ครัวแม่เนื้ออุ่น
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 
ข้าวซอยเพื่อสุขภาพ : สูตรทดลอง



๑. หลักการและเหตุผล

ข้าวซอยเป็นอาหารทางเหนือที่ถือว่าเป็นของโปรดอย่างหนึ่งของแฟนอุ่น เวลากลับไปบ้านทีไรก็จะต้องหอบเอาพริกแกงข้าวซอยกลับมาทำให้เค้ากินทุกครั้ง แต่เนื่องด้วยเราสองคนมีปัญหาสุขภาพกันเล็กน้อย .. เอิ๊กๆ จริงๆก็ไม่เล็กเท่าไหร่ เพราะคลอเรสเตอรอลในเลือดของอุ่นน่ะ ๒๓๔ ในขณะที่แฟนอุ่นเองก็มีน้ำตาลในเลือดสองร้อยกว่า พอตั้งท่าจะทำข้าวซอย นึกภาพกะทิข้นๆแล้วก็ขนลุก แต่ถ้าทำแบบเจือจางก็ไม่อร่อยอีกน่ะซี

ตอนทำให้เค้ากินครั้งก่อน อุ่นใช้กะทิธัญพืชค่ะ อร่อยและแทบไม่ต่างจากกะทิจากมะพร้าวเลย แต่ก็ยังอยากจะใช้อะไรที่มันดีกับสุขภาพมากกว่านั้นอีก ทำกับข้าวให้คนที่เรารักนี่คะ เวลาที่เค้าตักอะไรเข้าปากแล้วเราก็รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไรนัก มันไม่ค่อยสบายใจเนอะ ยิ่งถ้าที่เค้ากำลังกินอยู่เป็นอาหารที่เราทำเองกับมือยิ่งรู้สึกผิด เหมือนเราไม่ได้พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เค้าเลย

เคยทำขนมจีนน้ำยาสูตรมังสวิรัติให้คุณแม่ทานในวันแม่ปีก่อน อุ่นใช้น้ำเต้าหู้แทนน้ำกะทิโดยที่ปั่นถั่วเหลืองผสมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความมัน ก็เลยคิดว่าน่าจะลองใช้สูตรเดียวกันมาทำข้าวซอยเพื่อสุขภาพด้วยดีกว่า อย่ากระนั้นเลย ใช้ช่วงเวลาที่แฟนหนีเราไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ลองซุ่มทำดูสักครั้งก่อนนัดให้เค้ามากินจริงๆก็ดีเหมือนกัน เผื่อมันกินไม่ได้ขึ้นมาจะได้ไม่เสียหน้านัก ฮิๆ

เครื่องปรุงมีดังนี้ค่ะ

ถั่วเหลืองซีกแช่น้ำไว้หนึ่งคืน ปริมาณก็กะๆเอา ประมาณถ้วยครึ่งมังคะ อุ่นแช่ไว้ก่อนเข้านอน พอวันรุ่งขึ้นใกล้ๆเที่ยงก็เอามาล้างน้ำอีกรอบ



๓. อกไก่ลอกหนัง กินคนเดียวเลยใช้แค่หนึ่งแพ็ค อิอิ จริงๆก็ถือว่าเยอะเนอะ ลงมือทำทั้งทีก็ต้องให้คุ้มกับการลงแรงหน่อยจิคะ เก็บไว้กินหลายๆมื้อ



๔. น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง อุ่นใช้ตรานางพยาบาลค่ะ จริงๆชื่อยี่ห้อ OHAYO ใช่ไหมคะ แต่เรียกทีไรก็เรียกน้ำเต้าหู้ตรานางพยาบาลทุกที ใช้รสจืดนะคะ



๕. ผงกะหรี่เล็กน้อย



๖. พริกแกงข้าวซอย ฮิๆ ประกาศให้โลกรู้ซะเลยว่าเรามันเป็นสาวเจียงฮาย ไม่รู้ว่าในกรุงเทพจะหาซื้อได้ที่ไหน ไม่เคยใช้ของโลโบที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยสิคะ ไม่รู้ว่าจะอร่อยรึเปล่า



๗. หลังซองมีวิธีทำบอกไว้อีกต่างหาก ฮิๆ ดูเหมือนง้ายง่ายเนอะ แต่พอลงมือทำก็เหงื่อแตกพอสมควร



๘. บะหมี่ฝอยทอง จริงๆข้าวซอยต้องใช้เส้นบะหมี่เหลืองๆแบนๆใช่ไหมคะ อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวง่ะ ชอบกินอะไรที่มันเป็นเส้นเล็กๆ กินก๋วยเตี๋ยวก็ต้องสั่งเส้นหมี่ กินสปาเกตตี้ก็ขอเป็น Angle Hair ถ้าจะกินบะหมี่ก็เลยขอเป็นบะหมี่ฝอยทองแบบนี้แหละ ทำกินเองก็เลือกตามแบบที่ชอบได้อย่างนี้แหละเนอะ



๙. ซุปไก่ก้อนคนอร์สูตรไม่ใส่ผงชูรส



๑๐. ใช้สักสองก้อนก็แล้วกัน



๑๑. น้ำตาลเทียม .. แหะๆ ด้วยความที่การใช้น้ำเต้าหู้แทนกะทินั้น มันจะไม่ได้รสหวานตามธรรมชาติเหมือนเวลาเราเคี่ยวกะทิ ก็เลยต้องมีตัวช่วยเล็กน้อย แต่ครั้นจะใช้น้ำตาลทรายธรรมดา เค้าของอุ่นก็กำลังควบคุมน้ำตาลในเลือดอยู่นี่นา อีกอย่าง อุตส่าห์เลือกใช้น้ำเต้าหู้ทั้งที ถ้าสุดท้ายก็ใส่น้ำตาลทรายปรุงรสอีก มันก็ไม่มีความหมายน่ะสิคะ เลือกใช้ยี่ห้อ D-et เพราะเป็นน้ำตาลเทียมที่สามารถใช้ปรุงอาหารร้อนบนเตาได้ บางยี่ห้อทำไม่ได้ค่ะ



๑๒. ใช้สักสองซอง



๑๓. น้ำมันมะกอก เอาไว้ผัดกับพริกแกง



๑๔. แค่นี้ล่ะค่ะเครื่องปรุง หมดละ ด้วยเพราะอุ่นลองทำแบบทดลองๆ ก็เลยไม่ได้ซื้อเครื่องเคียงอันได้แก่ ผักกาดดอง หอมแดง และผักชีมาด้วย รวมทั้งไม่ได้ทอดหมี่กรอบไว้โรยหน้าด้วยค่ะ ทำกินคนเดียวก็เลยไม่มากเรื่องค่ะ

เอาถั่วเหลืองที่เราแช่และล้างน้ำเรียบร้อยใส่ในหม้อหุงข้าวแล้วเติมน้ำ ในรูปเติมน้ำน้อยไปหน่อยนะคะ สุดท้ายต้องเติมน้ำลงไปอีกตั้งเยอะแน่ะ



๑๕. เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวแล้วกดหุงเหมือนหุงข้าวตามปกติเลย



๑๖. แล้วเราก็หันมาหั่นไก่เป็นชิ้นๆ



๑๗. หมักด้วยผงกะหรี่และน้ำเต้าหู้เล็กน้อย ก็อยากให้เนื้อไก่มีรสนี่นา แงๆ อย่าว่าเค้านะ



๑๘. คลุกเคล้าให้เข้ากัน



๑๙. หยิบบะหมี่ออกจากถุงมาสองก้อน กะๆแค่พอให้อิ่มท้องตามลำพัง



๒๐. ดูบะหมี่ฝอยทองสิคะ เส้นเล้กเล็ก ชอบจังเลย อิอิ



๒๑. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือเล็กน้อย



๒๒. เอากะละมังใส่น้ำเย็นมาตั้งไว้ข้างๆด้วย



๒๓. เอาเส้นบะหมี่ลงไปลวก ใช้ตะเกียบเขี่ยไปเขี่ยมา



๒๔. พอเส้นเริ่มใสก็ตักขึ้นแช่น้ำเย็นเพื่อคลายความร้อน เส้นจะได้ไม่สุกเกินไป



๒๕. ตักขึ้นใส่กระชอน (ในห้องของอุ่นมีแค่ตะกร้า) คลุกน้ำมันมะกอกเล็กน้อย พักไว้



๒๖. หันมาดูถั่วเหลืองในหม้อหุงข้าว ยังไม่ค่อยเปื่อยได้ใจเท่าไหร่เลยค่ะ ใจจริงอยากจะต้มต่อให้นานกว่านี้ แต่ไม่ไหวแล้ว ผู้ทำการทดลองเริ่มหิวจนหน้ามืด ร่ำๆจะกินบะหมี่คลุกน้ำมันมะกอกโรยพริกไทยให้จบๆมื้อไปอยู่แล้ว รีบลงมือทำก่อนที่เส้นความอดทน (ต่อความหิว) จะขาดผึง



๒๗. นำถั่วเหลืองที่เราต้มแล้วใส่เครื่องปั่น เติมน้ำเต้าหู้ตามลงไปแค่พอท่วม จากนั้นก็ปั่นๆๆให้ละเอียด



๒๘. จนเหมือนครีมข้นๆแบบนี้



๒๙. ตั้งกระทะ และเทน้ำมันมะกอกลงไป



๓๐. นำพริกแกงข้าวซอยลงไปผัดให้หอมฉุย



๓๑. หอมได้ที่แล้วก็เอาไก่ใส่ลงไปผัดด้วย ผัดแค่พอสุก แค่ให้ผิวตึงๆก็พอค่ะ



๓๒. เทน้ำเต้าหู้ลงไปแค่พอท่วมไก่



๓๓. ตักครีมถั่วเหลืองที่เราปั่นไว้ตามลงไปหนึ่งถึงสองทัพพีแล้วแต่ว่าต้องการให้แกงข้นมากข้นน้อย แต่รู้สึกว่าอุ่นจะมือหนักไปค่ะ น้ำแกงเลยข้นไปนิด



๓๔. คนๆๆ ให้เข้ากัน มาถึงขั้นตอนนี้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เออ .. หน้าตาก็ละม้ายคล้ายแกงกะทิเหมือนกันนิเนอะ



๓๕. ดูสิคะ ใส่ครีมถั่วเหลืองเยอะไปหน่อย น้ำแกงข้นคลั่กเลย



๓๖. พอน้ำแกงเดือดแล้ว ใส่ซุปก้อนคนอร์ลงไปสองก้อน



๓๗. น้ำตาลเทียม เติมลงไปทีละซอง ค่อยๆชิม ค่อยๆปรุงให้ได้อย่างที่ชอบ



๓๘. หากเค็มน้อยไปแนะนำให้เติมเกลือดีกว่าน้ำปลาค่ะ เพราะน้ำปลาจะทำให้น้ำแกงมีกลิ่นคาว หากชอบกลิ่นน้ำปลาจริงๆ เก็บไว้ใส่เพิ่มตอนทานดีกว่า



๓๙. กว่าจะเสร็จ คนทำเกือบจะเป็นลม หิวจนมือสั่น ตักน้ำแกงข้าวซอยราดบะหมี่ที่เตรียมไว้ในถ้วย



๔๐. สรุปผลการทดลองได้ดังนี้

๑. การใช้น้ำเต้าหู้แทนน้ำกะทินั้น ให้รสชาติอร่อยได้ไม่ต่างกันเลยค่ะ เพราะแม่เนื้ออุ่นกินมื้อเดียวเกือบเกลี้ยงกระทะแน่ะ แหะๆ

๒. การหมักไก่ให้มีรสชาติเข้าเนื้อนั้น จริงๆถ้าเคี่ยวนานอีกหน่อยก็ได้เหมือนกัน แต่เพราะอุ่นใจร้อนเลยใช้ผงกะหรี่หมักแทน เพิ่งเกิดดวงตาเห็นธรรมตอนนั่งกินว่า คราวหลังแบ่งพริกแกงผสมน้ำเต้าหู้หมักแทนน่าจะดีกว่าผงกะหรี่เนอะ

๓. การปั่นครีมถั่วเหลืองเพิ่มความมันให้ข้าวซอยนั้น ไปๆมาๆกลับไม่ค่อยเหมาะกับข้าวซอยเท่าไหร่ เหมาะกับขนมจีนน้ำยามากกว่า เพราะมันทำให้น้ำแกงข้นเหมือนๆกับเวลาเราตำเนื้อปลาผสมลงไปในน้ำยา พอเราทำข้าวซอยให้มันข้นเกินไปแล้ว ผลออกมาคือ

...

ข้าวซอยสูตรทดลองของอุ่น มีหน้าตาเหมือนขนมจีนน้ำยาเด๊ะๆเลยน่ะสิคะ ๕๕๕ อยากหัวเราะเป็นภาษามะนาวต่างดุ๊ด T_T



๔๑. ถ้าจะทำให้แฟนกินจริงๆ สงสัยจะใช้กะทิธัญพืชเหมือนเดิมล่ะค่ะ เรื่องใช้น้ำเต้าหู้คงต้องฝึกปรือฝีมืออีกหน่อย เพิ่งไปเปิดเจอในนิตยสารชีวจิตฉบับวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ให้เคล็ดลับการใช้น้ำเต้าหู้ปรุงอาหารชีวจิตไว้ว่า

“เวลาปรุงอาหารควรใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆเคี่ยวน้ำเต้าหู้ให้แตกมัน ถ้าต้องการเพิ่มความเข้มข้น สามารถเติมข้าวอาร์.ซี. ปั่นลงไปผสมได้ด้วยค่ะ แต่ต้องระวัง อย่าใส่มากจนเกินไปเพราะจะได้รสชาติของข้าวมากกว่ากะทิแบบชีวิตนะคะ”

อ้อๆๆ น้ำเต้าหู้แตกมันได้ด้วยหรือ เพิ่งรู้แฮะ ไว้วันหลังลองทำกับเมนูใหม่ดีกว่า แต่สำหรับเมนูนี้ ขอจบการทดลองแต่เพียงเท่านี้ค่ะ แม่เนื้ออุ่นขอน้อมรับคำแนะนำและคำวิจารณ์จากผู้เข้าเยี่ยมชมบล็อคกับข้าวชาวหอทุกคนนะคะ จะได้ทำกับข้าวมื้อต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ

ก่อนจาก ขอป้อนข้าวซอยสูตรสุขภาพที่หน้าตาเหมือนขนมจีนน้ำยาให้ทุกคนได้ชิมกันนะคะ รสชาติไม่น่ากลัวหรอกค่ะ อร่อยดีเหมือนกัน ไหนคะ .. ใครจะเป็นหน่วยกล้าตายมาลองชิม อ้ามมมม









Create Date : 21 มิถุนายน 2549
Last Update : 21 มิถุนายน 2549 22:10:56 น. 5 comments
Counter : 5064 Pageviews.

 
งั่มๆๆๆๆ ตะกี้ได้แกงจืดแตงกวา ตอนนี้มาลองข้าวซอย สูตรทดลอง อิอิ


สีน่าหม่ำมั่กๆๆๆๆๆๆ


โดย: Malee30 วันที่: 21 มิถุนายน 2549 เวลา:23:12:16 น.  

 
คู่แฝดกับขนมจีนน้ำยา...เผลอๆ ก็คืออันเดียวกัน
หน้าตาจะยังไงก็ช่างเหอะ..อยากชิมรสชาติมากกว่าอ่ะค่ะ


โดย: mooghoi (A Big tarepanda ) วันที่: 22 มิถุนายน 2549 เวลา:10:24:19 น.  

 
ฮ่า ๆๆ

และแล้วข้าวซอยก็แปลงร่าง

แต่ยังงัยก็ขอปรบมือให้แม่ครัวคนเก่ง

หุหุ เป็นหนู หนูไม่ทำหรอก แค่คิดก็ผิดแล้ว

^^_^^


โดย: เลือกหรือไม่เลือกก็ได้ วันที่: 25 มิถุนายน 2549 เวลา:12:24:36 น.  

 
น้ำลายหยดแล้ว


โดย: เอ๊กกี่ วันที่: 31 ธันวาคม 2549 เวลา:21:29:15 น.  

 
ข้าวซอยเพื่อสุขภาพ ขอบคุณสูตรค่า


โดย: สมาชิกหมายเลข 3445422 วันที่: 12 พฤษภาคม 2563 เวลา:11:15:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่เนื้ออุ่น
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ถ้าใครมีคำถามอยากพูดคุยแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะกับเมนูที่ไม่ได้โพสต์เป็นหน้าแรกของบล็อก รบกวนส่งข้อความมาทางหลังไมค์ดีกว่านะคะ เพราะอุ่นจะไม่ได้เข้าไปดูบล็อกหน้าเก่าๆ ว่ามีใครฝากคำถามใหม่ๆ เอาไว้หรือไม่ กว่าจะได้เข้าไปดู บางทีก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน -_-

หรือถ้าไม่มีล็อกอินพันทิป ส่งหลังไมค์ไม่ได้ ก็รบกวนฝากคำถามไว้ที่หน้าแรกของบล็อกนะคะ อุ่นจะได้เห็นและตอบได้ทันใจค่า
Friends' blogs
[Add แม่เนื้ออุ่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.