จะยอมเป็นเจ้าชายนิทรา แล้วใช้เวลาที่ยังมีทั้งคืน ข่มตานอนหลับฝันไม่ยอมตื่น ให้รักเรายังยั่งยืนอยู่ในฝัน

 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 เมษายน 2553
 

เรื่องสั้น สัมพันธภาพ (คำนำ ..... บทที่ 1)




ทุกวันนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าวิทยาการทางด้านวิทยาศาสตร์ของเราจะรุดหน้าไปมาก สามารถประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือช่วยส่งเสริม และตรวจสอบความถูกต้องในขบวนการคิด การตั้งสมมติฐานได้หลายอย่าง กระทั่งวัดได้ว่าการทำงานของสมองมนุษย์เราจะปรากฏในรูปคลื่นไฟฟ้า สี่ชนิดต่างกันไปในแต่ละช่วงเหตุการณ์ ได้แก่ คลื่นเบต้า มีความถี่ 14 – 100 เฮิรตซ์ ในขณะที่มีขบวนการคิด การแก้ไขปัญหา การจดจำและมีสมาธิ คลื่นเอลฟา มีความถี่ 8 – 13 เฮิรตซ์ ขณะที่มีการผ่อนคลาย อารมณ์สงบเบิกบาน คลื่นธีต้า 4 – 8 เฮิรตซ์ ปรากฏขณะที่มีการเดินและหลับแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นที่เรียกว่า Twilight state และสุดท้ายคลื่นเดลต้า มีความถี่น้อยกว่า 4 เฮิรตซ์ เกิดขณะที่มีการหลับลึก การฝัน และการหยั่งเห็นอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เราสามารถหาข้อพิสูจน์ได้ในเรื่องราวนั้นๆ ยังคงมีอีกมากที่ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ เช่น การกลับชาติมาเกิดใหม่ การย้อนรำลึกเรื่องราวในอดีตชาติ ที่เรียกว่า รู้ภพชาตินั่นเอง
หลายสาขาวิชา รวมทั้ง ปรจิตวิทยา พยายามค้นหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ “รู้ภพชาติ” แต่ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดที่จะให้เหตุผล คำอธิบายที่กระจ่าง และไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นเกิดได้อย่างไร เท็จจริงมากน้อยประการใด
ในจินตนิยายเรื่องนี้ กล่าวถึงเรื่องราวความรักในอดีตชาติ ที่ยังส่งผลต่อเนื่องถึงชาติปัจจุบันผ่านตัวละครเอก “นิศากร” และ “รพี” ที่จะถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกให้ผู้อ่านร่วมเสพไปกับความรักที่บริสุทธิ์และนิรันดร์ของคนทั้งสอง

เวชกานท์








บทที่หนึ่ง



แสงสุกปลั่งดวงกลมโตเริงระริกสั่นพริ้วปานจะบ่งบอกว่าสิ้นวาระแล้วในวันนี้ แต่มันยังคงแสดงบทบาทอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือ สาดส่องอนุภาคสีทองโอบล้อมทั่วทุกแผ่นผืนให้ร่วมยินดีไปกับมัน
ภายใต้แสงเรืองรองที่เคลือบอยู่นั้น ปรากฏเป็นเงาจางๆ พริ้วไหวไม่แพ้กัน เคลื่อนผ่านไประลอกแล้วระลอกเล่า ลองเพ่งพินิจลงดูอีกครั้ง จึงปรากฏชัดถึงส่วนโค้งเว้ารูปทรงเลขาที่ถูกประกอบไว้อย่างลงตัว สีน้ำตาลอ่อนแก่เด่นชัด ตามแต่ที่มันต้องการ แสดงถึงความงดงาม ความภาคภูมิที่แฝงไว้ในตัวมัน และผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี แม้จะเผชิญโลกผ่านเรื่องกร้านชีวิตมามากจนสีซีดจางลงไปบ้าง มันก็ยังคงตั้งทนงศักดิ์อยู่อย่างไม่ย่อท้อ ด้านข้างที่ปรากฏบนผืนน้ำบ่งบอกถึงความใหญ่โตโอ่โถง ภายในเรือนสักทองนี้คงจะบรรจุเต็มไปด้วยห้องหับที่ตกแต่งอย่างประณีตละเอียดละออสมฐานะของผู้อยู่เป็นแน่ บริเวณอาณาเขตโดยรอบเขียวขจีดั่งทุ่งกำมะหยี่ เทียบกับตัวเรือนหลังมหึมาสักครู่จึงรู้ว่าสิ่งที่ผ่านมาดูเล็กไปถนัดตา เมื่อมองเยื้องขึ้นมาอีกเล็กน้อย จึงสังเกตเห็นสิ่งปลูกสร้างอีกชนิดซึ่งเข้ากับธรรมชาติได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่มันควรจะเป็น ภาพที่เห็นดูคมชัดหนักแน่น สีสันที่แต่งแต้มชัดเจนกว่าภาพที่ปรากฏเมื่อสักครู่ซึ่งพริ้วไหวตามแรงลมกระทบผิวน้ำ ระเบียงไม้ที่ทอดยาวจากพื้นดินสู่ผืนน้ำถูกจัดเป็นทางตรงขอบขนาน เชื่อมต่อกับฐานที่มันตั้งอยู่ เบื้องหลังเป็นขอบไม้ฉลุลายพิกุลพาดทับลูกกลึงมนกลมสูงกว่าม้านั่งเล็กน้อยเรียงเว้นระยะห่างพอกันทุกต้นดูเป็นระเบียบ เสาหลักแปดด้านดูโปร่งกลมกลืนเป็นงานชิ้นเดียวกัน กล้วยไม้นานาพันธุ์ในกระถางใบน้อยถูกจัดแขวนไว้โดยรอบเสริมสีสันให้กับพื้นขาวบริสุทธิ์ของโครงที่มันห้อยอยู่ได้อย่างลงตัว... มุขสีขาวทรงแปดเหลี่ยม... มุขริมน้ำวันนี้ดูเงียบ และเหงาอย่างบอกไม่ถูก

“คุณเดือน คุณเดือน ทางนี้” เอ๊ะ! นั่นเสียงใครกัน สิ่งที่กระทบโสตประสาทคุ้นยิ่งนัก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เสียงเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาเอื้ออาทรนั้นยังแว่วอยู่ข้างหูประหนึ่งกำลังเรียกเราอยู่อย่างไรอย่างนั้น แปลกจริงเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผู้นั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวเราได้มากขนาดนี้ คิ้วที่โก่งโค้งงอได้รูปรับกับเรียวหน้ารูปวงเดือน ดวงตากลมโตฉายแววเศร้า แสดงถึงการรอคอยอย่างชัดเจน จมูกโด่งเป็นสันคม เสริมให้ดวงหน้าสวยสะดุดตา ริมฝีปากบางอมชมพูระเรื่อนั้นเผยอออกเล็กน้อยให้เห็นรอยยิ้มละไม ดูกินใจยิ่งนัก หล่อนคงวิ่งไปตามเสียงเรียกเป็นแน่... นั่งไงต้นเสียงดูงดงามไม่แพ้กัน อายุอานามคงแก่กว่ากันราวสองปีเห็นจะได้ คนน้องคงประมาณสี่ปี ส่วนคนพี่คงจะ 6 ปี หรือแก่กว่านั้นสักเล็กน้อย แต่จากผิวพรรณที่สุกปลั่งมีสีเลือดฝาด แววตาที่เป็นประกายฉายแววน่าค้นหาคู่นั้นบ่งชี้ได้ดีถึงความบริบูรณ์ของร่างกายของคนพี่

“คุณดวงคะ...น้องเหนื่อยแล้วค่ะ เรา...พักกันก่อน...เถอะนะ”

เห็นจะจริงดังหล่อนว่า เพราะใบหน้าหล่อนดูซีดตัดกับผมมวยที่เกล้าขึ้นสูงเป็นดำขลับอย่างชัดเจน ถ้อยวาจาที่กล่าวออกมาแต่ละคำฟังขาดหายเป็นช่วงๆ
จริงสิ พึ่งสังเกตเห็น เสื้อผ้าสองพี่น้องต่างตัดเย็บด้วยแพรไหมแก้ว เงาเลื่อมเป็นมัน ส่วนคอเสื้อประดับด้วยผ้าลูกไม้เนื้อดี ตัดอย่างประณีตเข้ารูปพอดีสัดส่วน แม้จะเป็นเสื้อคอกระเช้าก็ตาม ผ้านุ่งเป็นโจงกระเบนปักดิ้นเงินดิ้นทองดูแวววาวแข่งรัศมีกับเครื่องประดับทองที่สวมใส่ ทั้งปิ่นปัก สร้อย กำไล เข็มขัด บ่งบอกฐานะได้เป็นอย่างดี

“คุณพี่รพี ดวงกับคุณเดือนจะไปล้างมือที่ท่าน้ำไปด้วยกันมั้ยคะ”

รพี...คงจะเป็นชื่อเด็กหนุ่มคนนั้นสินะ ดูสง่าเกินกว่าวัยเพียงสิบปีของเขาเหลือเกิน แววตาที่มุ่งมั่นดูเศร้าไม่แพ้เดือนเลยแม้แต่น้อย ผมดกดำเป็นมัน คิ้วเข้มหนา จมูกตั้งเป็นสันโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับ เครื่องหน้าดูสวยเด่นครบทุกส่วน ยามเมื่อทาบบนใบหน้าเรียวยาวนั้นแล้ว ยิ่งสะกดใจผู้มองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ผิวสีแทนนั้นเล่ายิ่งส่งให้ดูขรึม น่าหลงใหลชวนมองยิ่งนัก
ท่าน้ำที่เป็นสะพานไม้ นั่นสิ! ตรงเบื้องหลังมุขริมน้ำนั่น เป็นทางขนานเช่นเดียวกับระเบียงมุขริมน้ำเพียงแต่บริเวณตัวมุขที่ยื่นออกไป ถูกเปลี่ยนเป็นขั้นบันไดไม้ทอดลงสู่ท้องน้ำแทน

เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น ทำไมมืดไปหมด แน่น... หายใจไม่ออก... วูบ...วูบ... ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที เสียงก้องนั่น “คุณเดือน...บุหลัน...คุณเดือน...บุหลัน...”

“ลูกแข ลูก” แสง...แสงนั่นช่างแสบตาอะไรเช่นนี้ เงานั่น...ใครกัน...รอยยิ้ม โอ๊ย! ดูพร่าไปหมด ชัด...ชัดขึ้นแล้ว แม่...แม่ของเรา

“ยัยแข เป็นอะไรไปลูก เหงื่อท่วมเชียว”

“ปะ...เปล่า ค่ะ แม่” นิศากรพยายามกล่าวออกไปอย่างอยากเย็นเต็มที พลางปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าจากเหตุการณ์ที่น่าตระหนกเมื่อซักครู่

“อ้าว! เหลียวหาอะไรอีกลูก เดี๋ยวสายนะ”

ห้องของเราจริงๆ ด้วย ในบ้านที่อบอุ่นและคุ้นเคย สิบแปดปีแล้วสินะ ยามหลับตาก็นึกภาพออก ด้านขวาถัดจากประตูเป็นตู้โชว์ บรรจุเต็มไปด้วยตุ๊กตาหลากหลายชนิดเรียงรายทำหน้าตาฉงนอยู่เต็มตู้ ใกล้กันเป็นตู้เสื้อผ้าตัวฝาทำด้วยกระจกด้านหลังฉาบด้วยดีบุก ทำให้ใช้เป็นกระจกเงาได้ในตัว ส่วนที่ติดกันเป็นชั้นวางหนังสือ ซึ่งถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ผนังด้านถัดมาตั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ขอบสองข้างโต๊ะเป็นชั้นวางเครื่องหอมต่างๆ ใช้ในการเสริมแต่งบำรุงผิวพรรณ ลิ้นชักโต๊ะเดียวกันนี้สามารถเลื่อนพับเก็บและชักออกมาเขียนหนังสือได้ด้วยยามต้องการ เขยิบมาอีกเล็กน้อยเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งขณะนี้ม่านถูกเปิดออก และรวบไว้ทั้งสองข้างบานกระจก เผยให้เห็นระเบียงชมวิวด้านนอก เหนือบานประตูกระจก เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดพอเหมาะกับห้อง ผนังติดกันอีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำ ถัดมาเป็นผนังซึ่งทำเป็นช่องไว้สำหรับวางโทรทัศน์ และเครื่องเล่นวีซีดี มองเผินๆ แล้วเป็นระนาบเดียวกับกำแพง เลื่อนมาอีกนิดจะเป็นตู้โชว์ของสะสมและของฝากจากต่างประเทศ ในส่วนด้านตรงข้ามบานประตูกระจก จะเป็นเตียงนอนขนาดสองคน หัวนอนชิดกับผนังอีกด้าน ซึ่งประดับด้วยรูปขนาดใหญ่ของเราเอง สั่งทำพิเศษใช้เป็นนาฬิกาในตัว นาฬิกา...ตายจริง เจ็ดโมงครึ่งแล้ว

“วันนี้ต้องรีบอีกแล้วหล่ะค่ะ” หล่อนบอกแม่ พร้อมทะยานออกจากเตียงมุ่งสู่ห้องน้ำทันที และเช่นเคย รอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า พร้อมกับการสั่นศีรษะน้อยๆ แสดงถึงความเอ็นดู ในความไม่ รู้จักโตของนิศากรก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้งเช่นทุกวัน และทุกครั้งก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย

**********************************************


Create Date : 05 เมษายน 2553
Last Update : 6 เมษายน 2553 15:08:30 น. 1 comments
Counter : 1791 Pageviews.  
 
 
 
 
หวัดดีจ้า แวะมาเจิม..

ขยันเนอะ..
 
 

โดย: พี่สาวคนสวย (poongie ) วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:6:03:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Sleeping_prince
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




แม้รูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะครับ Instagram
New Comments
[Add Sleeping_prince's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com