ผมว่าเวลานี้คนที่เคยปรามาส ว่าตลาดหุ้นนั้นง่าย เหมือนเด็กสาวใจแตกคงต้องคิดใหม่กันอีกรอบ เพราะทุกวันนี้พระเอกที่เคยสร้างกำไร สร้างผลตอบแทนแบบเป็น กอบเป็นกำ ได้กลายร่างมาเป็นตัวร้ายที่จ้องสูบเงินออกจากพอร์ตของเรา จากเนินเป็นดอยสูง จากกำไรเป็นขาดทุน จากสวรรค์เป็นนรก สับขาหลอกกันจนแมงเม่างงไปหมด
ช่วงตลาดแบบนี้หลายคนเจ็บปวดทุกครั้งที่คนรอบข้างถามถึงพอร์ต ถึงผลตอบแทนจากตลาดหุ้น หรือไม่ก็ต้องแกล้งโกหก ว่าตัวเองไม่เดือดร้อนจาก ภาวะเศรษฐกิจ วิกฤติหนี้ยุโรปที่มีผลต่อตลาดหุ้น จริงๆแล้ว ตลาดหุ้นไม่เคยง่าย ไม่ว่าจะมือเก่า หรือมือใหม่ เราก็คือรายย่อย วรรณะต่ำสุดในห่วงโซ่การลงทุน ด้อยทั้งอำนาจ เงินอำนาจการเข้าถึงข้อมูล และข่าว และอื่นๆ ดังนั้นเมื่อข้อจำกัดเยอะ เราต้องเรียนรู้ที่ต้องปรับตัวเอง ให้อยู่กับข้อจำกัดนั้นการลงทุนที่ดีไม่ว่าจะสั้นหรือยาว จะเก็งกำไรหรือเน้นปันผล จะต้องใช้ทั้ง หัว และใจ หัวคือสมอง การคิด การวิเคราะห์ อย่าลงไปตามเกมส์ของทฤษฏีสมคบคิด ที่เขาปรุงแต่งให้เรา ไปตามเกมส์กระแสหลัก, หมั่นสังเกตและตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิด ,อย่าเชื่อเพียงเพราะมีหลายคนเชื่อตามนั้น ,อย่าหลงไปกับความหวังสวยงาม ที่กลุ่มนักการตลาด(ชักชวนให้ซื้อหุ้น) อัดฉีดมาให้จนมากไป ดังนั้นจงคิดก่อนซื้อ คิดก่อนทำส่วนการใช้ใจ คือการควบคุม อารมณ์และสติในโฟกัสที่เป้าหมายการลงทุน อ่านและสัมผัสถึงอารมณ์ของตนเอง และอารมณ์ของตลาด , อย่าวิเคราะห์หรือใช้ตรรกะเพื่อสรุปสิ่งที่เห็นอย่างเดียว จงใช้ใจสัมผัสถึงผลหรืออารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อข่าวและเหตุการณ์ที่เกิด เพื่อใช้เป็นกลยุทธการลงทุน ฝึกใจให้นิ่ง เพื่อสร้าง สัญชาติญาณการลงทุน สร้างสิ่งที่จำเป็นการตัดสินใจ อย่างถูกต้องและรอบคอบ เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันจริงๆไม่ว่าจะลงทุนแนวใดจะ VI หรือ VS ก็มีข้อดีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่เราต้องรู้จักการคิดแบบเป็นระบบ รู้จักการวางแผน การมองภาพรวม และการมองหาจังหวะ โอกาสที่เป็นบวกต่อตัวเรา สิ่งเหล่านี้ท่านไม่สามารถไปเสียเงินเรียน หรือฝึกอบรม จากที่ใดได้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดจากการฝึกและการสั่งสมประสบการณ์ ที่ต้องใช้ระยะเวลาหล่อหลอม ผิดวันนี้ไม่เป็นไร จงเรียนรู้และสรุปบทเรียนเพื่อนำไปใช้ เพื่อความอยู่รอดและการประสบความสำเร็จในระยะยาวต่อไปครับ
อ้างอิงจาก