มีนาคม 2554

 
 
1
2
3
6
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เมื่อน้ำมันไม่ใช่ปัญหา
ตลาดหลักทรัพย์ฯประเมินแนวโน้มหุ้นปีนี้เผชิญความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอก เตือนระวังแรงขายต่างชาติ เชื่อ บจ.ตั้งรับน้ำมันขาขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนจะสามารถปรับตัวได้ เพราะในอดีตช่วงที่ราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดที่ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2552 พบว่าบริษัทจดทะเบียนยังทำกำไรได้ โดยประเมินว่าปีนี้กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตในระดับ 14-15% น้อยกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมี ความกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อในเอเชีย ทำให้นักลงทุนต่างชาติระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น และสถานการณ์การเมืองที่นักลงทุนต่างชาติยังคงกังวลอยู่

สำหรับภาวะการลงทุนในเดือนก.พ. 2554 พบว่า ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 987.91 จุดปรับขึ้น 2.47% จากเดือนก่อนหน้า สวนทิศทางตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิ 8,432 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิไป 2.8 หมื่นล้านบาทในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว

เขายังได้กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อนั้น ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้น้ำหนักในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งด้วยปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเองไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ถือเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลกอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จะเพิ่มขึ้นเป็น 25.7% จาก 25.1%ในเดือนก่อนหน้า แต่พบว่าสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนบุคคล หรือรายย่อยลดลง จากระดับ 55.4% ลงมาอยู่ที่ 52% เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้น หลังจากที่ปรับลดลงในช่วงต้นปี ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนรายย่อยส่วนหนึ่งโยกการลงทุนไปลงทุนที่ตลาดเงินและทองคำมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้ว่าเมื่อพิจารณานโยบายปันผลของบริษัทจดทะเบียน พบว่าผลตอบแทนยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

โดยในเดือนก.พ. 2554 พบว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้ผลตอบแทนกับนักลงทุน โดยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3.80% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศ อื่นในภูมิภาค นอกจากนี้ ในเดือนดังกล่าวยังพบว่านักลงทุนเพิ่มการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานช่วงที่ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภาวะจลาจลในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

ขณะที่ ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นว่า มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดประมาณ 10-15% จากปี 2553 จากฐานดัชนีฯที่ระดับ 1,000 จุด อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงที่ดัชนีฯจะปรับตัวลดลง โดยยังต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งหากยังสูงเกินระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่อไปก็อาจมีผลต่อเงินเฟ้อให้เร่งตัวสูงขึ้นและมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรองรับแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ควรขายพันธบัตรระยะยาวออกทั้งหมด และเข้าซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มคอมมอดิตี้ ทั้ง soft commodity และ hard commodity รวมถึงหุ้นกลุ่มอาหาร และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มสูงขึ้น

ด้าน บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไป ในวันที่ 20 เม.ย., วันที่ 1 มิ.ย. และ วันที่ 13 ก.ค. จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งละ 0.25% ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) ขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 3.25% จากแรงกดดันของเงินเฟ้อที่สูง

โดยการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนที่คาดหวังของตลาดหุ้น กับผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี แคบลงมาที่ระดับที่ 4.23% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่อยู่ที่ระดับ 5.45% สะท้อนถึงความน่าสนใจในตลาดหุ้นที่ดึงดูดน้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย ประกอบกับ การเข้าสู่ช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้ฝ่ายวิจัยยังแนะนำให้ถือหุ้น 30% และถือเงินสดเป็นส่วนมาก

ขณะที่ ตลาดตราสารหนี้ไทยเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 132,902 ล้านบาท โดยนักลงทุนกลุ่มกองทุนซื้อสุทธิ 56,910 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มนิติบุคคลในประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิ 12,128 ล้านบาท และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,639 ล้านบาท

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (yield curve) ปรับตัวลดลงในพันธบัตรรุ่นอายุประมาณ 3-10 ปี และปรับตัวเพิ่มขึ้นในพันธบัตรระยะสั้น รุ่นอายุคงเหลือไม่เกิน 2 ปี โดยรวมมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากความชัดเจนในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2554

อ้างอิงจาก
//www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20110311/381347/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AF%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9A%E0%B8%88.%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html



Create Date : 11 มีนาคม 2554
Last Update : 11 มีนาคม 2554 11:15:20 น.
Counter : 751 Pageviews.

2 comments
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:16:30:21 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:16:34:19 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

coffee4you
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



พูดคุยติดตามเรื่องราวเทคนิคการเล่่นหุ้น
Free Ebook