยุดให้เขาจับอย่างง่ายดายแน่ ๆ เขาเลยจับแต่ตัวที่เธอมองเห็นและทำไม่รู้ไม่เห็นกับเจ้าตัวที่แอบอยู่บนเพดาน
คุณรวิวารเข้ามาดูสิครับ จิ้งจกมันไม่น่ากลัวหรอก เขาบอกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เธอจะถอยกรูดไปอยู่อีกด้านของมุมห้อง รีบคว้าต้นแขนเธอไว้ แล้วดึงให้เธอเข้ามาดูจิ้กจกตัวน้อยแสนบ้องแบ๊วในมือ
ไม่เอานะ! เธอหันหน้าหนีไม่กล้าดู
ยี้ .!! ขยักแขยง!!
ดูสิครับ มันไม่ทำอะไรคุณหรอก
เด็กสาวยกมือปิดหน้าปิดตาไม่กล้าดู
ไม่งั้นผมจะให้มันเกาะบนตัวคุณนะ เขาขู่อีกต่างหาก
อย่านะ!! สาวน้อยหันกลับมากลัวว่าเขาจะทำจริง
คุณดูสิ จิ้กจกมันก็ตกใจกลัวคุณอยู่เหมือนกัน เขาค่อย ๆ อธิบายเมื่อเธอหันมามองจิ้กจกในมือเขา
จริง ๆ แล้วเธอยังดูน่ากลัวกว่าจิ้กจกเสียอีก ในความคิดของเขา
มองแววตาใสแจ๋วของมันสิครับ มันไม่เคยทำร้ายใครนะ มันกินอาหารก็แค่อิ่ม อร่อยไม่อร่อยมันก็กินทั้งนั้น แค่ปะทังชีวิตอยู่
หลานสาวเจ้าของบ้านจ้องหน้าผู้จัดการไร่เขม็ง ชักสงสัย พูดงี้หมายความว่าไง? จะเหน็บแนมใครมิทราบ!
ชายหนุ่มอธิบายต่อไม่สนใจสายตาวาว ๆ ของสาวน้อย
พวกมันไม่เคยกินล้างผลาญแบบคนเราหรอกครับ จิ้กจกที่นี่น่าแปลกนะ มันกินข้าวสุกด้วย
จริงเหรอ เธอเคยเห็นจิ้กจกกินแต่แมลง
จริงครับ ไว้คุณว่าง ๆ ลองเฝ้ามองมันดูนะครับ เขาปล่อยมือจากต้นแขนเธอ เมื่อเห็นเธอรับฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างสนใจ
หรือจะเอาตัวนี้ไว้ดูเล่นก็ได้นะ พลางยื่นมันมาข้างหน้าเธอ
สาวน้อยรีบวิ่งหนีไปติดผนังห้องอีกด้านหนึ่งอย่างตกใจ
โอเคครับ ไม่เอาก็ไม่เอา เสร็จธุระแล้ว ผมขอตัวนะครับ เขาเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเจ้าจิ้กจกในมือ
เด็กสาวทำปากยื่นใส่ประตู เดินไปล็อคประตูห้อง แล้วเดินกลับมาที่เตียง สายตาเหลือบเห็นจิ้กจกตัวอ้วนสีเหลืองนวลเกาะอยู่บนเพดานห้อง รีบเอามือปิดปากตัวเองเมื่อทำท่าจะส่งเสียงกรี๊ดออกมาอีกแล้ว และคราวนี้เขาคงไม่ยอมมาจับให้อีกแล้ว เธอต้องช่วยตัวเอง ด้วยการขึ้นเตียงนอนคลุมโปง
===============
ความมืดอำลาขอบฟ้าไปนานแล้ว มีเพียงแสงแดดจ้าที่สาดกระจายไปทั่วฟ้า ตะเกียงพลิกตัวหลบลำแสงกล้าของแดดยามสาย เอื้อมมือหยิบนาฬิกาหัวเตียง
สิบโมงเข้าแล้วหรือเนี่ย เสียงอู้อี้พึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะอ้าปากหาว แล้วยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง
เฮ้อ เมื่อคืนร้อนชิบเป๋งเล้ย! ทำไมคุณตาไม่ยอมติดแอร์นะ เธอบ่นถึงอากาศอบอ้าวเมื่อคืนนี้ และคิดถึงห้องแอร์แสนสบายที่บ้าน
เงยหน้ามองหาจิ้กจกบนเพดาน ไม่รู้มันหายไปไหนแล้ว เมื่อวานนี้กลับมาถึง เธอก็สลบสะไหล ไม่ยักกะรู้ว่าในห้องนี้มีจิ้กจกที่แสนน่ากลัวในสายตาเธออยู่ด้วย เพียงแค่เพราะเธอคิดถึงมันขึ้นมา ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยความกลัว แต่ถ้าไม่คิดถึง ก็ไม่กลัว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เราจะปัดความกลัวออกไปจากความคิดได้อย่างไร จะบังคับความคิดของตัวเราได้ไฉน มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ภาพตอนที่ผู้จัดการไร่ไล่จับจิ้กจกให้เธอปรากฏขึ้นในห้วงนึก ทำไมเขาถึงไม่กลัวจิ้กจกเหมือนเธอนะ เรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา แต่สำหรับเธอมันกลับเป็นเรื่องน่าสยดสยองอย่างนั้นแหละ เรื่องง่ายสำหรับเธอ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาก็ได้
หลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จ จึงเดินออกไปยังเรือนด้านหน้า บนโต๊ะอาหารมีอาหารเช้าวางอยู่ รวิวารเปิดฝาชีขึ้น
มีแต่ผัก อีกแล้ว ทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อมองเห็นอาหารเช้า อดคิดถึงไก่ย่าง หมูย่าง แฮมเบอร์เกอร์ ฮอทดอกที่บ้านไม่ได้ ไหนจะขนมนมเนย คุ้กกี้เอย ช็อคโกแลตเอย ลูกอม ท็อฟฟี่ มันฝรั่งทอดของโปรด ว่าแล้วก็ได้แต่คิดถึง ที่นี่ไม่มีอะไรซักอย่างนอกจากผัก ผัก และผัก
แต่ก็ดีกว่าผักรวกเมื่อวาน มองผัดผักที่อยู่ในจานพลางถอนหายใจเบา ๆ อย่างปลอบใจตัวเอง เธอพยายามเปลี่ยนมุมคิด มองอะไรในแง่บวกดูบ้าง และเพิ่งคิดออกแค่ข้อเดียว แล้วนั่งลงจัดการกับอาหารเช้า ตะเกียงทานได้น้อยกว่าปกติ เพราะไม่คุ้นเคยต่อรสชาดอาหารแบบนี้เลย
เจ้าจิ้งจกตัวน้อยโผล่หัวขึ้นมาจากขอบโต๊ะอาหาร เธอแทบสำลักข้าวทันทีเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญตัวน้อย
มองแววตาใสแจ๋วของมันสิครับ เสียงของระบิลดังขึ้นมาในโสตประสาท
เด็กสาวตบโต๊ะ เจ้าจิ้กจกน้อยก็วิ่งอ้าวหนีลงไปใต้โต๊ะอีกด้านหนึ่งทันที แต่อีกสักพักหนึ่งมันก็โผล่หัวขึ้นมาใหม่ เธอมองมันอย่างตั้งใจ มองเห็นแววตาใส ๆ คู่นั้นของมัน แววตาที่ไม่มีมารยา แววตาที่ไม่เสแสร้งแกล้งทำ เจ้าตัวน้อยเดินมางับเศษข้าวสวยที่หล่นอยู่บนโต๊ะ เด็กสาวนั่งมองมันอย่างสนใจ ดู ๆ ไปมันก็บ้องแบ๊วดีเหมือนกันนะ
ถ้ามันพูดได้ มันอาจจะพูดว่า ขออยู่บนโลกนี้อีกตัวหนึ่งได้ไหม
รวิวารนั่งเงียบอยู่ริมระเบียงนอกชาน มองบ้านที่ดูเงียบเหงา ไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงใบไหม้ไหวยามลมพัดกับเสียงนกเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊ก จนรู้สึกอิจฉาเจ้านกที่มีเพื่อน แต่เธอไม่มีใครเลยตอนนี้
เฮ้อ ไปไหนของเขานะ! เธอยังไม่เห็นผู้จัดการหนุ่มแต่ตื่นมาเลย
เฮ้อ เบื่อจัง เซ็งชะมัด ไม่รู้จะทำอะไรดี เฮ้อ เธอถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก
สักพักใหญ่มองเห็นรถเก๋งสีขาวคันยาวแล่นเข้ามาจอด
อ๋อ เขาไปเอารถนี่เอง ตะเกียงรู้สึกใจชื้นขึ้นที่มองเห็นเขากลับมาถึง
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ เดินกลับมาที่เรือนมองเห็นตะเกียงยืนมองเขาอยู่ ระบิลเดินผ่านเธอไปเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
นี่! จะไปไหนน่ะ เธอเดินตามไป
ผมว่า จะทำความสะอาดบ้านสักหน่อย มันสกปรกเหลือเกิน เขาหันกลับมาบอก
งั้นฉันช่วยนะ
ระบิลเลิกคิ้ว แต่ไม่ทันพูดอะไร ตะเกียงรีบชิงพูดขึ้นก่อน ฉันทำเป็นน่า นายไม่ต้องห่วง
เขาจึงเดินไปหยิบไม้กวาดมาให้ แล้วเริ่มลงมือจัดการกับขี้ฝุ่นทันที
เฮอะ! หมั่นไส้! ทำไมต้องให้ฉันพูดกับนายก่อนด้วยนะ จะถามไถ่ซักคำน่ะ ไม่มีเลย เธอบ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียว แม้งานบ้านจะไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบทำ แต่ไม่อาจอยู่เฉยปล่อยให้เขาทำอยู่ลำพังได้
รวิวารนั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ระเบียง ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ปลายจมูก
บ้านคุณตาใหญ่จัง.. เฮ้อ..เหนื่อยจะตาย
เธอนั่งพักหลังจากทำความสะอาดเสร็จ แต่สักครู่เมื่อมองเห็นระบิลเดินเข้ามา จึงรีบซ่อนความเหน็ดเหนื่อยไว้ภายใน
เหนื่อยมั้ย..ทานน้ำครับ ระบิลยื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าเด็กสาว ตะเกียงรับมาถือไว้
แค่นี้น่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก สบายมาก เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นั่งลำตัวตรง
ชายหนุ่มยิ้มเล็ก ๆ หิวหรือยัง ไปทานข้าวกันเถอะครับ
ตะเกียงพยักหน้า มองนาฬิกานี่มันบ่ายกว่าเข้าไปแล้ว เธอรู้สึกหิวเหมือนกัน แต่พอนึกถึงกับข้าวแล้ว ก็อดที่จะลอบถอนหายใจไม่ได้
เด็กสาวสลัดมือหลังจากช่วยระบิลล้างจานเสร็จ เช็ดมือกับชายเสื้อ แล้วเดินออกไปนั่งที่ระเบียงนอกชาน เธอรู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมา
แม่จะรู้มั้ย ว่าตะเกียงลำบาก สายตาจับอยู่ที่ต้นไม้ข้างหน้าอย่างเหงา ๆ
แม่อาจจะรู้ เพราะแม่อยากให้ตะเกียงมาฝึก เธอถอนหายใจออกยาว ๆ
เฮ้อ เมื่อไหร่คุณตาจะตรวจสุขภาพเสร็จนะ ตะเกียงท้าวคางกับมือที่เกาะกับขอบระเบียง
ถ้าระบิลทำตัวเป็นมิตรเป็นเพื่อนกับฉันบ้างคงดีกว่านี้ ชอบวางฟอร์มทำเป็นเฉย หมั่นไส้! ตะเกียงยกมือเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นไป
คนที่ถูกเธอหมั่นไส้ก้าวมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ เด็กสาว เขามองเธออย่างสงสาร คิดถึงความรู้สึกของหลานเจ้าของบ้าน ตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากเขาตอนที่เข้ามาอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้ในช่วงแรก ๆ ตอนนั้นเขาไม่รู้จักใครเลย มีเพียงลุงสีซึ่งเป็นคนเดียวที่เขารู้จัก แต่เขาก็ไม่สนิทกับแกมากนัก
คุณรวิวารครับ
ผู้ถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะหันหน้ามามองเขา
เดี๋ยวผมจะเข้าไปในไร่หน่อย เย็น ๆ ถึงจะกลับนะครับ จบประโยคนั้น เขาเดินตรงไปยังบันได ที่จริงเขาเองอยากพูด อยากคุย อยากทำตัวเป็นกันเองกับเธออยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ทำได้เพียงเท่านี้
นี่! เดี๋ยวก่อน รอฉันด้วยระบิล ตะเกียงรีบวิ่งตามลงบันไดไป
ชายหนุ่มหันกลับมาตามเสียงเรียก มองเห็นเด็กสาววิ่งหน้าตั้งตรงมา
ฉันไปด้วย
เธอตั้งใจจะหยุดเมื่อถึงตัวเขา แต่ทว่า พื้นไม้สักที่ขัดมันอย่างดีนั้นลื่น เธอถึงถลาชนกับเขาอย่างจัง จนเขาเซแทบจะหงายหลังตกบันไดไป มือข้างหนึ่งคว้าราวบันไดไว้ได้ทัน มืออีกข้างต้องประคองร่างแม่สาวน้อยจอมซุ่มซ่ามเอาไว้
เง้ย!
เด็กสาวยิ้มแหะ แหะ
ขอโทษนะ ฉัน ไม่ได้ตั้งใจ พูดพลางขยับตัวถอยออกมา
หมดกัน! เขาต้องไม่อยากให้เธอไปด้วยแน่ ๆ
ชายหนุ่มยืดตัวตรง แล้วก้าวขึ้นบันไดมา
ผมว่า คุณน่าจะพักผ่อนสักวันนะครับ เมื่อวานคุณเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน เห็นว่า เท้ายังระบมอยู่นี่ครับ
ไม่นะ ฉันไม่เหนื่อยหรอก เธอรีบปฏิเสธทันควัน ฉันหายแล้วล่ะ อย่าให้ฉันอยู่คนเดียวเลยนะ น่าเบื่อจะตาย ไม่รู้จะทำอะไรดี รับรองว่า ฉันไม่ทำตัวเป็นภาระนายหรอก พลางเขย่าแขนชายหนุ่มเบา ๆ
ระบิลมองหน้าเธอนิดหนึ่ง ก่อนที่จะขยับแขนออก แล้วหันหลังกลับเดินลงบันไดไป ไม่มีเสียงตอบรับจากเขาสักคำว่าจะให้เธอไปด้วยหรือไม่
ตะเกียงเดินตามเขาไปโดยไม่รอคำตอบ และไม่สนใจคำตอบของเขาด้วย ยังไงก็ต้องไปให้ได้
ชายหนุ่มเงยหน้ามองแดดกล้ายามบ่าย เขาหันมามองคนที่เดินตามมา แล้วถอดหมวกสานที่สวมอยู่ส่งให้
เด็กสาวยิ้มแล้วรับหมวกมาสวมไว้
ขอบใจระบิล ฉันรับรองว่า จะไม่ทำตัวเป็นภาระนายแน่นอน
==============