== วันนี้ท้องฟ้าของเธอสีอะไร==
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

ทัวร์นรก...ไปด้วยกันป่ะ



หากถามว่า...Beppu...เมืองเล็กๆ ใน Kyushu...มีอะไรดี คำตอบนึงคือ...ได้เห็น “นรกบนดิน”.....อะฮ้า ว่าไปนั่น



ฟังดูน่ากลัวไปอย่างงั้น จริงๆ แล้วก็คือน้ำพุร้อนนั่นเอง......................วันนี้มีโอกาสได้ร่วมขบวนไปกับทัวร์นรกย่าน Kannawa แหล่งน้ำพุร้อนกลางเมืองเปบปุ





ทริปนี้เป็น walking tour หรือทัวร์แบบเดินเท้า กินเวลาประมาณสามชั่วโมงเห็นจะได้ ทัวร์นี้มีมานานกว่าเจ็ดปีแล้วโดยบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น............. เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระในย่านนี้กับมหา’ลัย



ไกด์ในทริปนี้มีห้าคนเป็นน้องคนไทยล้วนๆ เพราะเค้าตั้งใจจัดทัวร์ครั้งนี้ขึ้นเป็นภาษาไทย....แต่น่าสงสารเด็กพวกนี้ที่กลับต้องมาเจอกับลูกทัวร์ทั้งไทย อินโด ญี่ปุ่น เกาหลี แคนนาดา พม่า ศรีลังกา งานนี้ก็เลยกลายเป็นทัวร์สามภาษา ไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ แทน ฮ่าๆๆๆ..........อินเตอร์ซ้า





ตามธรรมเนียมญี่ปุ่น...คนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ต้องใส่เสื้อคลุมประจำตำแหน่ง เด็กพวกนี้จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ (มันดูไม่ค่อยเข้ากะชุดไทยเท่าไหร่..ว่าป่ะ) ก็เลยต้องส่งตัวแทน...ใส่ซะคนนึง จริงๆ แล้วคนที่บรรยายในแต่ละสถานที่ที่เราแวะเข้าไปชมจะต้องใส่เสื้อคลุมตัวนี้ แต่น้องเค้ามีกันตั้งห้าคน ถ้าต้องเวียนกันใส่คงเวียนหัวน่าดู.....คุณญี่ปุ่นเลยอนุโลมให้...อะโน่






จุดแรกที่เค้าพาไปชมก็คือ “Otani Park” เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ที่ดูผิวเผินแสนจะธรรมดา แต่เรื่องราวกลับช่วยเพิ่มคุณค่าของสถานที่ได้... มีเรื่องเล่าว่าสวนนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับนักบวช "Otani" ผู้เผยแพร่ศาสนาพุทธในญี่ปุ่นที่ตัดสินใจใช้ชีวิตบั่นปลายอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อเดินทางมาที่นี่แล้วเกิดชอบน้ำพุร้อนซึ่งบรรเทาอาการปวดข้อยามแก่เฒ่าได้ดี เมื่อท่านมาอยู่ที่นี่ผู้คนก็เสื่อมใสศรัทธา จนมีเศรษฐีเจ้าของร้านอาหารในแถบนี้บริจาคที่ดินให้เป็นอนุสรณ์สถานให้กับท่าน



จากนั้นไกด์ก็พาเราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง “Oniyama Hotel” ........... ลูกทัวร์แต่ละคนทำหน้างงๆ...ทำไมพาตูเข้าโรงแรมหว่า...แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อจังงังกับภาพวาดขนาดบิกบึ้มบนผนังล๊อบบี้ ชื่อภาพแปลเป็นไทยว่า “ภูเขาเพียกหาาาาา” ....นี่เป็นไงล่ะ ....





คุณไกด์ก็ถามพวกเราว่าคิดว่าภาพนี้มีขนาดเท่ากับโปสการด์กี่ใบ...เอ้า..เดากันใหญ่ แต่ไม่มีใครตอบถูก....เฉลย.. 1,300 ใบ ....แล้วเดาซิว่าราคาเท่าไหร่....ทายไม่ถูกอีกตามเคย.........ปาเข้าไป 100 ล้านเยนคร๊าบบบพี่น้อง...เฮ่อๆๆ ก็ฝีมือจิตรกรชื่อดังของเค้านี่นา....งานของจิตรกรคนนี่มีอัตลักษณ์ตรงที่ทุกรูปที่วาดจะต้องมีหญิงงาม..สำหรับภาพนี้สื่อถึงทิวทัศน์ในเมืองเปบปุที่มีภูเขา ทะเล และน้ำพุร้อน ...ภูเขาที่เห็นเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมอยู่ตรงกลางภาพนั่นคือภูเขา Oniyama ซึ่งเป็นจุดเด่นของเมืองและทุกปีจะมีเทศกาลเผาหญ้าบนเขานี้ตอนกลางคืน...สวยมากกกกก ส่วนที่เป็นแถบขยุกขยุยขาวๆ นั่นก็คือ ควันของน้ำพุร้อนที่โพยพุ่งอยู่ทั่วเมืองนั่นเอง






จากนั้นเราก็ไปกันที่ศูนย์วิจัยเกษตร ซึ่งต้นไม้ที่ปลูกในเรือนเพราะชำนี้จะเป็นพืชเมืองร้อนที่ส่วนใหญ่แล้วก็เหมือนๆ กับแถวบ้านเรา (เพราะย่านนี้อุณหภูมิค่อนข้างร้อนอยู่ซักหน่อย เพราะมีน้ำแร่ร้อนๆ อยู่ใต้ดิน) แต่ก็พอมีไม้แปลกๆ ให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ซากุระดอกสีเขียว ซึ่งในสมัยก่อนมีปลูกเฉพาะในวังเท่านั้น แม้ในสมัยนี้ก็ถือว่าหาดูยาก...เสียดายที่มาช่วงนี้ก็เลยไม่เห็นดอก





แล้วยังมีต้นวานิลลา ซึ่งเมล็ดของมันใช้ใส่ในอาหาร หรือให้สารสกัดกลิ่นวานิลลา





ละก็มีต้นเทียนไข ซึ่งผลของมันสามารถจุดติดไฟได้.......เออ..ก็แปลกดี เห็นทีแรกนึกว่าต้นปี้บซะอีก





จุดต่อมาที่คุณไกด์พาไปชมก็คือโรงแรม Kannawae เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั่งเดิม ไม่แบ่งเป็นห้อง แต่ให้เช่าเป็นหลัง คล้ายเป็นรีสอร์ทอ่ะ เนื้อที่ของโรงแรมก็กินพื้นที่ภูเขาเกือบครึ่งค่อนลูก...รวยหลาย.....น้องๆ เค้าบอก ราคาสุดประทับใจเลยพี่......อ่าาา ถูกเหรอน้อง ..ปล่าวพี่คืนนึงก็ 30,000 เยนอ่ะ .....แหมมมม ประทับจายยเจงๆ






โรงแรมนี้มีดีที่นรก......ก้อเค้ามี “Sea Hell” น้ำในบ่อเป็นสีฟ้าาาา สวยมากกกกก...........ทำไมถึงสีฟ้า ก็เพราะในน้ำมีแร่ซิลิกาปนอยู่นั่นเอง เมื่อน้ำพุร้อนพุ่งออกมาพบกับอากาศที่เย็น...จะทำให้น้ำที่ใส กลายเป็นสีฟ้า พอผ่านไปสองสามวันน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ทางโรงแรมก็จะถ่ายน้ำเก่าออก แล้วแทนที่ด้วยน้ำใหม่ วนอยู่อย่างนี้




จริงๆ แล้วย่านนี้ยังมีบ่อนรกสีอื่นอีก เช่น สีแดง สีขาว แต่ทริปนี้ได้ไปแค่บ่อเดียว...เรียกว่าทัวร์นรกขุมเดียวละกันเนาะ..อิอิ .................ถ้าให้เต็มรูปแบบแล้ว เค้าจะเรียกว่า "Jigoku Meguri" หรือ "Hell Tour" ซึ่งมีทั้งหมดแปดบ่อ




นอกจากนั้นก็มีสวนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเค้าว่ากันว่าดูโรแมนติกมั่กๆ ..อ้อแล้วก็มีปลาคราฟด้วยตัวหญ่ายยยเชียว................ดูปลามันว่ายแล้วอิจฉาท่าทางจะอุ่นดี เสียดายน้ำขุ่นไปหน่อย บางคนบอกว่าอาจเป็นเพราะแผ่นดินไหวติดต่อกันหลายวัน





บริเวณตีนเขา ใกล้ๆ กับโรงแรมเมื่อตะกี้ เราก็จะเห็นรูปปั้นของตัวประหลาดอะไรซักอย่าง..... ดูเอาละกัน





คุณไกด์บอกว่ามันสื่อถึงตำนานของชื่อหมู่บ้าน “Kannawa” ...........มีตำนานเล่าขานกันมาว่าเดิมทีหมู่บ้านนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากทุกปี แต่อยู่มาวันนึงก็มีอสูรร้ายมาขโมยผลผลิตจากชาวบ้าน ชาวบ้านขอร้องให้อสูรออกไปจากหมู่บ้านซะ........ อสูรก็เลยตั้งเงื่อนไขว่าถ้ามีใครเก่งกาจสามารถดึงกระบองที่มันปักดินไว้ขึ้นมาได้ ก็จะยอมออกไปจากหมู่บ้าน........วันนึงก็มีนักรบผู้กล้าสามารถดึงขึ้นมาได้ (แหมหยั่งก่ะหนังกำลังภายใน) หมู่บ้านกลับสงบสุขเช่นเดิม...และรูที่พื้นซึ่งเกิดจากการดึงกระบองขึ้นนั้นก็เกิดมีน้ำพุร้อนพุ่งออกมา เป็นที่มาของบ่อน้ำพุร้อนที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน.......................อ่านะ ก็ว่ากันปายยยยย



เดินกันมาได้พักใหญ่ ท้องเริ่มร้อง พวกเราก็เลยแวะดื่มน้ำชาเขียวเย็นๆ หอมชื่นใจ กับของว่าง....ของว่างที่ว่าก็แสนจะธรรมดา....และคาดไม่ถึง (เพราะโค-ตะ-ระ ธรรมดาในสายตาเรา) นั่นคือ มันนึ่ง กะ ไข่ต้ม.....แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ เตาที่ใช้ตะหาก.......ดูเอาละกัน





เตาแรกที่เห็นในรูปสร้างจากหิน มีท่อให้น้ำแร่ร้อนๆ ไหลผ่าน และสามารถปรับระดับความแรงของไอน้ำได้ ก็คือปรับอุณหภูมิได้นั่นเอง ส่วนกระดานดำที่ข้างฝาจะเขียนบอกเวลาที่เหมาะสมในการทำอาหารแต่ละชนิดด้วยเตานี้.................






ส่วนเตาที่เห็นถัดไปก่อด้วยซีเมนต์แสนธรรมดา แต่ประโยชน์ใช้สอยไม่ต่างกัน ..เตานี้เป็นของร้านขายมันนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในย่านนี้ ร้านเป็นเพิงไม้ธรรมด๊า ธรรมดา แต่ดูเอาเหอะลุงๆ ป้าๆ มาอุดหนุนกันตรึม......ได้ชิมมันของเค้าแล้วหวานมั่กมั่ก แล้วร้านนี้แอบมีเอกลักษณ์....ใช้กระบอกไม้ไผ่ผ่าซีกแทนจาน..อ๊ะเอากะเค้าดิ



หลังจากมีอะไรตกถึงท้องบ้างแล้ว ก็มีแรงเดินกันต่อ.......จุดหมายสุดท้ายคือวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน ระหว่างทางก็จะเห็นแปลงเกษตรผสมผสานอยู่บ้าง.....อย่างที่รู้ๆ ญี่ปุ่นมีพื้นที่น้อย..ก็ต้องใช้ให้คุ้ม ถ้าเดินไปตามถนนก็มักจะเห็นแปลงผักบ้าง สวนผลไม้เล็กๆ บ้างแบบนี้



แล้วก็มาถึงจุดหมายสุดท้าย....วัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน........ซึ่งมีประวัติยาวนานมากว่าร้อยปี




พระประธาน


ศิลปะบนฝ้าเพดาน

มีการบอกเล่าประวัติของหมู่บ้านด้วยภาพวาดได้อย่างน่าสนใจทีเดียว.............ไม่ต้องยืนอ่านจากป้ายอย่างไร้ชีวิตชีวา




จะว่าไป Kannawa เป็นเพียงหนึ่งในแปดแหล่งน้ำพุร้อนของเมืองนี้ และทิวทัศน์อาจงามสู้ย่านที่โอบล้อมด้วยขุนเขาอย่าง Myouban หรือที่อื่นๆ ไม่ได้.............แน่นอน Kannawa ย่อมต้องหาอัตลักษณ์ของตัวเอง.....ผ่านเรื่องเล่า ตำนาน และวิถีชีวิต





 

Create Date : 08 มกราคม 2552
4 comments
Last Update : 8 มกราคม 2552 17:41:36 น.
Counter : 1424 Pageviews.

 

แจ่มเลย

ไปนรกต้องพกไข่ บะหมี่ มัน เผือก ไปมากๆ เผื่อหิว

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ

 

โดย: บ้าได้ถ้วย 8 มกราคม 2552 18:54:16 น.  

 

ขอบคุณนะคะ ที่มาเยี่ยมกัน คุณเขียนบรรยายกับถ่ายภาพเสมือนได้ไปเที่ยวชมด้วยกันเลยนะคะ ชื่นชมค่ะ... ไว้จะแอบแวะมาอ่านเรื่อยๆ นะคะ

 

โดย: PoH13 8 มกราคม 2552 19:51:36 น.  

 

 

โดย: โสมรัศมี 9 มกราคม 2552 9:44:12 น.  

 

โอ้โห ใส่ชุดไทยนำเที่ยวกันเลยเหรอค่ะนี่ เก๋ไก๋มากค่ะ
แต่ชื่อทัวร์ฟังดูน่ากลัวไปนิดนึงนะคะ

เห็นรูปถ่ายแล้ว อยากไปเที่ยวมั่งจัง
ว่าแต่ว่าได้ลงไปแช่บ่อน้ำร้อนบ้างหรือเปล่าคะ ^^

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันที่บล็อกนะคะ

 

โดย: discipula 9 มกราคม 2552 19:33:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลาซิวอยากอยู่น้ำลึก
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hello! all...Take a seat...How are you today?...^^
.
Friends' blogs
[Add ปลาซิวอยากอยู่น้ำลึก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.