life of gone...ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าเสมอ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 พฤศจิกายน 2562
 
All Blogs
 

พกถุงผ้าพาขึ้นดอย...เที่ยวเชียงรายหน้าฝน ตอนที่ ๔ เที่ยวเชียงแสน

สวัสดีค่ะ 

              เข้าสู่ทริปเชียงรายตอนที่ ๔ แล้วนะคะ ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 25 สิงหาคม หลังจากออกจากเชียงของ จุดหมายต่อไปคือ อำเภอเชียงแสนค่ะ วันนี้สาวจะพาเที่ยวเชียงแสนกัน

ประวัติความเป็นมา :

ประวัติศาสตร์ อำเภอเชียงแสน ตามสภาพของเมืองเก่า ประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงแสนปรากฏอยู่ในเอกสารตำนานหลายฉบับ ซึ่งเรื่องราวส่วนใหญ่จะมีความคล้ายกัน โดยปรากฏเรื่องราวของชุมชนโบราณในเขตที่ราบลุ่มจังหวัดเชียงราย ในระยะก่อนสร้างเมืองเชียงแสน ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มต้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 17 จากการที่พระเจ้าสิงหน วัติกุมารได้อพยพลง มาจากนครไทยเทศ ซึ่งอยู่ในทางตอนเหนือล่องมาตามแม่น้ำโขงและมาตั้งบ้านเมืองขึ้น ชื่อว่า นาคพันธ์สิงหนวัตินคร ในแผ่นดินของพระเจ้าสิงหนวัติกุมารนั้นได้มีการรวบรวมดินแดนให้เป็นปึกแผ่นได้รวมเอาชาวมิลักขุและปราบปรามพวกกลอมหรือขอมให้อยู่ใต้อำนาจ

หลังจากนั้นก็ได้มีกษัตริย์ หลายพระองค์ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ สืบมาจนกระทั้งถึงรัชการพระเจ้ามหาชัยชนะก็เกิดอาเพศ จนบ้านเมืองล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำต่อมาได้ปรากฏเรื่องรวมอีกช่วงหนึ่ง เป็นส่วนที่กล่าวถึงปู่เจ้าลาวจกหรือลวจังกราชว่าได้ลงมาจากยอดภูเขา และได้สถาปนาเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์ลวจังกราช ขึ้นปกครองแว่นแคว้นไชยวรนครเชียงราวหรือแคว้นโยนกซึ่งก็คือบ้านเมืองในบริเวณที่ราบลุ่มจังหวัดเชียงรายทุกวันนี้ ต่อมาได้สร้างเมืองหิรัญนครเงินยางและมีการขยายชุมชนออกไปโดยรอบ ได้มีการสร้างเมืองเชียงราย เมืองเชียงของและขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง กษัตริย์ในราชวงค์ลวจังกราชได้สืบราชสมบัติติดต่อกันมาหลายพระองค์

จนกระทั่งถึงรัชกาลของพระเจ้ามังรายจึงได้รวบรวมบ้านเมืองในแคว้นโยนกจนเกิดเป็นปึกแผ่นทรงสร้างเมืองเชียงรายและเสด็จ ไปประทับอยู่ที่เมืองเชียงราย ต่อมาทรงยกทัพไปตีแค้วนหริภุญไชยได้ และสถาปนาอาณาจักรล้านนาขึ้นพร้อม ๆ กับการสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็นราชธานีใน พ.ศ. 1839 สำหรับเรื่องราวของเมืองเชียงแสนนั้น มีหลักฐานปรากฏอยู่ในเอกสารอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพระเจ้ามังราย ทรงสร้างเมืองขึ้นบริเวณซากเมืองรอยเก่าริมฝั่งแม่น้ำโขงเมื่อ พ.ศ. 1871 และขนานนามว่าเมืองหิรัญนครชัยบุรีศรีช้างแสน ซึ่งก็เชื่อกันว่าเมืองรอยเก่านั้นก็คือเมืองหิรัญนครเงินยางนั้นเอง หลังจากที่พระเจ้าแสนภูได้ขึ้นมาครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่แล้วต่อมาทรงย้ายมาอยู่ที่เมืองเชียงแสนตลอดพระชนม์ชีพ และกษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมาคือพระเจ้าคำฟู ก็ประทับที่เมืองเชียงแสน

สาเหตุที่พระเจ้าแสนภูสร้างเมืองและประทับอยู่เมืองเชียงแสนนั้นเพราะเป็นเหตุผลด้าน ยุทธศาสตร์ในการป้องกันข้าศึกที่มาทางด้านเหนือและเพื่อควบคุมหัวเมืองต่าง ๆ ของล้านนาตอนบนไว้ให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจ ด้วยเหตุนี้ในสมัยล้านนาตอนต้นศูนย์กลางของอาณาจักรและพระศาสนา จึงอยู่ที่เมืองเชียงแสน ดังนั้นจึงปรากฏมีร่องรอยโบราณสถานในสมัยล้านนา ตอนต้นอยู่ในเขตเมืองเชียงแสนค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามตอนปลาย พุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยของพระเจ้าผายูกษัตริย์ราชวงค์มังรายลำดับที่ 7 ได้กลับไปประทับที่เมืองเชียงใหม่ แต่เมืองเชียงแสนก็ยังมีความสำคัญ ในเขตล้านนาตอนเหนือตลอดมา ในช่วงเวลาที่ล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า

ในพ.ศ.2244 พม่าได้แบ่งแยกการปกครองล้านนาออกเป็น 2 ส่วน เพื่อป้องกันกบฏส่วนแรกได้แยกเมืองเชียงแสนออกจากอำนาจของเมืองเชียงใหม่ให้เมืองเชียงแสนได้ขึ้นตรงต่อกรุงอังวะ ถือเป็นประเทศราชมณพลหนึ่งและอยู่ภายใต้อำนาจของข้าราชการพม่าโดยตรง โดยให้เมืองต่าง ๆ เหล่านี้ คือ เมืองกาย เมืองไร เมืองเลน เมืองแหลว เมืองพยาก เมืองเชียงราย และเมืองหลวงภูคา เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองนครลำปาง เมืองฝาง เมืองสาด เมืองเชียงของ และเมืองเทิง ขึ้นอยู่กับเมืองเชียงแสน ส่วนเมือที่เหลือขึ้นอยู่กับเมืองเชียงแม่ในช่วงเวลานี้ฐานนะของเมืองเชียงแสน ได้มีความสำคัญขึ้นอีกครั้งและได้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของพม่าในการควบคุมบ้านเมืองและดินแดนล้านนา พม่าควบคุมเมืองเชียงแสนไว้

จน พ.ศ.2347 พระยากาวิละเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่กับกรมหลวงเทพหริรักษ์กับพระยายมราชได้ยกทับเข้าตีเมืองเชียงแสนได้สำเร็จ และได้กวาดต้อนผู้คนจำนวน22,000 ครอบครัวจัดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ย้ายถิ่นฐานในเมืองต่าง ๆ ของล้านนา เช่นเชียงใหม่ นครลำปาง นาน และเวียงจันทร์ อีกกลุ่มหนึ่งส่งไปยังเมือง กรุงเทพซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ ตำบลเสาให้ จ.สระบุรี และที่ ต.คูบัว จ.ราชบุรี ต่อนั้นเมืองเชียงแสนจึงกลายเป็นเมืองร้าง จนกระทั้งรัชการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯให้เจ้าอินทวิไชย บุตรเจ้า บุญมา เจ้าผู้ปกครองเมืองลำพูน นำราษฎรชาวงเมืองลำพูน และราษฎรชาวเมืองเชียงใหม่จำนวน ประมาณ 1,500 ครอบครัว ขึ้นไปตั้งถิ่นฐาน และฟื้นฟูเมืองเชียงแสนและได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชเดช ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเชียงแสน เมืองเชียงแสนจึงได้ฟื้นฟูนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประมาณ

พ..ศ. 2442 ได้มีการย้ายศูนย์การปกครอง ไปอยู่ที่ ต.กาสา ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอแม่จัน ตั้งเป็นอำเภอขึ้นต่อจังหวัดเชียงราย ส่วนเมืองเชียงแสนยุบลงเป็นกิ่งอำเภอเชียงแสนหลวง และต่อมาได้เป็นอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อพ.ศ. 2500 มาจนทุกวันนี้

 

ประวัติที่ป้ายค่ะ





จุดแรกที่เราเที่ยว คือ วัดพระธาตุผาเงา เชียงแสน


 

วัดพระธาตุผาเงา  ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงกันข้ามกับประเทศลาว อยู่ในหมู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน อยู่ทางทิศใต้ของตัวอำเภอเชียงแสนประมาณ 3 กม. หรืออยู่ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15 กม. มีพื้นที่ทั้งหมด 743 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็กๆ ทอดยาวลงมาตั้งแต่บ้านจำปี ผ่านบ้านดอยจันและ มาสิ้นสุดที่บ้านสบคำ แต่ก่อนเขาเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคำ” แต่มาภายหลังชาวบ้านเรียกว่า “ดอยจัน” 

ชื่อของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงาที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงาก็คือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และทำให้ร่มเงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า “พระธาตุผาเงา” ความจริงก่อนที่จะย้ายวัดมาที่นี่ เดิมมีชื่อว่า “วัดสบคำ” ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งน้ำได้พังทลายลง ทำให้บริเวณ ของวัดพัดพังลงใต้น้ำโขงเกือบหมดวัด คณะศรัทธาจึงได้ย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่บนเนินเขา ซึ่งไม่ไกลจากวัดเดิม
ประวัติ ในช่วงสมัยของอาณาจักรโยนก วัดร้างแห่งนี้กำลังอยู่ในช่วงที่เจริญรุ่งเรืองสุดขีด สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นวัด ที่สำคัญและ ประจำกรุงเก่าแห่งนี้ก็เป็นได้ จะเห็นได้ ว่าพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงาที่ขุดค้นพบแห่งนี้ถูกสร้างและฝังอยู่ใต้ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ (พระประธาน) จะปิดบังซ่อนเร้นกลัวถูกโจรกรรมจากพวกนิยมสะสม ของเก่า ตอนแรกได้สันนิษฐานว่าบริเวณเนินเขาเล็กๆ ลูกนี้ที่กำลังแผ้วถางอยู่นี้จะต้องเป็นวัดเก่าแน่ เพราะได้พบเห็นซากโบราณวัตถุ ุกลาดเกลื่อนไปทั่วบริเวณในเดือนกุมภาพันธ์ 2519 จึงได้ลงมือแผ้วถางป่า แต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถ้ำ เรียกว่า ถ้ำผาเงา ปากถ้ำถูกปิดไว้นาน ทำให้บริเวณแห่งนี้เป็นป่ารก เต็มไปด้วย ซากโบราณวัตถุกระจัดกระจายอยู่กลาดเกลื่อน การค้นพบพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2519 เวลา 14.00 น. เมื่อคณะศรัทธาได้ปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างตื่นเต้นและปีติยินดีเมื่อ ได้พบว่าใต้ตอไม้นั้น (หน้าฐานพระประธาน) มีอิฐโบราณก่อเรียงไว้ เมื่อยกอิฐออกก็พบหน้ากาก จึงได้พบพระพุทธรูป มีลักษณะสวยงามมาก ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณวัตถุได้วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง 700-1,300 ปี คณะทั้งหมดจึงได้พร้อมกันตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดพระธาตุผาเงา” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 
ที่มาของชื่อวัด





พระประธานในโบสถ์




ด้านนอก





ฝั่งโน้นน่าสนใจ แต่สาวไม่ได้เดินไป





ที่พระธาตุผาเงาสาวถ่ายรูปมาไม่เยอะ อยากเที่ยวหลาย ๆ แห่ง





ไว้ไปจุดต่อไปกันค่ะ





เราจะไปเที่ยวที่ วัดพระธาตุจอมกิตติ 




 
วัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (อยู่ถนนเลียบแม่น้ำเชียงแสน - เชียงของ) ตามพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าพังคราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เมื่อ พ.ศ. 1483 สมัยเดียวกับการสร้างพระธาตุจอมทอง เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้สิบสองสมัยเชียงแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2030 หมื่นเชียงสงได้ก่อสร้างเจดีย์องค์ใหม่อยู่อีกองค์หนึ่ง คือ พระธาตุจอมแจ้ง 

มีบันไดนาค 339 ขั้น เป็นทางเดินขึ้นไปนมัสการหรือจะนำรถขึ้นไปจอดบนพระธาตุได้ สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ พระเจดีย์ทรงปราสาทยอดทรงระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ พระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1483 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ต่อมาเจ้าสุวรรณ คำล้าน เจ้าเมืองเชียงแสน ได้สร้างครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ เมื่อปี พ.ศ.2030 ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมองค์เจดีย์ในปัจจุบัน

พระธาตุจอมกิตติ(1 ใน พระธาตุ 9 จอม พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำ จ.เชียงราย)
ที่ตั้ง วัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โทร. o- ๕๓๖๕- o๕๓๔ มีพระครูวิกรมสมาธิคุณเป็นเจ้าอาวาส 

ประวัติพระธาตุ ตามตำนานกล่าวว่า กษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกองค์ที่ ๒๔ คือ พระเจ้าพังคราช พร้อมด้วยโอรส คือ พระเจ้าพรมมหาราช ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากพระเถระเจ้าชาวโกศล เมืองสุธรรมาวดี นามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ รวม ๑๖ องค์ พระเจ้าพังคราชจึงทรงโปรดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็นขนาดใหญ่ ๑ องค์ ขนาดกลาง ๒ องค์ ขนาดเล็กอีก ๒ องค์ ประธานแก่พระยาเรือนแก้ว เจ้าเมืองไชยนาราย์ ซึ่งพระยาเรือนแก้วได้สร้างเจดีย์ประดิษฐานไว้ ณ. ดอยจอมทองที่เหลืออีก ๑๑ องค์ ทรงโปรดให้นำพระโกศแก้ว พระโกศเงิน มารองรับพระบรมธาตุ พระราชทานให้พระเจ้าพรหมมหาราชนำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยน้อย หรือดอยจอมกิตติที่พระเจ้าสิงหนวัตนิ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกได้เคยบรรจุพระบรมสารีริธาตุ ทั้ง 

๑๑ไว้ด้วยกัน ในปี ๑๔๘๓ ในระยะต่อมาเจดีย์พระธาตุทรุดโทรมมากเจ้าฟ้าเฉลิมเมือง เจ้าเมืองเชียงแสน ได้ร่วมกับศรัทธาชาวเมืองบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นอีกครั้งในปี ๒๒๓๗ 
การเดินทาง จากอำเภอเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข ๑o๒o ผ่านอำเภอพญาเม็งรายใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๑๗๔ ผ่านปากทางเข้าน้ำตกตากควัน บ้ายไชยพัฒนา เข้าเขตอำเภอเวียงเชียงรุ้ง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑o๙๘ ผ่านบ้านเนินสมบูรณ์ ปากทางแยกเข้าอำเภอเวียงชัย ปากทาง เข้ากิ่งอำเภอดอยหลวง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๒๗๑ มุ่งตรงสู่อำเภอเชียงแสน ผ่านวัดพระธาตุผาเงา เข้าถนน บายพาส เข้าถนนเชียงราย – เชียงแสนไปอีก ๒ กิโลเมตร ถึงทางเข้าพระธาตุจอมกิตติ ฝั่งซ้ายมือรวมระยะทางทั้งสิ้น ๑๑๗ กิโลเมตร 

ความเชื่อ ในการไหว้ พระธาตุดอยจอมกิตติเชื่อกันว่า ถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิฐานท่านจะอุดมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ ลาภยศผู้คนสรรเสริญ เจ้าคนนายคน


 
ด้านหน้าโบสถ์





มีบันไดนาคทอดยาว




ภายใน





มุมนี้สวยดี





วิวสวย





ได้เวลาเดินทางต่อค่ะ






จุดหมายต่อไป สามเหลียมทองคำ


 


สามเหลี่ยมทองคำ นมัสการพระพุทธนวล้านตื้อ ล่องแม่น้ำโขง

"สามเหลี่ยมทองคำ" เป็นแนวตะเข็บชายแดนรอยต่อสามประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว มีพื้นที่ประมาณ 1.5 แสน ตร.ม. ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธอาศัยอยู่หลายกลุ่ม พื้นที่แถบนี้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ มีโรงงานผลิตเฮโรอีนกระจายอยู่ตามตะเข็บชายแดน การลำเลียงฝิ่นใช้คาราวานล่อลัดเลาะไปตามไหล่เขา มีกองกำลังคุ้มกัน ราคาซื้อขายยาเสพติดว่ากันว่าแลกเปลี่ยนด้วยทองคำ ในน้ำหนักที่เท่ากัน ยางข้นเหนียวของฝิ่นดิบ จึงถูกเรียกว่า ทองคำ พื้นที่แถบนี้จึงถูกขนานนามว่า "สามเหลี่ยมทองคำ" บริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกัน หรือที่เรียกว่า สบรวก เป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ลาว พม่า บริเวณนี้เคยมีการค้าฝิ่น โดยแลกเปลี่ยนกับทองคำ 

ส่วนพระพุทธรูปนวล้านตื้อ (จำลอง) พระพุทธนวล้านตื้น องค์นี้เป็นพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน สมัยรัชกาลที่ 3 โน้น... และสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม.สูง 15.99 ม. ประทับนั่งบน "เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่ พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ สูง 17.99 ม. ศูนย์ OTOP ล้านนา ซุ้มประตูโขงและพระมหาโพธิสัตว ์(เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว สูง 9.99 ม.) ทั้งหมดนี้ได้ใช้งบประมาณถึง 69 ล้านบาท



 
เรียนมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งได้มาเห็นครั้งแรก






ด้านตรงข้ามเราเป็นฝั่งลาว





ป้ายบอกทาง





ตอนนี้เรามาไหว้ พระพุทธรูปนวล้านตื้อ (จำลอง) กันค่ะ





หน้าตรง





ตุงเฉลิมพระเกียรติ





หลังจากเราชมทิวทัศน์โดยรอบแล้ว เราตัดสินใจเช่าเรือไปชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ค่าเช่าเรือ 800 บาทนั่งได้ 6 คน แต่เราไปกันสามคนค่ะ






ขึ้นฝั่งที่ลาว





เสียค่าผ่านด่านคนละ 30 บาท





ข้างในมีร้านของฝาก





ของที่ระลึกหลายอย่าง แต่เราไปเย็นมากใกล้ปิดแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา





ได้เวลาเดินทางต่อ





ปลายทางของเรา ชมวิวสาวเหลียมทองคำ






ผ่านพระด้วย





ถึงแล้วค่ะ ฝั่งหลังคาแดงเป็นพม่า






เสร็จแล้วกลับกันค่ะ





ได้เวลาเดินทางต่อ





ตอนนี้เราแวะป้ายเขตแดน





เสร็จแวะกินอาหารเย็น ช่วงนั้นฝนตก เราก็เลยกินบริเวณใกล้ ๆ ชื่อร้าน ครัวมาลี





อาหารราคาไม่แพง





อยู่ริมน้ำ





มีที่นั่งพอสมควร






ของสาวสั่งข้าวผัดทะเล





เพื่อนสั่งข้าวกับปลาคัง ๆ  180 ข้าวผัด 50 บาท





กินเสร็จไปหาที่พักกัน สาวเลือกน้ำผึ้งเพลสที่อยู่ตรงข้ามร้าน ไว้รีวิวอีกที







ชอบที่นี่มีจักรยานให้ปั่นด้วย






ช่วงเช้า สาวไปปั่นเลาะริมโขง






อากาศดีมาก พาสาวน้อยของเราไปด้วย






ยามเช้าที่ริมโขง





อีกมุม







มีเรือด้วย





จริง ๆ หน้าที่พักของเราก็มีทางลงนะคะ





ขี่รถไปไม่ไกลก็ถึงจุดถ่ายภาพ





ป้ายเชียงแสน เลยขอถ่ายรูป พอดีมีพี่ตำรวจมาออกกำลังกายด้วย เลยขอช่วยถ่าย






ใกล้ ๆ เป็นท่าเรือ ตรงข้าวเป็นโรงพัก





ตอนนี้เพื่อนตามแล้ว เรานัดกันไปตลาดเช้ากันค่ะ





ของกินเยอะมาก แถมถูกด้วย





อาหารพื้นเมือง





ห้าบาทมีค่า ซื้อของได้หลายอย่าง





แกงถุง 20 บาท





ขนมก็น่ากิน





เดินเพลินมาก





โรตีแผ่นละ 5 บาท อร่อยมาก




ตอนนี้สาวได้ชุดใส่บาตรแล้ว





ใส่บาตรกันค่ะ





แผนต่อไป สาวอยากไปวัดพระธาตุเจดีย์หลวง



 
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง อำเภอเชียงแสน เป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาไท เมื่อ พ.ศ. 1887 (ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 ) หลังจากนั้นพระเจ้าแสนภูได้เสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่แทนพระราชบิดา คือ พระเจ้าชัยสงครามซึ่งเสด็จมาประทับยังเมืองเชียงราย พร้อมทั้งนำอัฐของพระราชบิดา คือพ่อขุนเม็งรายมหาราชที่เสด็จสวรรคตที่เชียงใหม่กลับมายังเมืองเชียงรายด้วย 

พระธาตุเจดีย์หลวงได้ชื่อมาจากพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดซึ่งสูงถึง 88 เมตร มีฐานกว้าง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ภายในวัดนอกจากพระเจดีย์หลวงแล้วยังมีพระวิหารซึ่งเก่าแก่มากพังทลายเกือบหมดแล้วและเจดีย์ธาตุแบบต่างๆ อีก 4 องค์ โบราณสถานแห่งนี้แม้ว่าจะปรักหักพังไปมากแล้วแต่ได้รับการบูรณะอย่างดีให้สมกับเป็นวัดที่สำคัญของเมืองหิรัญนครเงินยางภายในสมัยอาณาจักรล้านนาไทย

และนอกจากนี้วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ยังได้รับรางวัลด้านบริการที่ดีเยี่ยมจากเว็บไซต์ TripAdvisor เว็บไซต์ที่ให้บริการท่องเที่ยวและโรงแรมจากทั่วโลกอีกด้วย

 
เจดีย์วัด







ด้านหน้า มีรูปปั้นพญาแสนภู





เราเข้าไปในโบสถ์กัน





ไหว้พระประธาน





อีกมุม





ด้านนอก





ด้านข้าง







สาวเตรียมของใส่บาตรมาด้วย





พอดีเตรียมมาเผื่อ ได้ทำบุญอีกแห่ง





เสร็จแล้วเตรียมเดินทางต่อ





จุดหมายของเราคือ วัดป่าสัก


 



วัดป่าสัก อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร ในเขตตำบลเวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พระเจ้าแสนภู โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1930 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 

ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์นำมาถวายและโปรดฯ ให้ปลูกต้นสักล้อมรอบวัด จำนวน 300 ต้น จึงได้ชื่อว่าวัดป่าสัก ทรงตั้งให้พุทธโฆษาจารย์ เป็นสังฆราช สถิต ณ พระอารามนี้ โบราณสถานที่สำคัญที่สุด คือ พระประธานทรงมณฑปยอดระฆัง ฐานกว้าง 8 เมตร สูง 12.5 เมตร ตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรพิศดาร ฝีมือช่างชั้นครู เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตร 



 
มีค่าเข้าชมคนไทย 10 บาทค่ะ






ไปค่ะ





ร่มรืนมาก





เข้ามาถึงที่เจดีย์แล้ว






ชอบมาก






ใกล้ ๆ





ด้านตรง






เสร็จแล้วขับรถออกไปด้านหน้าจะมีศาลเจ้าพ่อป่าสักให้ไหว้ด้วย





เชียงแสนมีเสนห์ตรงเมืองเก่า มีกำแพงเมือง โบราณสถานกระจายรอบเมือง






ตามที่ต่าง ๆ





พร้อมป้าย





สาวคงอยู่ได้เป็นเดือน





ที่สำคัญอาหารอร่อยไม่แพง ปิดทริปกันที่ข้าวเปียกเส้นเชียงแสน ไว้รีวิวอีกทีบล็อกหน้าค่ะ






จริง ๆ รูปเยอะมาก แต่สาวพยายามกระชับให้สั้นที่สุด หวังว่าคงชอบ เจอกันบล็อกน้าค่ะ




ขอบคุณที่แวะมาทักทายกัน




 




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2562
11 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2562 21:27:55 น.
Counter : 2177 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณอุ้มสี, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณnewyorknurse, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน

 

ตามมาเที่ยวกับน้องสาวด้วยคนครับ
เชียงรายเป็นเมืองน่ารักดีนะครับ
วัดสวยๆเยอะด้วย

 

โดย: กะว่าก๋า 19 พฤศจิกายน 2562 11:09:37 น.  

 

ไปเที่ยวด้วยคนจ้า

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 19 พฤศจิกายน 2562 11:21:17 น.  

 

มาเที่ยวกับคุณสาวแล้วจร้า
บล็อกนี้ เคยไปแล้วหลายที่ค่ะ
ทั้งวัดพระธาตุผาเงา
ทั้งสามเหลี่ยมทองคำ
และนั่งเรือไปเที่ยวตลาดดอนซาว
จินไปฝั่งที่เป็นกาสิโนด้วย
เลยไปเดินที่ตลาดจีนอีกหน่อย

ส่วนวัดพระธาตุจอมกิตติยังไม่เคยขึ้นไปค่ะ
ถ้าได้ไปเชียงของ-เชียงแสน อีกทีจะแวะ
ไปหลายรอบไม่เคยแวะเลย

 

โดย: JinnyTent 19 พฤศจิกายน 2562 11:34:58 น.  

 

ว้าว..
ปีที่แล้วพี่อ้อก้มาสามเหลี่ยมทองคำ
เชียงแสน
ประมาณนี้ค่ะ
คิดถึงๆๆๆ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 19 พฤศจิกายน 2562 12:14:46 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Review Travel Blog ดู Blog
JinnyTent Diarist ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
The Kop Civil Sports Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
โอน่าจอมซ่าส์ Food Blog ดู Blog
จันทราน็อคเทิร์น Diarist ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Health Blog ดู Blog
sawkitty Travel Blog ดู Blog

เอนทรี่นี้สาระมาเต็มๆ เลยจ้า
โหวต

 

โดย: อุ้มสี 19 พฤศจิกายน 2562 12:25:40 น.  

 

เหมือนได้ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
สาระแน่นไม่วรรคเลย อิอิ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 19 พฤศจิกายน 2562 16:52:42 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 20 พฤศจิกายน 2562 3:21:04 น.  

 

ดูภาพสวย เฉย ๆ นะครับ
ส่วนตัวอักษร

อ่านยากติดเป็นพืด นั่นคุณฟ้าใสวันใหม่ก็แซว
เช่นกัน
ขออภัยพูดตรงเลยนะครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 20 พฤศจิกายน 2562 4:56:27 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องสาว

 

โดย: กะว่าก๋า 20 พฤศจิกายน 2562 6:10:41 น.  

 

คิดถึงเชียงรายจัง

เมื่อยี่สิบปีก่อนโน้นไปบ่อยมากกกกก

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 9:51:28 น.  

 

มาเที่ยวด้วยครับ
แล้วจะตามรอยไปบ้างครับ

 

โดย: สองแผ่นดิน 24 พฤศจิกายน 2562 23:53:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sawkitty
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




เป็นคนรักแมวที่เป็นคนยะลา แต่มาทำงานตรัง ถ้าจะตามตัวให้แวะไปหาที่ห้องแมวพันทิบคะ


Friends' blogs
[Add sawkitty's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.