|
โครงการ F-35 มีค่าใช้จ่ายพุ่งไปถึง 382 พันล้านเหรียญ/ราคาค่าตัวมากกว่า 92.4 ล้านเหรียญ
เพนตากอนออกการคาดการณ์จำนวนเงินที่ต้องใช้ในโครงการ JSF หรือการพัฒนา F-35 ออกมาใหม่แล้วครับ โดยเพิ่มจากเดิมเป็น 382,000,000,000 เหรียญสหรัฐ
ย้ำว่านั่นคือหน่วยเหรียญสหรัฐนะครับ ซึ่งถ้าคูณออกมาเป็นเงินบาทไทย ก็จะตกที่ 12,224,000,000,000 หรือ 12 ล้าน 2 แสน 2 หมื่น 4 พัน ล้านบาท แค่นับศูนย์ก็ตาลายยยยยแล้วครับ
ในตอนแรก โครงการ JSF คาดหวังที่จะพัฒนาเครื่องบินราคาถูกให้สำหรับประเทศพันธมิตรทั่วโลกจัดหาไปใช้งาน โดยมีราคาต่อตัวราว 40 - 50 ล้านเหรียญ
แต่ถึงวันนี้ อาจจะต้องเปลี่ยนเป็น โครงการที่คาดหวังจะพัฒนาเครื่องบินราคาแพงให้พันธมิตรที่ร่ำรวยเท่านั้นจัดหาไปใช้ เพราะจำนวนราคาต่อตัว ย้ำว่าตัวเปล่า ๆ ในการประมาณการณ์ล่าสุดในปี 2002 คือ 92.4 ล้านเหรียญสหรัฐ .... แล้วนี่ก็ปี 2010 แล้วด้วยครับ
นอกจากคนที่ดูห่วง ๆ อย่างห่วง ๆ (ว่าชาตินี้ตรูจะมีปัญญาหามาใช้ไหม) อย่างประเทศของเรา ประเทศผู้เข้าร่วมโครงการ หรือแม้แต่ประเทศเจ้าของโครงการเองก็ปวดหัวไม่น้อยทีเดียวกับราคาที่วิ่งเอา ๆ แบบนี้
วิ่งฉิวขนาดไหน ก็ลองคิดดูว่า ประเมินในเดือนมิถุนายนนี้ ต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นจากการประเมินในเดือนกุมพาพันธ์ที่เพิ่งผ่านมาถึง 54.2 พันล้านเหรียญ
เครียดครับ ถ้าผมเป็นคนทำโครงการผมก็เครียด และเอาเข้าจริงก็ยังไม่มีใครรู้แน่ ๆ ว่าราคาจะไปหยุดวิ่งตรงไหน เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายและความล่าช้าเพิ่มเติมขึ้นมาไหม
แต่โครงการนี้มันเป็นโครงการที่กลายเป็น "ล้มเหลวไม่ได้" เนื่องมาจากสหรัฐยกเลิกสายการผลิต F-22 ไปแล้วด้วยเหตุผลด้านราคาที่สูงเกินไปจนสู้ไม่ไหวทั้ง ๆ ที่ผลิดมาได้เพียง 167 ลำ F-35 จึงเป็นสายการผลิตเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 อันเดียวที่ยังมีอยู่ ไม่นับคู่แข่งใหม่ ๆ อย่าง T-50 PAK-FA ของรัสเซียที่เพิ่งขึนบินไปได้ไม่นาน
แต่การพัฒนาประสบปัญหามากมาย เพราะนอกจากการล่าช้าที่กินเวลาหลายปีแล้ว การทดสอบการบินของเครื่องบินต้นแบบก็ยังแทบจะไม่คืบหน้าไปสักเท่าไหร่ เพราะขนาดบินกันโครม ๆ ขนาดนี้ โครงการยังทำการบินทดสอบไปได้ไม่ถึง 10% เลย นั่นหมายถึงต้องบินทดสอบกันอีกนาน และราคาก็ดีดขึ้นไม่มีหยุด ทั้งค่าใช้จ่ายในการพัฒนา ค่าวัสดุอุปกรณ์ ไปจนถึงค่าอุปกรณ์สนับสนุนต่าง ๆ
ตรงนี้มีประเด็นต้องคิดครับ เพราะมีกฏหมายที่เกี่ยวข้องอยู่คือกฎหมายที่ชื่อ Nunn-McCurdy (ตั้งชื่อเล่นของกฏหมายนี้ตามวุฒิสมาชิกและสส.ที่เป็นคนเสนอเพื่อเป็นการให้เกียรติครับ เป็นวัฒนธรรมของสหรัฐเอง) กฏหมายนี้ออกมาตั้งแต่ปี 1982 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอาวุธของสหรัฐสูงขึ้นทุกที โดยกฏหมายกำหนดว่าโครงการพัฒนาที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่าประมาณการ 15% ต้องแจ้งต่อสภาคองเกรสให้ทราบ และถ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 25% แล้วจำเป็นต้องหยุดดำเนินโครงการ ยกเว้นแต่ว่ารัฐมนตรีกลาโหมจะส่งรายงานที่บ่งบอกถึงความสำคัญของโครงการต่อความมั่นคงของสหรัฐ หรือไม่มีทางเลือกอื่นที่ถูกกว่านี้อีกแล้ว นอกจากนั้นยังต้องให้เหตุผลสนับสนุนถึงค่าใช้จ่ายของโครงการที่ประเมินใหม่ว่าสมเหตุสมผลและมีการปรับปรุงการบริหารโครงการให้เหมาะสม
โครงการ JSF ก็ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฏหมาย Nunn-McCurdy มาหลายรอบแล้วครับ เพราะโครงการมีค่าใช้จ่ายเกินมาจากที่ประเมินไว้กว่า 64% เมื่อเทียบกับการประเมินตอนที่เพนตากอนลงนามกับ Lockheed Martin เมื่อ 9 ปีก่อน ในรอบล่าสุดเพนตากอนก็ยืนยันว่า ไม่มีทางเลือกที่ถูกกว่านี้อีกแล้วในการพัฒนาและจัดหาเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 รวมถึงที่ผ่านมาก็มีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารโครงการหลายครั้ง นายพลหลายคนถูกเด้งเพราะทำงานได้ไม่ตามเป้า Lockheed Martin ถูกวิจารณ์และสั่งให้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน มิฉะนั้นคองเกรสจะลดงบประมาณในการพัฒนารวมถึงงบในการจัดหาลง
ไม่ใช่แต่เฉพาะสหรัฐเท่านั้นครับ ประเทศอื่นก็ปวดหัวเหมือนกัน นอกจากจะปวดหัวกับราคาค่าตัวของ F-35 ที่เอาเข้าจริงก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันจะวิ่งไปสุดที่เท่าไหร่กันแน่ ก็ยังปวดหัวกับความล่าช้า และปวดหัวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจจะน้อยกว่าที่เคยตกลงกันไว้
ยกตัวอย่างที่นอร์เวย์ครับ นอร์เวย์เป็นประเทศที่เข้าร่วมในโครงการ JSF ด้วย แต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาเปิดการแข่งขันการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ โดยมี F-35, F/A-18E/F, และ Gripen NG เข้าแข่ง แม้ว่าสุดท้าย F-35 จะได้รับเลือกและหลายคนมองว่าการแข่งขันของนอร์เวย์เป็นเหมือนกับการปั่นกระแสและเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับนอร์เวย์ในการเรียกข้อเสนอจากสหรัฐมากกว่า แต่นอร์เวย์ก็ทำสำเร็จเหมือนกันครับ
นั่นคือ Lockheed Martin ก็หน้ามืดแล้วเหมือนกันครับ เพราะนอร์เวย์ร่ำ ๆ ว่าถ้าไม่ได้โน่นได้นี่อาจจะเปลี่ยนไปเลือก F/A-18E/F หรือ Gripen NG แทน Lochkeed Martin ก็อ่านใจไม่ได้แน่ ๆ ว่านอร์เวย์จะเอาจริงหรือหลอก แต่ยังไง Lockheed Martin ยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้นอร์เวย์ออกจากโครงการไป เพราะนอร์เวย์คือหนึ่งในชาติที่เป็นผู้ร่วมโครงการ JSF ดังนั้นมีอะไรก็จะประเคนให้หมด แม้ว่าจะขายเครื่องบินขาดทุนก็ตาม เพราะ Lockheed Martin สัญญาว่ายังไงก็จะขาย F-35 ให้นอร์เวย์ในราคา 53 ล้านเหรียญครับ
ความจริงที่จะชี้ให้เห็นตรงนี้ก็คือ ไม่ใช่อาวุธหรือเครื่องบินสหรัฐไม่ดีนะครับ F-35 นี่ดีมากทีเดียว แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็คือ ความผิดพลาดในการบริหารโครงการของสหรัฐที่ล้มเหลวมากกว่าสำเร็จในระยะหลัง ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลครับ โครงการ F-22 นี่แหละ ที่ไป ๆ มา ๆ ราคาก็พุ่งสูงขึ้นจนแม้แต่สหรัฐก็จ่ายเงินจัดหาไม่ไหว จากความต้องการ 800 กว่าลำ เหลือการผลิตจริงเพียง 167 ลำในเวลาพัฒนา 20 ปีแต่เปิดสายการผลิตเพียง 5 ปีเท่านั้น แน่นอนมันคือเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก แต่ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้ ก็น่าเป็นห่วงว่าจะเพียงพอต่อการปฏิบัติงานของกองทัพสหรัฐหรือไม่
สำคัญตรงนี้แหละครับ
อ่านเพิ่มเติม
"โครงการเครื่องยนต์ทางเลือกของ F-35"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=20-10-2009&group=1&gblog=88
อ้างอิง
DATE:03/06/10
SOURCE:Flight International
US Department of Defense raises F-35 cost estimate to $382 billion
By Stephen Trimble
The US Department of Defense has raised the cost estimate for the 35-year F-35 Joint Strike Fighter programme to more than $382 billion, but offered Lockheed Martin a vote of confidence by recertificating its acquisition strategy for the pivotal stealth fighter to Congress.
Recertification is legally required to spare the programme from an early termination, despite overall cost projections having grown by 64% compared with the estimate made when Lockheed won the contract nine years ago.
If the DoD buys all 2,457 jets planned until 2035, the average cost per aircraft rises to $92.4 million in 2002 values, or $133 million if adjusted for inflation each year up to 2035. This is roughly double the average cost across all three F-35 variants that the Pentagon projected in 2001.
But the DoD's mandatory review under the Nunn-McCurdy law determined that no cheaper options existed to meet the F-35 requirement, and that a major restructuring unveiled in February has created a new set of feasible cost and schedule targets.
However, Ashton Carter, undersecretary of defense for acquisition, technology and logistics, is concerned about Lockheed's ability to manage the programme.
In a 1 June letter to Republican congressman Ike Skelton, chairman of the House Armed Services Committee, Carter warns that Lockheed's failure to comply with the DoD's standards for managing vast projects is "disappointing and unacceptable".
The new flight-test schedule, which is extended by 13 months, includes "42 areas of concern" that can cause further delays if they are not fixed, Carter adds.
The galloping cost projections in the recertification report are likely to raise the most alarms. The $382 billion figure is nearly $54.2 billion higher than the DoD reported in February, which itself was about $30 billion more than previously forecast in 2007.
A senior Lockheed executive, however, says the company's own cost estimates are 20% lower than the DoD's new total.
Lockheed also plans to stem future increases by moving to a fixed-price incentive contract later this year, two years earlier than previously planned. The company will assume most of the risk for any new increases on the costs of manufacturing future production aircraft for all three variants.
Lockheed is also working to restore confidence in its slowed flight-test programme. Test pilots had completed 93 sorties through the end of May, or three more than planned.
A key event - the first flight of the programme's first F-35C carrier variant aircraft, CF-1 - is expected in early June. The aircraft's entrance into the flight-test programme has been delayed by more than eight months.
//www.flightglobal.com/articles/2010/06/03/342712/us-department-of-defense-raises-f-35-cost-estimate-to-382-billion.html
| Create Date : 06 มิถุนายน 2553 |
|
10 comments |
| Last Update : 6 มิถุนายน 2553 13:25:48 น. |
| Counter : 8062 Pageviews. |
|
 |
|
แพงจังเหม่งน่าจะซื้อมาขายมั่ง
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [