ตุลาคม 2553

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
19 ตุลาคม 2553
All Blog
เคล็ดลับวิชา
เมื่อวานได้ยินเสียงแมงเม่าร้องกันระงม หลังจากโดนเล่นงานจากการตลาดที่ติดลบ ผมสงสารที่สุดคือคนที่เริ่มเล่นหุ้นในช่วงสองเดือนนี้ เพราะต้นทุนแต่ละตัวค่อนข้างแพง บวกกับการซื้อหุ้นตามแรงเชียร์ของมาร์ ที่เรามักคิดว่าเขาเป็นเทพที่ลงมาเป็นพี่เลี้ยง จนลืมคิดไปว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นนักขาย ที่ต้องการขายให้ได้ค่าคอมมากที่สุด เมื่อนักขายมาเจอนักอยากซื้อ ผลก็เลยออกมาว่าแมงเม่าได้หุ้นมาเต็มพอร์ต ทั้งที่ผิดหลักการลงทุน ยิ่งเข้าช้า ยิ่งเสี่ยงมากควรจะลงทุนให้น้อย

ภาวะแบบนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการกลับไปทบทวนหลักวิชา ที่เก็บไว้ซึ่งถูกถ่ายทอดจากผู้มีประสบการณ์ ผมเอาเคล็ดลับการเล่นแบบเก็งกำไรที่เป็นแนวคิดที่ผมใช้ และคิดว่ามันไม่ล้าสมัย ของ เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ เซียนหุ้นมาฝากสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยได้ศึกษา

1.ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น..มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด" คุณต้องเปลี่ยน "อย่าดันทุรัง"

2.สมัยที่ยังเล่นหุ้นไม่เก่ง วิธีที่ผมใช้จะ "ลอกข้อสอบคนเก่ง" แต่ระหว่างที่เราลอกข้อสอบเขา เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามให้ทัน

3.จากประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จะซื้อหุ้นให้ได้กำไร เราต้องกล้าไปจ่ายตลาด "ตอนประมาณ ตี 5" หรือ อีก 1 ชั่วโมงก่อนฟ้าสาง...ผีไม่มี เฮียประธาน เขาเป็นเจ้าของคอร์ดแบดมินตันแถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ "พญาอินทรี" ถ้าวันไหนที่พวกเรา "เละ" หรือ "เจ๊ง" กันหมด เขาจะบินมาเลย..เขาจะมาซื้อหุ้น

4.วิธีการเอาตัวรอด ในช่วงที่ต้องเผชิญกับ "วิกฤติการณ์" ทางเดียวที่จะทำให้เรา "รอด" คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต

5.การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส "ร่ำรวยได้ยาก" เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อย โอกาสผิดพลาดจะสูง

6.ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป ท่องเอาไว้เลย "วอลุ่มพีค" คือ "ราคาพีค" และ ถ้าหุ้นปรับฐานแล้ว "รีบาวด์" แต่ไม่ทำ "นิวไฮ" ใหม่.."มันต้องลง"

7.ถ้าหุ้นเป็น "ขาลง" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น "ขาขึ้น" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่มันผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า "มันกำลังจะวิ่ง"

8.กรณีที่หุ้นจะปรับตัว "ลงแรง" วอลุ่มมักจะทำ "พีค" ก่อน ให้สังเกตว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัว มันจะ "ลงลึก"

9.ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น "หุ้นดี" ให้สังเกตฝั่ง Bid (ซื้อ) จะน้อย แต่ฝั่ง Offer (ขาย) จะเยอะ ภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ ไม่ไล่ราคา

10.จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด และจุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ ตี 5 ถึง ตี 5 ครึ่ง ก่อนฟ้าสาง

สิบข้อคือหลักการพื้นฐานที่หลายคนเคยอ่าน เคยฟังมาบ้างแต่พอเราเข้าไปเทรดจริงจะพบว่า ถ้าความโลภมันบังตาไอ้ที่ศึกษามาก็ลืมหมดสิ้น สำหรับผมเองผมจดหลัก 10 ข้อนี้ไว้ในสมุดบันทึกในการเทรด และอ่านมันทุกวันตอนเช้าก่อนจะเริ่มลงทุน เพื่อเตือนตัวเอง และใช้อ้างอิงเพื่อทบทวนการลงทุนของตัวเองทุกสัปดาห์ เมื่อคุณเล่นหุ้นหรือลงทุนไปนานๆ คุณจะพบว่าแท้จริงแล้วการได้กำไรครั้งละมากๆไม่กี่ครั้ง มันไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเท่ากับการได้กำไรพอประมาณแต่สม่ำเสมอเลย แม้แต่น้อยเลย



Create Date : 19 ตุลาคม 2553
Last Update : 19 ตุลาคม 2553 16:05:24 น.
Counter : 1063 Pageviews.

3 comments
  
ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก

1.ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น..มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด" คุณต้องเปลี่ยน "อย่าดันทุรัง"

แย้งๆกันกับข้อ10 ป่าว

10.จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด และจุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ ตี 5 ถึง ตี 5 ครึ่ง ก่อนฟ้าสาง

และในตัวข้อ 1
ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น..มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด"

ถ้าเรารู้จริง เราจะไม่โทษมันนะ คุณยังไม่ได้ให้เวลารอพิสูจน์มันเลย เหมือนถ้าเล่นกราฟก็รอหลุดแนวรับไง

คุณคัทลอสก่อนผลประกอบการจะออก?
เรียกว่า เข้าแบบvi แต่ออกแบบนักเก็งกำไรนะ


และข้อ 1แย้งกับ ข้อ 5 ป่าว
5.การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส "ร่ำรวยได้ยาก" เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อย โอกาสผิดพลาดจะสูง

การถือหุ้นรอ ก็คือการไม่ซื้อขายบ่อย

แชร์ๆนะ
โดย: ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:14:52:49 น.
  
จริงๆ ไม่กล้าตอบเต็มที่ เพราะเหมือนที่ผมเขียนไว้ว่ามันเป็นหลักวิชาของ เสี่ยยักษ์ ผมคัดลอกเก็บไว้ แต่ผมจะขอตอบในมุมมองของผมที่ผมใช้และตีความนะครับ

"1.ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น..มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด" คุณต้องเปลี่ยน "อย่าดันทุรัง"
แย้งๆกันกับข้อ10 ป่าว

"

บริษทที่แนะนำ เป็นมุมมองการเก็งกำไร รายรอบ เพราะฉนั้นการเลือกหุ้นพื้นฐานดี ถุกเพื่อเก็งกำไร อันนี้เป็นเรื่องของตัวหุ้น ที่เลือกเพื่อเก็งกำไร เพื่อไม่ให้เราไปเลือกหุ้นตัวเล็ก พื้นฐานไม่ดีที่ วิ่งเกินความจริง

ส่วนประเด็นข้อ 10
จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด และจุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ ตี 5 ถึง ตี 5 ครึ่ง ก่อนฟ้าสาง

มันเป็นเรื่องของ timing เพื่อบอกให้รู้ว่า ควรซื้อเมื่อเวลาที่ไม่ต้องไปแย่งซื้อ กับใคร เพราะถ้าคุณไปซื้อหุ้นเวลาที่คนไล่ซื้อ มาเก็งกำไร ก็เท่ากับว่าต้นทุนเราสูง กำไรก็ได้น้อย

ข้อ 5 ก็ไม่ได้ขัดกับข้อ 1 ที่พูดเรื่องการเลือกหุ้น แต่ข้อ 5 สื่อว่า เราควรเลือกรอบการทำกำไรที่ใหญ่ เช่น รอบ 10% 20% ก็สามารถทำได้ การเก็งกำไรรอบใหญ่ เช่นซื้อ PTT 255 ขาย 315 เป็นต้น ไม่ได้เป็น VI ที่ถือยาวอะไร แต่เน้นที่การทำกำไรตามรอบของกระแสเงิน

ส่วนประเด็น cutlose ก็เรื่องปกติของคนเก็งกำไร ถ้าคุณคิดจะเก็งกำไร ไม่ใช้ VI นะ ไม่ได้ต้องการถือหุ้นยาว ถ้าคุณเข้าผิดราคามันลง คุณก็ต้อง cutlose ออกมา เพื่อทบทวนแผนการเล่น หุ้นเก็งกำไร ถือไว้ไม่วิ่ง 5 วันเขาก็ขายออกกันแล้วครับ แปลว่าคนเล่นยังอ่านเทรนด์ไม่ clear คือยังเป็น sideway นี้ยิ่งวิ่งลง ยิ่งต้องขายเลย ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับผลประกอบการเลย

คือต้องไปลองอ่านบทความ เสี่ยยักษ์มาก่อน จะเข้าใจวิธีคิดการเก็งกำไร ของท่าน ที่ผมเขียนผมก็เขียนในบริษทการเก็งกำไร ไม่ใช่ การลงทุนแบบ VI ที่อาจจะทำให้เข้าใจผิด คงเพราะข้อ 1 ที่มีเรื่อง PE เข้ามา ซึ่งจริงๆการดู PE นั้นก็เพื่อใช้เลือกหุ้นเก็งกำไร เพราะปัจจุบันไปดูเถอะครับ หุ้นพื้นฐานดี ก็เอามาเก็งกำไรกันแถบทั้งนั้น เช่น STA ไง วิ่งมาจะ 40% แล้ว ถ้าเข้าใจ ก็เอากฏ 1 -10 ไปประยุกต์ได้

ส่วนการถือหุ้นรอ ถ้ามองในมุมคนลงทุนก็ถูกครับ ถือไปเถอะรอปันผล แต่คนที่เล่นเก็งกำไร ไม่มีใครถือรอเอาปันผล 10% หรอกครับเมื่อซื้อขายตามรอบปีหนึ่งก็เกิน 10% มากมาย

สรุปอีกที
กฎ 10 มาจากเซียนหุ้นเก็งกำไร เพราะฉนั้นใช้กับการเก็งกำไรหุ้น ไม่ใช้การลงทุนแบบแนว VI

โดย: coffee4you วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:15:59:27 น.
  
อืม แลกเปลี่ยนๆ
โดย: ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:16:50:34 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

coffee4you
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



พูดคุยติดตามเรื่องราวเทคนิคการเล่่นหุ้น
Free Ebook