ธันวาคม 2553

 
 
 
1
2
4
7
10
11
12
14
15
17
20
21
22
23
25
26
27
29
30
31
 
 
8 ธันวาคม 2553
All Blog
ชั่งหัวมัน
ผมมีโอกาสไปจุดเทียนชัยถวายพระพรและได้ไปดูพลูดอกไม้ไฟมา รู้สึกว่าเป็นวันดีๆอีกวันของปี แท้จริงแล้ว ความทรงจำดีๆของคนไทยกับในหลวงที่มีนั้นมากมาย พอถึงวันเฉลิมพระชนพรรษาวันนี้จึงเป็นวันพิเศษ



มีโครงการพระราชดำริหนึ่งที่พระองค์ทรงคิดและทำขึ้นเพื่อคนไทย ผมเองมีโอกาสได้ดูรายการสารคดีรายการหนึ่งที่ไปถ่ายทำ โครงการชั่งหัวมัน ที่อำเภอท่ายางจังหวัด เพชรบุรี ผมประทับใจในแนวความคิดของพระองค์ท่านที่ทรงให้รวบรวมองค์ความรู้ด้านการเกษตร การเพาะปลูกพืชต่างๆจากเกษตรกรด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านมารวบรวมไว้ โดยใช้ความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นเกษตรกร สละเวลามาดูและเพราะปลูกแปลงผักผลไม้แต่ละชนิดที่ตนเองชำนาญ เช่น มะนาว,ชมพู่เพชร,มะนาว กะเพรา สัปปะรด ข้าวไร่ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์แบบปฏิบัติจริงสืบต่อไป



รวมถึงการทดลองใช้พลังงานทดแทน พลังงานสะอาดจากลม ด้วยกังหันผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้บริเวณช่องเขา เป็นการนำพลังงานลมมาใช้ผลิตไฟฟ้าในโครงการและขายคืนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต



ผมของเอา FWD Mail ที่ได้รับเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริแห่งใหม่นี้มาฝากทุกท่านเพื่อได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อไปครับ



“ชั่งหัวมัน”

ได้กลับบ้านเกิดในวันหยุดยาววันพ่อ คุณพ่อก็ชวนขับรถเที่ยว



อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเพชรบุรี อย่างอำเภอท่ายาง ไม่ได้มีที่เที่ยวน่าสนใจไปกว่า ชะอำ หัวหิน จึงนึกไม่ออกว่าจะขับรถไปเที่ยวที่ไหนได้อีกนอกจากสองที่นั้น



คำเชิญชวนต่อมาของพ่อชวนให้รู้สึกสนใจขึ้นไปอีก เพราะพ่อบอกว่า "ไปดูไร่ที่ในหลวงซื้อเอาไว้ไหม"



พ่อเล่าต่อว่า ไร่นั้นอยู่ห่างไกลความเจริญ ถนนลาดยางยังเข้าไม่ถึง ไฟฟ้าไม่มี แต่พระองค์ท่านทรงปลูกบ้านอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว



บ้านมีสองหลัง หลังแรกของในหลวง หลังที่สองของพระเทพฯ ราชการทูลเกล้าถวายเลขที่บ้าน เลขที่ 1 กับเลขที่ 2 ให้



ฟังทีแรกก็ไม่เข้าใจว่าพระองค์ท่านจะไปซื้อที่ดินในที่ธุรกันดาร แถมยังปลูกบ้านไว้ที่นั่นทำไม ในเมื่อปัจจุบันพระองค์ท่านก็อาศัยอยู่ที่หัวหินเป็นกิจลักษณะแล้ว



แถมพ่อยังบอกอีกว่า ขับรถเข้าไปในที่ดินได้เลยนะ ทหารเขาให้เข้า ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าเราจะเข้าไปขับรถเล่นในเขตพระราชฐานกันได้ยังไง ด้วยความอยากรู้ อันนี้ก็ต้องพิสูจน์ ไปกันดู





จากตัวอำเภอท่ายาง ขับเลี้ยวเข้าไปทางตำบลเขากระปุก ถนนเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่นา



นั่งมองต้นไม้ไปได้สักครู่ สองข้างถนนก็เริ่มมีธงชาติ ธงเหลือง ธงฟ้า และธงม่วง พร้อมตราสัญลักษณ์ของแต่ละพระองค์ (ราชาศัพท์เรียกอะไร??) ติดเต็มไปตลอดทาง



ดูจากเสาธงก็รู้ว่าเป็นธงที่ชาวบ้านช่วยกันทำขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อรับเสด็จ ข้างๆ ธงมีร่องรอยตะเกียงน้ำมันอย่างง่าย (หรืออาจเรียกได้ว่าคบไฟ) เพื่อรอรับเสด็จในเวลากลางคืน ทั้งธงและคบไฟบ่งบอกได้ว่าข่าวของพ่อไม่ผิด เรากำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ไร่ของในหลวงเข้าไปทุกขณะ



ในขณะที่นั่งชมทิวธงและคบไฟไปได้จนเริ่มง่วง ถนนราดยางก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นคลุ้งตลบ แต่เราคงมาไม่ผิดทางแน่ เพราะทิวธงยังคงอยู่



มองไปแต่ไกลเห็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ตรงหน้า กังหันผลิตไฟฟ้าประมาณสิบกว่าต้น สูงเด่น มีรถทะเบียนกรุงเทพฯ วิ่งสวนมาเป็นระยะ ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มถนนแคบ



รั้วลวดหนามทอดตัวยาวไกล ต้นไม้หลากหลายชนิดเรียงตัวเป็นระเบียบอยู่ในนั้น เขื่อนดินขนาดใหญ่ พร้อมศาลาเก้าเหลี่ยมสูงเด่น เราเดินทางมาถึงไร่ของในหลวงกันแล้ว





เมื่อแลกบัตรที่ป้อมทหาร และเลี้ยวรถเข้าไป ก็เพิ่งถึงบางอ้อ

ที่ดินจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ว่า ไม่ใช่ไร่ที่ซื้อเอาไว้หลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง หรือใช้ตากอากาศ แต่มันคือที่ดินเพื่อใช้เป็น โครงการในพระราชดำริ ที่มีชื่อมันๆ ว่า "โครงการชั่งหัวมัน"



ดูจากวันที่ตั้งโครงการ คาดว่าน่าจะเป็นโครงการล่าสุดเลยทีเดียว



พอได้เดินเข้าไปในโครงการก็เกิดอาการซาบซึ้ง เพราะไม่นึกว่าในหลวงที่เราเห็นในทีวีที่แทบไม่มีแรงยกมือ กลับยังมีใจ + มีไฟ ริเริ่มโครงการใหม่ๆ ในถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญอยู่ตลอดเวลา ไม่มีหยุด



ดูจากบอร์ดภายในโครงการ อธิบายว่า โครงการนี้เป็นเสมือนแปลงทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น อันได้แก่ มะนาว มะพร้าว ชมพู่เพชร และพืชไร่ พืชสวน อะไรอีกจิปาถะมากมายที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีความรู้พอจะเขียนถึง



มีการขุดบ่อ (หรือในโครงการคือเขื่อน) เพื่อเก็บกักน้ำ มีกังหันและโซล่าเซลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เหมือนจะเป็นแบบทดลองตัวอย่างแก่เกษตรกรโดยรอบ เพื่อเพิ่มคุณภาพให้ผลผลิต แบบพึ่งพาตัวเอง



และเหนือสิ่งอื่นใด พอมีข่าวในหลวงเสด็จมาตั้งโครงการปั๊บ ชาวบ้านแถวนั้นก็ดีใจกันยกใหญ่ หลายคนถวายแรงกายแรงใจ เข้ามาช่วยงานในโครงการฟรี ชาวบ้านบางคนที่ทำงานอยู่ในนั้น พูดอวดใครต่อใครที่มาเยือนว่าได้ก้มลงกราบฝ่าพระบาทถวายตัวรับใช้งาน พูดไปน้ำตาไหลไป มีความภาคภูมิใจในถิ่นที่เกิดและอาชีพของตัวเอง



นี่คือเรื่องราวๆ ดีๆ เพียงไม่กี่เรื่องในรอบปีที่ได้รู้แล้วก็อยากเอามาเล่าต่อ

วันนี้อยากพูดกรอกหูคนเหล่านั้นว่า อย่างน้อยโครงการนี้ก็เป็นโครงการที่เกิดจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ มีประโยชน์เพื่อการพัฒนารากเหง้าของชาวบ้านที่แท้จริง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานฝรั่ง แต่เอารากที่เมืองไทยมี คือการเกษตร มาพัฒนา ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานน้ำมัน ไม่ต้องตามตลาดโลก ไม่ต้องป่าวประกาศ ไม่ต้องออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทำอย่างเงียบๆ ทำดีอย่างที่ในหลวงบอกคนไทยเสมอว่าเป็นการ "ปิดทองหลังพระ" อย่างแท้จริง

และงานแบบนี้ ถ้าในหลวงไม่ทำ ก็อย่าหวังว่ารัฐบาลชุดไหนจะมาทำให้คนไทย รับรองได้ว่าไม่มีแน่ๆ



แถมท้าย



หลังจากกลับมาค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ในอินเตอร์เน็ต



ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชื่อที่มาของโครงการว่า



ตอนที่ในหลวงเสด็จมาที่ที่ดินนี้ครั้งแรกๆ มีชาวบ้านเอาหัวมันมาถวาย



แต่ยังไงไม่รู้ ในหลวงทรงลืมเอาหัวมันกลับไปด้วย พอกลับมาที่ที่ดินนี้อีกที หัวมันนั้นก็เริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้น



เมื่อถึงเวลา ก็พระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า "โครงการชั่งหัวมัน"



ถ้าใครได้ติดตามผลงานของในหลวงมาตลอด ก็จะรู้ว่า ในหลวงท่านทรงมีเอกลักษณ์ในการตั้งชื่อแบบนี้ ชื่อไทย+จำง่าย+ มีอารมณ์ขัน

หลายคนต่างก็ตีความคำว่า ชั่งหัวมัน ไปต่างๆ นานา แต่การตีความไปได้ต่างๆ ก็เป็นเสน่ห์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งของการตั้งชื่อ ดังนั้น แล้วแต่ใครจะไปคิดเป็นอะไรก็แล้วกัน



แต่ส่วนตัวของกระผม คิดว่าพระองค์ท่านน่าจะมีความสุขทีเดียวที่ได้ทำงานนี้ การได้เลี้ยวรถจากหัวหินมาแวะที่โครงการชั่งหัวมัน ถ้ามันสร้างความสุขให้พระองค์ท่านได้ สร้างความสุขให้กับชาวบ้านแถวนี้ได้ ผลผลิตทางการเกษตรก็ถือเป็นของแถมไปแล้ว



โดย


 





//cway-investment.blogspot.com/2010/12/blog-post_06.html




Free TextEditor



Create Date : 08 ธันวาคม 2553
Last Update : 8 ธันวาคม 2553 17:13:14 น.
Counter : 766 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

coffee4you
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



พูดคุยติดตามเรื่องราวเทคนิคการเล่่นหุ้น
Free Ebook