อุปลมณี.......อัญมณีแห่งสายน้ำ
ดอกบัวเป็น พันธุ์ไม้ที่ผมชอบเป็นที่สุด อาจเพราะสีสรร สวยงามรูปทรงที่เรียกได้ว่าเป็นเลิศไม่รองดอไม้ไหนๆๆ หากราชินีแห่งดอกไม้ คือ กุหลาบ
อัญมณีแห่งสายน้ำ ก็ คง เป็นบัวอย่างแน่นอน
ข้อมูลบัวจาก wigipedia
บัว เป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว ใบเป็นใบเดี่ยวเจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัว
บัวเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ จัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียวหรือสีเทาชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี
บัวที่พบและนิยมปลูกในประเทศไทย มาจาก 3 สกุล คือ
บัวหลวง (lotus) เป็นบัวในสกุล Nelumbo มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ปทุมชาติ หรือบัวหลวง บัวผัน, บัว(กิน)สาย (waterlily) เป็นบัวในสกุล Nymphaea มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้า ใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด บัววิกตอเรีย (Victoria) เป็นบัวในสกุล Victoria มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า บัวกระด้ง จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ อาณาจักร พืช (Plantae) ส่วน พืชดอก (Magnoliophyta) ชั้น พืชใบเลี้ยงคู่ (Magnoliopsida) อันดับ Nymphaeales วงศ์ วงศ์บัว (Nymphaeaceae)
(ซึ่งชื่อวงศ์ หรือ family ของบัวนี้ผมชอบมาก เพราะมาจากคำว่า Nymph ที่แปลว่านางไม้ หรือ นางอัปสร ซึ่งทำให้ผมจำชื่อวงศ์นี้ได้แม่นมาก ตอนเรียน Botany เพราะรู้สึกว่ามันคลาสสิคเสียงเหลือเกิน เหมาะสมที่เป็นชื่อวงศ์ของบัวจริง)
ในวรรณกรรม บัวปรากฏในนิราศธารโศก พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
บัวบานในคงคา นึกผ้าสีบัวโรยบาง นวลละอองอ่องขลิบนาง น้องเราห่มลอยชายงาม นิราศธารโศก - พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
และ อื่นอีกมากมาย เช่น
'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว'
และมักกล่าวถึงเสมอในวรรณคดี เช่น
พระลักษมี ชายาของพระนารายณ์ ถือกำเนิดจากดอกบัวซึ่งผุดขึ้นกลางเกษียรสมุทร เมื่อคราวเทวดากวนน้ำอมฤต
นางทิพเกสร ก็กำเนิดในดอกบัวที่บานอยู่กลางสระในป่าลึก
และอีกหลายเรื่องมากมาย รวมทั้งมีความเกี่ยวพัน กับ พุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง
ในสัญลักษณ์ และความเชื่อ บัวมีมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้ปรุงยาจากดอกบัว ถวายแด่ องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แก้อาการอ่อนเพลีย ถือว่าดอกบัวเป็น ดอกไม้ประจำศาสนาพุทธ ตามพุทธประวัติพบว่า บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเมื่อ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า
คนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกบัว ในการบูชาพระอยู่เสมอ แต่บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล คือ บัวหลวง บัวผัน บัวฝรั่ง บัวสาย และบัวกระด้ง
ความเชื่อในทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยโบราณว่า ดอกบัวก็เหมือนกับคนเรานี้เอง ดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำขึ้นมารับแสงสว่างได้นั้น ก็เหมือนกับ ผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง กลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ซึ่งถือเป็นความหมายอันลึกซึ้ง และเป็นมงคลยิ่งนัก
คนโบราณจึงมึความเชื่อว่า ครอบครัวใดที่ปลูกบัวเอาไว้ประจำบ้าน ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้น มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด และเบิกบานแจ่มใส เช่นเดียวกับดอกบัว และยังเชื่ออีกว่า สายใยของบัวที่ยืดยาวนั้น คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว จะทำให้ทุกคนมีความห่วงใยรักใคร่ และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น ครอบครัวนั้น ก็จะมีแต่ความสุข เพราะความรักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวทุกคน
ควรปลูกต้นบัวในวันพุธ เพราะวันพุธนั้น เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกสวยงาม ต้นบัวที่ปลูกในวันพุธ จะทำให้บัวผลิดอกบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งสระ
ผู้ที่เหมาะที่จะปลูกบัวมากที่สุด คือ ผู้ที่เกิดปีจอ เพราะต้นบัวนั้น เป็นต้นไม้ประจำปีของคนเกิดปีจอ หากผู้ที่เกิดปีจอเป็นผู้ปลูก และมีผู้ที่เกิดปีเดียวกันอาศัยอยู่ภายในบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากยิ่งขึ้นไปอีก (ถ้าไม่มีผู้ที่เกิดปีจอ ก็ควรให้หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ปลูกก็ได้)
อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมได้มาจาก วิกิพีเดีย และเเต่งเติมตามที่ผมอยากจะเขียนบ้างนะครับ
แต่ที่ทำให้ผมอยากเอาบัวมาลงนั้นเพราะได้อ่านบทความ บทความหนึ่งจาก เว็บ ไกด์อุบล คือ
เหตุใดจังหวัดอุบลฯ จึงนำ ดอกบัวปทุม มาเป็นตราจังหวัด
ข้อสงสัยตามคำถามหัวเรื่องข้างบนนี้ สืบเนื่องจาก สมาคมผู้รักบัวแห่งประเทศไทย ซึ่งมี ตร.เสริมลาภ วสุวัด เป็นนายกสมาคม ได้มาเผยแพร่ความรู้และบรรยายทางวิชาการเกี่ยวกับ บัว ที่ศาลาประชาวาริน โดยการเชิญของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้ตั้งหัวข้อการเผยแพร่และการบรรยาย น่าสนใจมากป้ายใหญ่สะดุดตาด้วยข้อความว่า คนอุบลฯมารู้จักบัวกันเสียที มีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
เมื่อ พ.ศ. 2474 นักปราชญ์ทางวรรณคดีท่านหนึ่งคือ พระธรรมนิเทศทวยหาญ (นามเดิม อยู่ อุดมศิลป์เปรียญธรรม 9 ประโยค) ได้ตีความหมายในภาษาลีสันสกฤตเพื่อชี้แจงเรื่องบัวเบญจพรรณที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศไทย ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสกฤตได้แก่ ปทุมชาติหรือบัวหลวง เป็นบัวก้านแข็ง คนไทยนิยมนำไปบูชาพระ นำฝักและรากเป็นอาหารและยา ส่วน อุบลชาติหรือบัวสาย เป็นบัวก้านอ่อน กลีบดอกสวยงามเหมาะแก่การประดับตกแต่งและนำไปสกัดเป็นน้ำหอม
คุณพระธรรมนิเทศทวยหาญ ท่านได้แสดงความคิดเห็นว่า ควรจะแยกบัวทั้ง 2 ประเภทนี้เป็น 2 วงศ์ แต่เนื่องจากท่านเป็นนักปราชญ์ทางโบราณคดี จึงไม่ได้รับความสนใจจากนักพฤกษศาสตร์เท่าใดนัก
ต่อมาอีก 62 ปี นักพันธุศาสตร์ พฤกษศาสตร์ชาวต่างประเทศ ได้เผยแพร่บทความ เสนอให้แยกบัวก้านแข็งและบัวก้านอ่อนออกเป็น 2 วงศ์ เพราะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ควรรวมอยู่ในวงศ์เดียวกัน นักพฤกษศาสตร์สมัยใหม่ในประเทศไทย เห็นว่าการแยกวงศ์ดังกล่าวเป็นประโยชน์ทางวิชาการ จึงเห็นพ้องด้วยและได้แบ่งสกุลบัวไทยไว้เป็น 2 สกุลหลัก คือ สกุลบัวหลวงหรือปทุมชาติ กับสกุลบัวลายหรืออุบลชาติ ดังเช่นที่นักวรรณคดีคุณพระธรรมนิเทศทวยหาญ ท่านได้ให้ข้อคิดไว้เมื่อ 62 ปีก่อน
เหตุใดดวงตราจังหวัดอุบลราชธานี เป็นดอกบัวปทุม เมื่อได้ศึกษาหนังสือ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณะ และภูมิปัญญาจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีความหนา 375 หน้า ได้รวบรวมเนื้อหาสาระไว้อย่างสมบูรณ์ ปรากฏในหน้า 287 ได้อธิบาย สัญลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานีได้แก่ ดอกบัว ซึ่งเป็นตราประจำจังหวัดอุบลฯ ในหน้า 287 นี้มีภาพประกอบ 2 ภาพ ด้านซ้ายเป็นภาพดวงตราจังหวัดอุบลราชธานี ด้านขวาเป็นภาพดอกบัวพร้อมด้วยข้อมูลประกอบ ตามที่ปรากฏดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี
ดอกบัว เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะจึงนำมาเป็นตราสัญลักษณ์หรือตราประจำจังหวัด เป็นภาพวงกลม ภายในเป็นรูป ดอกบัวหลวง มีทั้งบัวตูมและบัวบานชูช่อก้านใบเหนือหนองน้ำ พร้อมจารึกข้อความว่า จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ใต้สัญลักษณ์ภายในวงกลมนั้น
ความหมายของสัญลักษณ์ดังกล่าวเพื่อระลึกถึงชาวเมืองหนองบัวลุ่มภู (หรือหนองบัวลำภู ปัจจุบันอยู่ในบริเวณจังหวัดอุดรธานี) ที่มีพระวอ และบุตรหลานพระตาเป็นผู้นำ ณ บริเวณจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อประมาณ พ.ศ. 2312 จนชุมชนดังกล่าวได้รับการยกฐานะ เป็น เมืองอุบลราชธานีศรีวนาไล เมื่อวันจันทร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2355
เมื่อ สมาคมผู้รักบัวแห่งประเทศไทย ได้พิเคราะห์ดวงตราจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นรูปบัวหลวงคือปทุมชาติ ซึ่งไม่ตรงกับชื่อจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีความเห็นว่าจังหวัดอุบลราชธานีควรแก้ไขดวงตราประจำจังหวัดฯให้เป็นรูปบัวลายหรือบัวก้านอ่อน คือบัวสกุลวงศ์อุบลชาติ เพื่อให้ตรงกับชื่อจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป ขอให้ดำเนินการด้วย
เรื่องนี้ชาวอุบลราชธานี ที่ได้รับเชิญร่วมการเสวนาฯ หลายท่านอาทิ เช่น คุณพ่อบำเพ็ญ ณ อุบล และผู้เขียนบทความนี้ ได้อรรถาธิบายให้ นายกฯ / กรรมการฯ / นักวิชาการ ของสมาคมฯ ผู้บรรยายทางวิชาการเกี่ยวกับบัว ตลอดจนผู้เข้าร่วมเสวนา รวมทั้งผู้รับฟังการถ่ายทอดโทรทัศน์รายการนี้ทราบว่า การแยกพิจารณาเป็นแต่ละประเด็น จะได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับระยะเวลา การแยกประเภทของบัว ตามลักษณะเฉพาะความแตกต่างออกเป็น 2 สกุลวงศ์ ตามชื่อเรียกภาษาบาลีสันสกฤต ตามที่สมาคมฯบรรยายให้ทราบแล้วนั้น พึ่งเกิดแยกสกุลวงศ์เป็นเวลาไม่เกิน 25 ปี แต่อุบลราชธานีผูกพันกับบัวมานาน ตั้งแต่ครั้งสร้าง เมืองหนองบัวลุ่มภู และ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน มีคำว่า บัว ซึ่งเป็นภาษาไทยพื้นฐาน หมายถึง บัวทุกชนิดผูกพันตามประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาลนานกว่า 250 ปี
ประเด็นที่ 2 พิจารณาจากชื่อจังหวัดและชื่อเจ้าเมือง ลำดับแรกซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี ตามประวัติศาสตร์ปรากฏว่า เจ้าคำผง ได้รับบราชทินนาม เริ่มต้นด้วยคำว่า ปทุม ดังนี้
2.1 พระเจ้าไชยกุมารองค์หลวง เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ตั้งให้เป็นที่ พระปุทมสุรราช ตำแหน่งผู้ช่วยนายกอง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2318 ก่อนที่จะเริ่มก่อตั้งเมืองอุบลฯ
2.2 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ พระปทุมราชวงศา เจ้าเมืองอุบล เมื่อ พ.ศ. 2322
2.3 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชองค์ปฐมบรมราชวงศ์จักรี เศกให้เป็นที่ พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ ครองเมือง อุบลราชธานีศรีวนาลัย เมื่อ พ.ศ. 2325 ตรงกับ ร.ศ.1
นอกจากเจ้าเมืองผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี มีราชทินนาม ปทุม นำหน้าแล้ว ต่อมา ผวจ.อบ.ลำดับที่ 14, 15 และ 20 ได้แก่ ลำดับที่ 14 อำมาตย์เอกพระยาปทุมเทพภักดี (อ่วม บุณยรัตพันธ์ พ.ศ. 2458 2465) ลำดับที่ 15 อำมาตย์โทพระยาปทุมเทพภักดี (ธน ณ สงขลา พ.ศ. 2465 2469) ลำดับที่ 20 อำมาตย์เอกพระปทุมเทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสิทธิ์ พ.ศ. 2478 2481)
มีกรณีตัวอย่างในสมัยรัชการที่ 5 สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พรบรมราชินีนาถ พระราชทานตั้งโรงเรียนมัธยมสตรี โปรดเกล้าฯให้ใช้พระนามาภิไธยย่อ ส.ผ. ปักที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของนักเรียนทุกคน กาลต่อมากระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดระเบียบให้นักเรียนมัธยมปักอักษรย่อชื่อโรงเรียน ที่เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายทุกคน ตัวอย่างเช่น โรงเรียนศึกษานารี ปักอักษรย่อ ศ.น. โรงเรียนสตรีวิทยา ปักอักษรย่อ ส.ว. โรงเรียนสายปัญญาปักอักษรย่อ ส.ป. เป็นต้น
แต่โรงเรียนราชินี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามระเบียบฯดังกล่าว คงถือปฏิบัติตามเดิมจนปัจจุบัน
ชาวอุบลราชธานี ขอขอบคุณ สมาคมผู้รักบัวแห่งประเทศไทย ที่ได้บรรยายทางวิชาการด้านความรู้เกี่ยวกับบัว ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายหลักของสมาคมฯที่เผยแพร่ฯ เพื่อขยายจำนวนผู้รักบัวให้มากมี่สุด นับว่าสมาคมฯได้บรรลุเป้าหมายอย่างงดงาม เนื่องจากอุบลราชธานี มีผู้รักบัวหนึ่งล้านแปดแสนคน ชาวอุบลฯรักบัวเป็นชีวิตจิตใจแม้แต่คำขวัญของจังหวัดอุบลฯก็เริ่มต้นด้วย เมืองดอกบัวงาม ดอกบัวเป็นพฤกษาชาติคติธรรมล้ำค่าคู่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นบัวชนิดใด เรียกขานอย่างไร จัดอยู่ในสกุลวงศ์ไหน บัวล้วนแต่มีธรรมชาติพื้นฐานลักษณาการแสดงสัจธรรมตามพุทธวจนะ บัว 4 จำพวก แห่งเวไนยสัตว์ทั้งสิ้น
เมืองแห่งดอกบัวงาม มีความหมายโดยนัย เป็นเมืองที่พระพุทธศาสนา ประดิษฐานอย่างมั่นคง ดำรงตลอดมา กว่า 200 ปี ดอกบัว คือความหมายแห่งความบริสุทธิ์ความดีงาม ความเป็นสิริมงคล ที่ชาวอุบลราชธานี มีความภาคภูมิใจยิ่ง
ภาพศาลากลางจังหวัดอุบลหลังแรกสร้างเมื่อ พ.ศ. 2461 (อายุ 92 ปี) มีรูปแกะสลักบัว ทั้งบัวสายบัวหลวงรอบผนังอาคารทั้ง 4 ด้าน เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ชาวอุบลฯมีความผูกพัน / ได้รับประโยชน์จากบัวทุกชนิดตามลักษณะงาน มาแต่โบราณกาล
ผมรู้สึกมีความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่นักปราชญ์ชาวอุบล สามารถตอบข้อสงสัยได้อย่างชัดแจ้ง ว่าทำไม สัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุบลนั้น ถึงเป็นบัวหลวง มิใช่บัวสาย เพราะบัวก็คือบัว มิได้แยก ว่าอันนี้คือบัวอันใด ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างและอุปโลกน์ขึ้น โดยมิสนใจว่า มันก็คือบัว
เหมือน บทละครจากเรื่อง โรมิโอ&จูเลียต ที่ว่า
Juliet: "What's in a name? That which we call a rose As. By any other name would smell as sweet."
Romeo and Juliet (II, ii, 1-2)
แม้กล่าวขานกุหลาบด้วยนามเช่นไร ก็ยังหอมมิคลาย
โรมิโอ และ จูเลียต (II, ii, 1-2)
หากแม้นเอ่ยนาม อุบลชาติ หรือ ปทุมชาติ ก็ คือบัวเฉกเช่นกัน
**********************************************
ตกกะใจเล็กน้อยครับ เปิดไป บล๊อกพี่ก๋า ก็เจอบัว
บล๊อก พลังบัว ของพี่ก๋า กะว่าก๋า
เปิดไปบล๊อกพี่แป๋วก็เจอบัว เช่นกัน สงสัยจะเทศกาลบัวซะนี่กระไร
บล๊อก วันละรูป - เชิญบัว ของพี่แป๋ว SevenDaffodils
ประมาณว่าโดยมิได้นัดหมายครับ แต่ผมนี่อัพช้าสุดเลย 555 แต่มิได้ตั้งใจเอาบัวมาชนนะครับ เอิก เอิก
Create Date : 16 ตุลาคม 2553 |
|
74 comments |
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 18:42:52 น. |
Counter : 6786 Pageviews. |
|
|
|
ชอบรูปที่ทำบีจีเป็นสีขาวดำ
ยิ่งขับเน้นให้ดอกบัวโดดเด่นเลยนะครับ