เรื่องสั้น สัมพันธภาพ (บทที่ 6)
บทที่หก
ภาพดอกแมกโนเลีย สถานที่ เกาะนามิ ประเทศเกาหลี
วันใหม่ที่สดชื่นอากาศแจ่มใส สามวันมาแล้ววิถีชีวิตเดิมๆ ถูกดำเนินไปอย่างราบเรียบบนพื้นฐานของความเป็นจริง การดิ้นรนต่อสู้ฝังรากลึกให้เห็นทั่วทุกแห่งบนพื้นปฐพีนี้ จริงสิ ทุกอย่างเหมือนเดิม ซ้ำรอยเดิมทุกฝีก้าว แม้กระทั่งสิ่งนั้น ภาพฝันนั่นทำไมไม่ปรากฏ ไม่มีแม้แต่น้อย ความสับสนว้าวุ่น ความเคลือบแคลงล้วนไม่สะกิดให้รู้สึกเลย หรือมันจะเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เราหรอกเหรอที่บ้าไปเอง พร่ำคิดเสมอว่าเป็นเรื่องจริง แขจ๊ะ คิดอะไรอยู่เอ่ย พี่คุยด้วยได้มั้ย เสียงหนึ่งทักขึ้น ทำให้สติหล่อนกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง ได้สิคะ พี่ภพไม่มีเรียนหรือคะ ถึงว่างมาแหย่แขเล่นแบบนี้ หล่อนกล่าวตอบด้วยความสนิทสนม วันนี้พี่ว่างทั้งวันอยากชวนแขไปดูหนังจังเลย ไม่รู้พี่จะผิดหวังหรือเปล่า เขาพูดเชิงทีเล่นทีจริง เพื่อไม่ให้ผู้ฟังรู้สึกหงุดหงิดหรือขัดใจ เขารู้ดีหากใช้ถ้อยคำผิดไปกว่านี้เล็กน้อยอาจเปลี่ยนจากข้อความให้เลือก กลายเป็นประโยคคำสั่งได้ทันที คงจะผิดหวังแล้วล่ะค่ะ หล่อนเหลือบดูผู้ฟังเล็กน้อย โถ...แขล้อเล่นนะค่ะ วันนี้แขว่าง แล้วยัยฝนล่ะคะ แขไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว หล่อนรีบ ถามหาเพื่อน อ๋อ... ขานั้นยังนั่งคิดงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้อยู่เลย เออ ว่าแต่แขลืมทำหรือเปล่าจ๊ะ เขาถามด้วยความเป็นห่วง หากเป็นวันอื่นเขาคงจะห่วงว่าหล่อนจะทำงานไม่เสร็จมากกว่า แต่วันนี้เขาห่วง ห่วงที่ว่ากลัวหล่อนจะไม่ไปเที่ยวกับเขา ถ้าภาพวาดละก็เสร็จนานแล้วหล่ะค่ะ นิศากรตอบยิ้มๆ ดีเลย งั้นเราไปกันเถอะ เอ่อ เดี๋ยวสิแข ช่วยรับนี่ไว้หน่อยสิ พี่อยากให้แขจริงๆ นะครับ พิภพเรียกไว้แล้วยื่นสิ่งหนึ่งให้หล่อน กุหลาบสีแดงถูกจัดไว้เป็นช่อบนพลาสติกใส ตกแต่งด้วยโบริบบิ้นผ้าสีขาวตัดกันอย่างเด่นชัด ถูกยื่นส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจริงใจ ปกติหล่อนเป็นคนช่างสังเกต เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รอบข้างได้ถ้วนถี่เสมอ แต่ครั้งนี้หล่อนไม่เลยแม้จะฉุกคิดถึงอากัปกิริยาที่ผู้พูดแสดงต่อหล่อนตั้งแต่ก้าวเข้ามาทักแล้ว อาการประหม่ากว่าทุกวัน มือข้างหนึ่งที่ไขว้หลังตลอดเวลา เบื้องหลังต้องมีอะไรซ่อนอยู่เป็นแน่ ช่อนี้นี่เอง ถูกบดบังอยู่เมื่อซักครู่ และช่อนี้นี่เองต้นเหตุของความประหม่า ขอบคุณค่ะ พี่ภพให้แขเนื่องในโอกาสอะไรคะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่หล่อนก็ยังกล้าถามออกไปเช่นนั้น ถามเพื่อให้ทุกอย่างดูเป็นปกติที่สุด ถามเพื่อลดความอายของผู้ให้ เอ่อ พี่...พี่... พิภพพยายามนึกคำพูดให้ดูดีที่สุด แต่ก็ยังไม่หลุดออกมาจากลำคอซักที แขว่าเรารีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวตั๋วหมดอดดูนะคะ หล่อนรีบท้วงขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงความรู้สึกฝ่ายตรงข้ามอีกแล้ว แต่หล่อนเองต่างหากที่ยังไม่พร้อมจะรับฟัง จึงเป็นฝ่ายตัดบทเสียเอง พิภพยังคงนิ่งอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนล่วงหน้าไปพอควรแล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไปให้ทันกัน ผู้คนมากมายเริ่มทยอยมาประจำที่นั่งตามตำแหน่งที่ตนได้รับ สิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทุกคนต่างจับจ้องไปที่จอขนาดยักษ์ตรงเบื้องหน้า ในความอึกทึกของตัวละครบนแผ่นฟิล์มโลดแล่นไปตามบทบาทที่ได้รับอย่างมิขาดตกบกพร่อง หากแต่ในใจของผู้ดูนั้นเล่า ใจทั้งสองฝ่ายต่างมีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าจะทอดอารมณ์ให้ไหลไปตามกระแสแห่งห้วงความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ฝ่ายหญิงกำลังสับสนในความสนิทสนมฉันท์เพื่อนพี่น้องในวัยเยาว์ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นรูปแบบอื่น ซึ่งเธอยังไม่ต้องการ ณ เวลานี้ ทำอย่างไรเล่าถึงจะถนอมน้ำใจกันไว้ได้ ส่วนฝ่ายชายก็กระสับกระส่ายไม่แพ้กัน คิดอยากพูดอยากอธิบายแต่ก็ทำไม่ได้ดังใจนึก รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่เหมือนกัน ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่ดูเหมือนเวลาถูกยืดให้ทอดยาวรั้งไว้ให้นานแสนนานหยุดอยู่ ณ ตรงนั้น ตรงช่องว่างระหว่างจิตใจ ช่องว่างที่ยังไร้คำตอบ
**********************************************
Create Date : 27 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 21:27:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 595 Pageviews. |
|
|
|
เดี๋ยวไม่ขลัง..