เปิดทริปสงขลา - พัทลุง เริ่มต้นที่ย่านเมืองเก่า สงขลา
สวัสดีค่ะ
หลังจากรีวิวร้านอาหารในช่วงเทศกาลกินเจไปแล้ว วันนี้ได้เวลาพเที่ยวกันต่อ ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่คาดฝัน เพราะทีแรกที่ตั้งตั้งใจจะไปคลองแดนคนเดียวต้องยกเลิก เพราะสาวเลือกไปทำ workshop กับ cannon แต่บังเอิญว่าพี่ที่รู้จักเห็นเฟสสาว และมีแผนจะไปสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวให้กับ สมาคมการการท่องเที่ยว และโรงแรมจังหวัดตรัง เพื่อจัดกิจกรรม "สิงหาพาเที่ยว" ในวันที่ ๑ - ๒ สิงหา สาวเลยรีบขอตัวออกมาจากงาน workshop แล้วไปเก็บกระเป๋าแบบเร่งด่วนและตามไปเที่ยวด้วยในทริปนี้ค่ะ
เส้นทางเริ่มจาก ย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งต้นที่โรงสีเก่า "หับ โห้ หิ้น" ต่อด้วยถนนนางงาม เราแวะกินข้าว และซื้อขนม ก่อนเดินทางต่อไปที่ตลาดน้ำคลองแดน ระโนด และปิดทริปที่พัทลุง
พร้อมแล้วไปเที่ยวกันค่ะ
จุดแรกคือ โรงสีเก่า "หับ โห้ หิ้น"คือโรงสีข้าวเก่าแก่ในตัวอาคารสีแดงแรงฤทธิ์ ที่ยังคงความขลังอย่างคลาสสิกบนถนนนครนอก แต่ทำไมต้องชื่อ หับ โห้ หิ้น ชื่อนี้หมายความว่าอย่างไร ตามประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองสงขลา เศรษฐกิจของสงขลาในระยะนั้น ขับเคลื่อนโดยกลุ่มพ่อค้าเชื้อสายจีนหลายตระกูล เช่น ณ สงขลา รัตรสาร รัตนปราการ โคนันทน์ เงารังษี และ เลขะกุล เป็นต้น ได้ทำธุรกิจค้าขายกับเกาะปีนัง รวมทั้งมีกิจการโรงสี เพื่อรองรับผลผลิตข้าวจากลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอันอุดมสมบูรณ์และเนื้อหาข้างต้นได้ระบุไว้ในวิทยานิพนธ์ของ ดร.ศรีสุพร ช่วงสกุล
จากต้นตระกูลเสาวพฤกษ์ หรือที่มาจากขุนราชกิจจารี ได้ร่วมหุ้นกับตระกูลโคนันทน์ จัดตั้ง "หับ โห้ หิ้น" ขึ้นราวปี พ.ศ. 2454 แต่หลังจากนั้นอีก 14 ปี หลานของท่านขุนราชกิจจารี ได้ซื้อกิจการทั้งหมด และพัฒนาโรงสีข้าว โดยการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์พลังไอน้ำ คือการใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดไอน้ำไปสีข้าว ซึ่งได้สั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษ จากหัวคิดที่ไม่เหมือนใครจึงทำให้กิจการดำเนินไปด้วยดี ท่านผู้นี้ก็คือ นายสุชาติ รัตนปราการ หนุ่มนักเรียนปีนัง
สำหรับต้นตระกูล "รัตนปราการ"เป็นคนจีนฮกเกี้ยน หรือใช้ "แซ่ก๊วย" จากมณฑลฮกเกี้ยน และได้อพยพมาตั้งรกรากที่สงขลา ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2250 ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา ส่วนคำว่า "ก๊วย" แปลว่า กำแพงเมือง จึงเป็นที่มาของนามสกุล "รัตนปราการ" ซึ่งแปลว่า "กำแพงแก้ว" ส่วนชื่อโรงสี "หับ โห้ หิ้น" เป็นภาษาฮกเกี้ยนเช่นกัน มีผู้แปลความว่าหมายถึง เอกภาพ ความกลมกลืน และความเจริญรุ่งเรือง สอดคล้องกับความเห็นของ อาจารย์สุขสันต์ วิเวกเมธากร ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษา เจ้าของนามปากกา "เล่าชวนหัว" และเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาจีน "สุขสันต์วิทยา" ที่ว่า "หับ" ในภาษาจีนฮกเกี้ยน น่าจะตรงกับคำว่า "ฮะ" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว ที่แปลว่า ความสามัคคี สมานฉันท์ ส่วน "โห้" น่าจะตรงกับ "ฮ่อ" หมายถึง ความดี ความเจริญรุ่งเรือง แต่ "หิ้น" อาจจะเป็นคำนาม หมายถึง สวน หรือที่ที่มีคนมาชุมนุมกัน รวมความแล้ว "หับ โห้ หิ้น" ในทัศนะอาจารย์สุขสันต์ ควรจะแปลว่า "สวนสมานฉันท์อันเจริญรุ่งเรือง"
นายสุชาติ รัตนปราการ ดำเนินกิจการโรงสี หับ โห้ หิ้น จนเจริญรุ่งเรืองสมชื่อ โดยรับข้าวเปลือกจากย่านระโนด หัวไทร และพัทลุง บรรทุกลงเรือเอี้ยมจุ๊น ใช้ใบล่องทะเลสาบสงขลามาเทียบท่าเรือด้านหลังของโรงสี มีคนงานเชื้อสายจีนราว 10 คน เปิดเครื่องสีข้าวทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันเป็นเดือนๆ ข้าวที่สีเสร็จจะส่งไปขายนราธิวาส เลยไปถึงมาเลเซีย แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ก็เลิกกิจการไป ดังนั้น "หับ โห้ หิ้น" โรงสีแดงแห่งถนนนครนอก จึงกลายเป็นตำนานในความทรงจำของชาวสงขลา
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บศูนย์ข้อมูลกลางวัฒนธรรม ปล.ลิงค์ยาวมาก เลยไม่แปะไว้ค่ะ
ด้านหน้าจะมีหุ่นจำลองคนแบกข้าวสาร ขอถ่ายรูปหน่อย
เดินเข้ามาด้านในกว้างมาก
เดินเข้ามาอย่างแรกที่เห็นด้านขวามือ จะเป็นประวัติคนก่อตั้ง
และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัว ฯ
ตอนนี้เราจะขึ้นไปดูชั้นสองกัน มุมน่ารักๆ ระหว่างทาง
ขึ้นมาชั้นบน จะมีแบบจำลองห้องแถว แบบเก่าสามแบบ
มีโต๊ะ และนิทรรศการอีกชุดนึงด้วย
ตอนนี้เราลงเดินมาห้องโถงด้านล่าง ฝั่งริ่มน้ำ
มีแผนผังเส้นทางการเรียนรู้ย่านเมืองเก่าสงขลา
และเรือสามสี่ลำ
เดินทะลุออกไปจะเจอทะเลสาบสงขลา วันนี้ฝนตกตลอด ได้รูปริมน้ำนิดหน่อย
วีถีชีวิตยามเย็นๆ น่าประทับใจ
จากนั้นเราก็ไปหาของกินที่ถนนนางงาม
เก้าห้อง เป็นชื่อดั้งเดิมของถนนนางงามซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปี ๒๓๘๕ ครั้งตั้งหลักเมืองสงขลาใหม่ๆ หลังย้ายเมืองสงขลาจากฝั่งแหลมสนมายังฝั่งตะวันออก(บ่อยาง)ที่ได้ชื่อ เก้าห้องเนื่องจากถนนสายนี้มีบ้านอยู่ ๙ คูหา และได้เปลี่ยนชื่อจาก ถนนเก้าห้อง มาเป็นถนนนางงาม สาเหตุเพราะ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี ๒๔๗๕ ได้มีการเฉลิมฉลองและมีการประกวดนางงามสงขลาขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี ๒๔๗๘ ปรากฏว่าสาวงามจากถนนนางงาม ชื่อ นงเยาว์ (แดง) โพธิสาร สกุลเดิม บุญยศิวะ ลูกนายฮ่อง นางหั้ว บุญยศิวะ ได้รับคัดเลือกให้เป็นนางงามสงขลาคนแรก สมรสกับครูถ้อง หรือครูสหัส โพธิสาร และต่อมาคนสงขลา เรียก ถนนเก้าห้อง ว่า ถนนนางงาม ติดปากมากกว่าเก้าห้อง มาจนบัดนี้
ขอบคุณที่มา GotoKnow
https://www.gotoknow.org/posts/373118
ช่วงที่ไปเย็นมาก เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมา ไว้แก้มือใหม่รอบหน้าค่ะ
วันนี้เราแวะกินข้าว ซึ่งสาวจะรีวิวบล็อกหน้า กินเสร็จแล้วก็ไปหาขนมอร่อยที่ร้านจงดีขนมไทย
ร้านจงดีขึ้นชื่อมากเรื่องขนมทองเอก และ ขนมสัมปันนี้ วันนี้โชคดีมาเร็ว เลยได้กินและซื้อกลับบ้าน
รูปนี้ถ่ายที่บ้าน รับประกันความอร่อย
รูปด้านหน้าร้าน เข้ามาทางศาลเจ้า แล้วตรงมาเรื่อยๆ
แถวนี้บ้านเก่าสวยๆ ทั้งนั้นเลย
เป็นหอพักที่สวยมากๆ
ก่อนกลับขอถ่ายรูป street art ตรงทางเข้าถนนนางงามสักนิด
มีน้องแมวด้วย น่ารักจริงๆ
หมดแล้วค่ะ เจอกันใหม่บล็อกหน้า ร้านอาหารอร่อยบนถนนนางงาม
Create Date : 30 ตุลาคม 2558 |
|
21 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2558 19:56:19 น. |
Counter : 4942 Pageviews. |
|
|
|
ถนนนางงามก็ชื่อแปลกอีก
แถวนั้นยังมีวิถีชีวิตเดิมๆให้เห็น
น่าสนใจดี