ทริปวัดใจ - เขาช้างเผือก
ห่างหายจากการออกทริปไปเดือนกว่า ๆ ทำเอาชีวิตเฉาลงเลย แค่เพื่อนเอ๋ยชวนไปออกทริปรีบตกลงในทัน เพราะเป็นสถานที่ ที่อยากจะไปมาสองปีแล้ว มีเหตุทำให้ไม่ได้ไปสักที ครั้งนี้ไม่อยากพลาด แต่ก็มีเหตุเกือบให้พลาดอีกเช่นเคยเมื่อมีงานด่วนเข้ามา ต้องทำงานเช้ายันสว่างสองวันสองคืนไม่ได้หลับได้นอน ทำให้เริ่มหนักใจว่าการไปทริปครั้งนี้จะไหวไหม จะไปเป็นภาระให้เพื่อนร่วมทาง หรือเปล่า แต่เป็นสถานที่ที่อยากไปมาก ๆ สถานที่หนึ่งจึงไม่อยากพลาดโอกาสอีก เลยตัดสินใจไปร่วมทริปนี้ เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ 4 ทุ่มครึ่ง ไปถึงหมู่บ้านอีต๋อง ตี 5 กว่า เตรียมตัวล้างหน้าล้างตา ทานอาหารเช้าจัดเตรียมสัมภาระต่าง ๆ กันที่นี่ หลังจากเตรียมพร้อมจะเดินทาง การเดินทางต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางหลังจากเจ้าหน้าที่พร้อม นักเดินทางพร้อม ก็เริ่มออกเดินทาง กลุ่่มของเรา เริ่มออกเดินทางจากบ้านอีต๋องประมาณ 8.20 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ก็มาถึงป้อมซึ่งเป็นด่านแรกของการเดินทาง ขึ้นเขาช้างเผือก ลูกหาบแบกของที่เป็นของส่วนกลาง ของใช้ส่วนตัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเราต้องแบกไปเอง สิ่งของที่จะแบกขึ้นไปต้องจำเป็นเท่านั้นเพราะ เราต้องเดินปีนเขาระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรกว่า ๆ สิ่งที่สำคัญที่ต้องแบกไปนั่นคือน้ำ น้ำดื่มต้องติดตัวไปอย่างน้อย 2-3 ขวด เพราะต้องใช้จนถึงวันเดินทางกลับเนื่องจากข้างบนไม่มีน้ำ เส้นทางที่ต้องเดินช่วงครึ่งทางแรกเป็นทางเรียบมีทางเดินแคบ ๆ ที่ไม่สามารถเดินเรียงสองได้อย่างในภาพ แล้วมีเดินขึ้นเนินบ้างเป็นช่วง ๆ แต่ไม่สูงเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่เป็นปัญหากับการเดินทางในช่วงครึ่งทางแรกคือข้างทางเต็มไปด้วยหญ้าคา และหญ้าอะไรไม่ทราบคล้ายใบไผ่ ซึ่งมีความคมพอสมควร จึงต้องใส่เสื้อแขนยาว ใส่ถุงมือไว้ เดินมาถึงจุดนี้ เท่ากับว่าเราเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว เส้นทางต่อจากนี้จะเป็นทางเดินขึ้นเขาสูงและชัน ผ่านจากจุดพักต้นซ่าน เราก็เริ่มเดินทางกันต่อ เส้นทางที่ต้องเดินต่อไป เป็นภูเขาหญ้า มีหญ้าสุงท่วมหัวเป็นบางช่วง แต่ที่แน่ ๆ เดินขึ้นเขาสุง อย่างนี้ตลอดทางจนถึงที่พักกางเต้นท์ อากาศค่อนข้างร้อน ต้นหญ้าที่สูงท่วมหัว แถมยังต้องเดินปืนเขาอีกเล่นเอาเหนื่อยหายใจไม่ค่อยจะทัน เสียงลมหายใจดังเชียวละ เห็นป้ายนี้ใจชื้นขึ้นมา อีกนิดเดียวก็จะถึงที่พักแล้ว เห็นจุดกางเต้นท์ที่จะเป็นที่พักของเราอยู่ไกล ๆ จากใจที่ชื้นขึ้นมาเห็นระยะทางเหลือแค่ 500 เมตร แต่พอเห็นแบบนี้ยังต้องข้ามเขาอีกตั้ง 2 ลูก พักเหนื่อยไปด้วยเก็บภาพบรรยากาศ บริเวณนี้ก่อน พักพอให้หายเหนื่อยก็เริ่มเดินทางกันต่อ ถึงทางลงเขาลูกสุดท้าย ทางค่อนข้างชัน เพราะทางค่อนข้างชัน เจ้าหน้าที่เลยทำเชือกไว้จะได้ง่ายต่อการปืนขึ้นปืนลง ยืนอยุ่บนยอดเขาลูกสุดท้ายก่อนถึงที่พักกางเต้นท์ อีกอึดใจก็จะถึงที่พักของเราแล้ว และแล้วเราก็มาถึงที่พัก ลูกหาบช่วยกางเต้นท์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กลุ่มของเราไปกันทั้งหมด 8 คน แต่เวลาเดินกลับมีเพียงแค่ 4 คนที่มาถึงก่อน คนอื่น ๆ ยังไม่มีใครเดินทางมาถึง ถึงที่พักเวลาประมาณ 11.40 สรุปแล้วใช้เวลาในการเดินทางไปประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ นั่งพักให้หายเหนื่อย เลยจัดการกับอาหารมื้อเที่ยง ที่แบกกันขั้นมาด้วย ข้าวหมูทอดกระเทียมไข่ดาว ยอดเขาข้างหน้าคือเป้าหมายของเราในครั้งนี้ เห็นเป็นรูปหัวช้างกันไหม คนอื่น ๆ เริ่มทยอยลงมากันเป็นช่วง ๆ ชะเง้อคอยาวรอเพื่อนอีก 4 คนที่เหลือมาไม่ถึงสักที เลยงีบไปพักหนึ่งก่อน ตื่นมาบ่ายโมงกว่า ๆ เพื่อนที่เหลือยังมาไม่ถึงเลย สรุปแล้วกลุ่มสุดท้ายที่เดินทางมาถึงที่พักกลุ่มสุดท้ายคือเพื่อน ๆ เราเอง ถึงจุดกางเต้นท์เอาบ่าย 2 ใช้เวลาเดิน ทาง 5 ชั่วโมงกว่า ๆ แดดร่มลมตก เวลาประมาณบ่าย 3 หลังจากเพื่อน ๆ พักกันพอให้หายเหนื่อย ได้เวลาออกไปพิชิตยอดเขาช้างเผือกกันแล้ว ช่วงสันคมมีด ช่วงวัดใจ เพราะทางที่แคบมาก ๆ ประมาณหนึ่งฟุต ซ้ายก็เหวขวาก็เหว ด้วยความสูง และเสี่ยง มีเจ้าหน้าที่คอยระมัดระวัง คอยบอกให้มองแต่ทางไว้ อย่ามองไปลงไปด้านล่าง ใครที่เป็นโรคกลัวความสูง เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นไปบนยอดเขา ผ่านสันคมมีดมาได้ก็จะเป็นทุ่งหญ้า ทางเดินบนสันเขาแคบเหมือนเช่นเคย แต่ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นัก เพราะสันเขากว้างกว่าช่วง ที่เป็นสันคมมีด เห็นธงอยู่บนยอดเขาลิบ ๆ นั่นคือจุดหมายที่เราจะต้องเดินไปให้ถึง เขาลูกหน้าก่อนถึงเส้นชัย ดูเหมือนเดินง่าย ๆ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด สันคมมีดว่าเสียวแล้วยังเสียวไม่เท่าจุดนี้ ความลาดชันที่แทบจะตั้งฉาก ทำให้การทรงตัวไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด นอกจากจะชันแล้วยังลื่นอีก เลยต้องเรียกว่าคลาน เพื่อจะผ่านเส้นทางตรงจุดนี้ขึ้นไป ในที่สุดก็ถึงจุดหมายจนได้ ถึงที่หมาย แต่เพื่อนยังอยู่ยอดเขาอีกลูก เลยได้แต่ยืนให้กำลังให้เพื่อนเดินมาให้ถึง ทิวทัศน์บนยอดเขาช้างเผือก เขาอีกลูกที่ยังไม่ได้มีการเปิดเส้นทาง ขาลงมองเห็นที่พักอยู่ไกล ๆ ตอนแรกตั้งใจกันว่าจะอยู่บนยอดเขาจนอาทิตย์ตก แต่ไม่มีไฟฉายที่สามารถสวมหัวได้ เกรงว่าจะลงกันลำบาก เพราะขนาดขาขึ้นยัง ลำบากขนาดนั้น หากต้องลงเขาซึ่งยากกว่าตอนขาขึ้นจะลำบากขนาดไหน เลยไม่กล้าอยู่ต่อ บรรยากาศยามเย็น บนยอดเขา อากาศดีมาก ๆ ไม่เหนื่อยเท่าตอนขาขึ้น เลยได้พอมีกะจิตกะใจหยิบกล้องถ่ายรูปมากดชัตเตอร์บ้าง ทยอยกันลงจากเขา ขึ้นไปก่อนลงทีหลังเค้า แต่ก็เดินมาทันคนกลุ่มแรก ๆ ที่ลงมา จราจรเลยติดขัด ต้นหญ้าต้องแสงยามเย็นเป็นสีทอง เตรียมก้าวขาลงจากเขาช่วงสันคมมีด ระหว่างเดินทางกลับเต้นท์ที่พัก ทันเจออาทิตย์ตกหลังยอดเขาระหว่างทาง ตอนเช้าเตรียมตัวเดินทางกลับ 7 โมงกว่า ๆ ได้เวลาเดินทางกลับจะได้ไม่ร้อน พอขึ้นมาบนยอดเขา สายหมอกเริ่มไหลมา เหมือนเช่นเคยอยู่ยอดเขาอีกลูกหนึ่งแล้ว ถ่ายภาพย้อนหลังมาเพื่อน ๆ ยังเดินห่างกับเราเขาอีกหนึ่งลูก มีหมอกไหลมาให้เห็นเป็นช่วง ๆ ที่เดินทางกลับ เขาอีกฝั่งหมอกกำลังลง อีกฝั่งแสงอาทิตย์เริ่มส่องมาถึง การเดินทางตอนเช้าลำบากเล็กน้อยเนื่องจากหญ้าโดนน้ำค้างทำให้ลื่น เพื่อน ๆ ลื่นกันไปหลายคนเพราะทางที่เดินต้องลงเขา บวกกับความลื่นของพื้น ทำให้ลื่นล้มกันไป เราเดินไปข้างหน้าหมอกจะเริ่มไล่หลังมา เป็นบรรยากาศดี ๆ อีกแบบ ยังพอให้เห็นรายละเอียดบ้าง ก่อนที่หมอกจะท่วมจนมองไม่เห็น เป็นสีขาวโพลนไปทั่ว สายหมอกกำลังไหลมาอยู่เรื่อย ๆ สำหรับคนที่สนใจอยากเดินทางไปที่นี่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะความยากในการเดินเขาช้างเผือกอยู่ระดับ 3 เส้นทางแคบ สูง ชัน และลื่น ในบางช่วง อ้อ ลืมบอกไปว่าเรื่องห้องน้ำสำหรับที่นี่ มีห้องน้ำก็เหมือนไม่มี มีส้วมซึมแต่ไม่มีน้ำให้ใช้ ทางที่ดีไม่เข้าจะดีกว่า รูปค่อนข้างเยอะแล้วสำหรับทริปนี้ ขอลา blog นี้ไปด้วยรูปนี้ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมและทักทายกัน
Create Date : 23 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 25 ตุลาคม 2555 8:00:27 น. |
|
11 comments
|
Counter : 5490 Pageviews. |
|
|
พี่คงไม่มีปัญญาวัดใจอะไรแบบนี้ ใจนำทางเลยนะคะเนี่ย