ตั้งแต่วันนั้น.......วันที่โลกเปลี่ยนฉัน
ผมเคยเฝ้าถามพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเสมอ
หลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่า ชายหนุ่ม ขุนเขาที่ใหญ่ยิ่ง และวินาทีสำคัญของชีวิต
เฝ้าถาม ถามและ ถาม
ว่า ผมจะมีวันอย่างนั้นบ้างไหม
ผมรู้สึกเหนื่อยและท้อกับ สิ่งรอบๆตัวเสียเหลือเกิน
จนบางครั้ง ผมเลือกที่จะ ปิดทุกอย่าง เข้าไป อยู่ใน กล่อง
กล่องในจินตนาการ ที่ ผมขดตัวอยู่ ไม่รับรู้ทุกสิ่ง
บางครั้ง ผมรู้สึกเหมือนที่เคยถือเชือก
แล้วผูกมันกับคอ ตัวเอง
และเฝ้าถาม ว่าผมมีค่าหรือไม่สำหรับโลกใบนี้
แต่ พี่ชายผมบอกว่าสักวันเราจะเข้าใจเมื่อมันมาถึง
ผม อดทน และเฝ้ารอ.....
รอ รอ รอ................ และ รอ
เมื่อไหร่วินาทีนั้นจะมาถึงสำหรับผม
รอ รอ รอ ............ และยังรอ
....
......
แต่เมื่อถึงวันๆหนึ่ง
วันที่ผมเลือก ? เลือกที่จะไม่อยู่กับความเศร้าที่มี
เลือกที่จะต่อสู้กับมัน... ความเจ็บปวดที่เราคิดว่าเราถูกทำร้าย
กลับมาทบทวนภายในจิตใจของตัวเอง
ไม่นี่... เราไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้น
บาดแผล.... มันหายไปนานแล้ว
ความเจ็บปวด.. ที่เคยมีมันหายไปนานแล้ว
เรามีคุณค่าในตัวเอง..จากสิ่งที่เราทำ
เรามีค่า..... เมื่อเราเห็นคุณค่าของตัวเรา
ถอดแว่นแห่งความเจ็บปวดที่เรายึดถือไว้ออก
โลกสดใสขึ้นมองอะไรชัดมากขึ้น
ไม่พร่างพรายไม่ด้วยน้ำตา
เศร้า เหงาโดดเดี่ยว เจ็บปวด
เป็นสิ่งที่เราคิดเองทั้งนั้น
ตั้งแต่วันนั้นเอง.......ที่เราเปลี่ยนโลก
ปล. นานมากแล้วที่ ตะพาบตัวอ้วนๆ ตัวนี้ห่างหายจากวงการ "ถนนสายนี้.....มีตะพาบ"
แต่โจทย์ครั้งนี้มันชวน ให้เขียนจริงๆๆครับ
ทั้งที่งานหนักหนาสาหัสมาก แต่ ตั้งใจว่า จะพยายามเขียนให้ได้ โจทย์ โจทย์นี้ "ตั้งแต่วันนั้น"
ขอบพระคุณพี่ๆ น้องๆ ชาวบล๊อกแก๊งทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียน ในช่วงที่ผมร้างราจากบล๊อกมิได้ขาดสม่ำเสมอจนผมอายเลย ทีเดียว
ผมอยากมอบงานเขียน ครั้งนี้ ให้กับคนที่กำลังมีความทุกข์ ท้อใจ พ่ายแพ้
มีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไป อยู่เพื่อสู้ต่อ อยู่เพื่อจะพบ
"ตั้งแต่วันนั้น......วันที่ฉันเปลี่ยนโลก(ของตัวเอง)"
ระลึก เพื่อนๆๆ พี่น้องทุกท่านเสมอ เจ้าชายขี้เซา คนเดิม
ปล. ขอบพระคุณ พี่ กะว่าก๋า ที่ถ่ายทอดเรื่องราว และ เป็นแรงบันดาลใจ ให้ผม
ถึงวินาที ที่เราคิดเปลี่ยนตัว เอง วินาทีที่เปลี่ยนชีวิต ขอบพระคุณมากๆๆครับ
.
.
.
มีแน่นอน
แต่พี่ก๋าก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
มีนิทานภาพเล่มนึงที่พี่ก๋าชอบมาก
เล่าถึงหมูตัวหนึ่งที่มีปีกงอกขึ้นมาที่กลางหลัง
แต่เพราะหมูตัวอื่นพากันบอกว่ามันบินไม่ได้
ในที่สุดปีกก็ค่อยๆลีบเล็กลง และหายไปในที่สุด
จนวันหนึ่งมีพระเจ้าหมูบินมาที่หมู่บ้าน
มันจึงค่อยๆจำได้ว่าตัวเองก็เคยมีปีก
วินาทีที่เราทุกข์มากที่สุด
หากเรามัวแต่เสียใจและทุกข์ท้อกับอารมณ์นั้นมากเกินไป
พี่ก๋าคิดว่ามันจะทำให้เราลืมไปว่า ความทุกข์ไม่มีขนาด
เพราะคนที่จะเพิ่มหรือลดขนาดของมัน
มีแต่ตัวเราเท่านั้นเอง
ถ้าเราเข้าใจได้ว่าความทุกข์เป็นสิ่งสมมติที่ตัวเราและคนอื่นสร้างขึ้น
เจ็บแค่ไหน มากเท่าไหร่
ล้วนเกิดขึ้นจากความคิดของเราทั้งสิ้น
ไม่อยากเจ็บ ก็ต้องเลิกทุกข์
ไม่ใช่เลิกคิดนะครับ ยังคิดได้
แต่ต้องรู้ให้ได้ว่าทุกสิ่งที่เราคิดมันดำรงอยู่แค่ชั่วขณะเวลา
มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป
เหมือนวันและวินาทีที่พี่ก๋าเห็นภูเขาแล้วได้รู้ว่าตัวเอง
เหมือนฝุ่นผงในจักรวาล เมื่อตัวเราเล็กลงขนาดนั้น
ขนาดความทุกข์ในใจเรามันก็เล็กตามไปด้วย
ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ที่จะหยุดเศร้า
มีสิทธิ์ที่จะเห็นคุณค่าของตนเอง
สิทธิ์นั้นเป็นของเรา
และเราคนเดียวเท่านั้นที่จะมอบสิทธิ์นั้นให้กับตนเอง