life of gone...ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าเสมอ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
สื่อมวลชนสัญจรกับปชส.ตรัง ตอน วัดศีรษะทอง วัดระฆัง และวัดอรุณฯ

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ

ได้เวลาพาเที่ยวกันต่อแล้วค่ะ กับเที่ยวภาคกลางของสาว เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ไปรอบก่อน ตามไปดูได้ที่นี่ค่ะ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skybeach&month=06-09-2011&group=2&gblog=190

และ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skybeach&month=09-09-2011&group=2&gblog=191



วันนี้เราจะเข้ากรุงเทพฯกันค่ะ แต่ก่อนไปกทม.ทางคณะพาแวะวัดที่นครปฐมกันสักนิด กับ วัดศีรษะทอง



พระราหู วัดศีรษะทอง นครปฐม


วัดศีรษะทอง จังหวัดนครปฐมเป็นวัดที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะในแต่ละวันจะมีประชาชนนิยมมาสักการบูชาพระราหูเพื่อความเป็นสิริมงคลที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก ด้วยคติความเชื่อที่ว่าพระราหูนั้นเป็นเทพซึ่งสามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคลหรือสิ่งต่างๆได้ ดังนั้นจึงเกิดพิธีกรรมในการบูชาพระราหูขึ้นเพื่อช่วยให้โชคร้ายอันอาจจะเกิดขึ้นนั้นบรรเทาลงหรือกลับแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีงามกับชีวิต

ตามประวัติกล่าวว่าวัดศีรษะทอง สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีการขุดพบเศียรพระทองในบริเวณที่มีการสร้างวัด จึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดหัวทอง” ต่อมาเมื่อทางการได้ขุดคลองเจดีย์บูชา แยกจากแม่น้ำนครชัยศรีไปยังองค์พระปฐมเจดีย์ ผ่านพื้นที่ทางตอนใต้ของวัดหัวทอง และหมู่บ้านนั้น ชาวบ้านได้ย้ายครัวเรือนมาอยู่ใกล้คลองมากขึ้น เพื่อความสะดวกในการคมนาคม วัดหัวทองก็ได้ย้ายจากที่เดิมมาอยู่ใกล้คลองเจดีย์บูชาด้วยและเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดศีรษะทอง” สืบมา

วัดศีรษะทองได้พัฒนาและมีความรุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างมากในสมัยของหลวงพ่อน้อย นาวารัตน์ อดีตเจ้าอาวาส ท่านเป็นที่รู้จักเพราะเป็นต้นตำรับของการสร้างพระราหูอมจันทร์จากกะลาตาเดียว เครื่องรางที่ได้รับความนิยมอย่างกว้าขวาง และได้สร้างชื่อเสียงให้วัดศีรษะทองเป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้
ตามตำนานกล่าวว่า พระราหูนั้นมีลักษณะเป็นเช่นยักษ์ดุร้าย มีฤทธิ์มาก ผิวดำเหมือนิล สถิตอยู่ในอากาศแวดล้อมด้วยม่านสีดำ มีร่างกายเพียงครึ่งเดียวเพราะต้องจักรของพระนารายณ์ เนื่องจากในระหว่างที่ขโมยดื่มน้ำอมฤตอยู่นั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้มาเห็นเข้าจึงนำความไปทูลพระนารายณ์ ทำให้ทรงกริ้วและขว้างจักรไปบั่นกายพระราหูขาดครึ่ง แต่พระราหูนั้นไม่สิ้นชีพเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปครึ่งตัวจึงเป็นอมตะ จากนั้นพระราหูจึงมีความแค้นเคืองในพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ จึงคอยเฝ้าจับพระอาทิตย์ และพระจันทร์กินอยู่เสมอ หรือที่เรียกกันว่า สุริยคราส และจันทรคราส นั่นเอง พระราหูจึงเปรียบเช่นความเป็นอมตะเพราะไม่มีวันตายนั่นเอง
ปัจจุบันวัดศีรษะทองได้จัดสร้างพระราหูขนาดใหญ่ไว้ให้ประชาชนได้มาสักการบูชาตามความเชื่อ และความศรัทธาส่วนบุคคลแต่ผู้บูชาพระราหูจะต้องมีศีล มีธรรม ทำคุณความดี และหมั่นทำบุญกุศลอยู่เสมอ ความร่ำรวยและโชคลาภนั้นจึงจะเกิดขึ้นได้

สถานที่ตั้ง

ถ. เพชรเกษม ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

ความเชื่อและวิธีการบูชา

เชื่อกันว่าการกราบไว้ขอพรพระราหูนั้นเป็นการขอพรให้พ้นเคราะห์ต่างๆ และยังดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ช่วยให้การงานเจริญก้าวหน้า และเชื่อว่าพระราหูยังเป็นเทพบูชาประจำตัวเพื่อเสริมบารมีของคนที่เกิดวันพุธกลางคืนอีกด้วย แม้การบูชาพระราหูจะสามารถทำได้ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่นิยมบูชากันในวันพุธตอนกลางคืนโดยบูชาด้วยธูปดำคนละ ๘ ดอก พร้อมทั้งถวายเครื่องบูชาซึ่งเป็นสีดำทั้งหมด 8 อย่าง แทนความหมายต่างกันได้แก่ ไก่ดำ เหล้า กาแฟดำ เฉาก๊วย ถั่วดำ ข้าวเหนียวดำ ขนมเปียกปูน ไข่เยี่ยวม้า

วันและเวลาเปิด- ปิด

สามารถไหว้พระราหูได้ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ moohin
//www.moohin.com/108tripsboon/108trips018c005.shtml





พระราหูองค์ใหญ่


ชอบศาลานี้สวยมากๆ ไม่แน่ใจเค้าเรียกอะไร


มาแบบคู่


ก่อนจากขอสักรูป


ได้เวลาเข้ากทม.แล้วค่ะ จุดแรกที่เราไป คือวัดโพธิ์


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เรียกว่า วัดโพธิ์ อยู่ที่ถนนมหาราช ข้างพระบรมมหาราชวัง เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๑ ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด และได้นำเอาตำราวิชาการด้านต่าง ๆ มาจารึกไว้โดยรอบ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ถือได้ว่าวัดโพธิ์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย

นอกจากนี้ที่วัดโพธิ์ยังมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั้งองค์ ยาว ๔๖ เมตร สูง ๑๕ เมตร ที่ฝ่าพระบาทแต่ละข้างมีลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล ๑๐๘ ประการ อันเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของมหาบุรุษตามคติของอินเดีย

ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คน


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีสิ่งก่อสร้างค่อนข้างแน่น เนื่องจากการบูรณะแบบใส่คะแนน (แข่งกันบูรณะ) ส่งผลให้มีอาคารและสิ่งก่อสร้าง รวมถึง พระพุทธรูปมากมายภายในวัดแห่งนี้ โดยสามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

เขตวัดโพธาราม (เดิม)
เขตวัดโพธารามเดิม ได้แก่ ส่วนตะวันตกของวัด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของ วิหารพระพุทธไสยาส ศาลาการเปรียญ(ซึ่งเป็นพระอุโบสถเดิม ของวัดโพธาราม) พระมณฑป และพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล

เขตพระอุโบสถ


เขตพระอุโบสถเป็นเขตที่สถาปนาขึ้นใหม่นอกเขตวัดโพธารามเดิม สร้างตามคติไตรภูมิ โดยให้พระอุโบสถเป็นเสมือนเขาพระสุเมรุ และให้วิหารทิศทั้งสี่ เป็นเสมือนทวีปหลักทั้งสี่

ประติมากรรมต่าง ๆ ในวัดโพธิ์

นอกจาก อาคาร พระวิหาร พระเจดีย์ต่าง ๆ แล้ววัดโพธิ์ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลายอย่าง อาทิเช่น
รูปปั้นฤๅษีดัดตน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม พระองค์ทรงได้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและ ศิลปวิทยาการของกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ รวมทั้ง ได้ปั้นรูปฤๅษีดัดตนในท่าต่าง ๆ ไว้ด้วย ซึ่งจำนวนของรูปปั้นฤๅษีดัดตนที่สร้างในรัชกาลที่ ๑ นั้น ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ได้หล่อรูปปั้นฤๅษีดัดตนในท่าต่าง ๆ รวม ๘๐ ท่า โดยใช้สังกะสีและดีบุก แทนการใช้ดินที่เสื่อมสภาพได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการแต่งโครงสี่สุภาพ เพื่อบรรยายสรรพคุณท่าต่างของฤๅษีดัดตน ทั้ง ๘๐ บทด้วย เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายรูปปั้น รวมทั้งมีการลักลอบเอารูปปั้นไปขายบางส่วน ดังนั้น รูปปั้นที่อยู่ภายในวัดโพธิ์จึงมีเหลือเพียง ๒๔ ท่าเท่านั้น

ยักษ์วัดโพธิ์บริเวณซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป
โดยมีสีกายเป็นสีแดงและสีเขียว ลักษณะคล้ายยักษ์ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมักมีผู้เข้าใจผิดว่าตุ๊กตาสลักหินรูปจีน หรือ ลั่นถัน นายทวารบาลที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าประตูวัดนั้นคือ ยักษ์วัดโพธิ์ นอกจากนี้ ยังมีตำนานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนใน ปัจจุบัน นั่นคือ ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำหน้าที่ดูแล วัดแจ้งนั้น ทั้ง ๒ ตนเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งยักษ์วัดแจ้งไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดโพธิ์ เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่าย ดังนั้น ยักษ์ทั้ง ๒ ตนจึงเกิดทะเลาะกัน แต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โต และพละกำลังที่มหาศาลของยักษ์ทั้ง ๒ ตน เมื่อเกิดต่อสู้กันจึงทำให้บริเวณนั้นราบเรียบโล่งเตียนไปหมด เมื่อพระอิศวรทราบเรื่องนี้ จึงได้ลงโทษให้ยักษ์วัดโพธิ์ยืนเฝ้าพระอุโบสถวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าวิหารวัดแจ้งตั้งแต่นั้นมา


ขอบคุณข้อมูลจากเว็บsadoodta

//sadoodta.com/content/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1





เดินไปเจอป้ายนี้ด้วย สนใจข้อมูลตามไปอ่านที่เว็บนี้ค่ะ
//travel.mthai.com/travel-blog/40718.html




ไปทริปนี้ชะโงกทัวร์มาก รีบสุดๆสำหรับวันนี้ พยายามถ่ายรูปได้มานิดหน่อย


เดินไปด้านหลังใกล้ห้องน้ำเจอนี้ด้วย เสียดายหายักษ์ไม่เจอ


สองสาว


ลาวัดโพธิ์ด้วยรูปนี้ค่ะ


ได้เวลาตามหายักษืกันต่อที่วัดแจ้ง เราไปขึ้นเรือที่ท่าเตียนค่ะ

ท่าเตียน สมัยรัชกาลที่ ๑

ท่าน้ำริมฝั่งน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้ พระบรมมหาราชวังเพียงเดินข้ามถนนไปนั้น มีท่าน้ำอยู่หลายท่าที่เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปที่ต้องการจะข้ามฟากไปยังฝั่งธนบุรี และ ท่าน้ำแถบนี้นั้นมีอยู่ท่าน้ำหนึ่งที่อาคารท่าน้ำยังดูเก่าคร่ำคราเพราะแทบจะไม่ได้บูรณะซ่อมแซมมาเป็นเวลานาน ท่าน้ำนี้ย่อมต้องหนีไม่พ้น “ท่าเตียน”

ท่าเตียนนั้น จัดได้ว่าเป็นท่าน้ำที่ยังดูเก่าแก่ และ ชาวบ้านริมฝั่งท่าเรือทั้ง ๒ ข้างทางนั้นยังดำรงอาชีพเหมือนคนรุ่นปู่รุ่นพ่ออยู่ ท่าน้ำนี้ จึงเป็นท่าน้ำยอดนิยมที่บรรดานักสร้างภาพยนตร์ย้อนยุค มักจะมาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรมนั้นจะขาดฉากท่าเตียนเสียมิได้เลย ตำนานของท่าน้ำนี้ ใช่แต่ว่าจะมีตำนานที่เล่าขานกันเฉพาะหนังย้อนยุคช่วงสงครามโลก เท่านั้น ตำนานที่เก่าแก่กว่าอย่างเรื่อง ยักษ์ วัดโพธิ์ รบกับ ยักษ์ วัดแจ้ง นั้นก็รบกันที่ท่าเตียนนี้ เช่นเดียวกัน

แต่เดิมนั้น ที่ในบริเวณท่าน้ำนี้ เคยเป็นที่ประทับของเชื้อพระวงศ์ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ที่กวาดเอาสิ่งปลูกสร้างในแถบนั้น เสียเลี่ยนเตียนโล่ง ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากนับแต่นั้นมาว่า “ท่าเตียน” มาในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมี พระราชดำริให้จัดสร้างที่พักแก่ชาวต่างประเทศ อีก ทั้งท่าน้ำนี้ก็อยู่ใกล้กับโรงโม่ด้วย ท่าเตียนนี้จึงกลายเป็นท่าเรือขนส่งที่เป็นทั้งที่รับส่งผู้โดยสารเรือและ สินค้าไปพร้อมๆ กันโดยปริยาย

ท่าเตียนนี้ ปัจจุบันยังเป็นท่าน้ำที่เป็นจุดรับส่งเรือข้ามฟากไปยัง วัด อรุณราชวราราม และ เรือด่วนบางสาย ยังคงเป็นท่าน้ำที่พื้นยังเป็นไม้กระดาน ทั้งอาคารท่าเป็นไม้กระดานเหมือนเดิม

สิริลักษณ์ จินตนะดิลกกุล

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ sanook

//travel.sanook.com/bangkok/bangkok_06590.php





ระหว่างรอแพข้ามฟาก


ท่าเรือวัดอรุณ




วัดอรุณราชวราราม หรือที่นิยมเรียกกันในภาษาพูดว่า วัดแจ้ง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า วัดอรุณ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเพลงยาวหม่อมภิมเสน วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่บรรยายการเดินทางจากอยุธยาไปยังเพชรบุรี ได้ระบุชื่อวัดนี้ไว้ว่าชื่อวัดแจ้งตั้งแต่เวลานั้นแล้วขึ้นมา

เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้น ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ. ๒๓๒๒ ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามใน พ.ศ. ๒๓๒๗

ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังเดิม และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ ๑ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อมา และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม” ต่อมามีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” ปัจจุบันเจ้าอาวาสคือพระเทพมงคลรังษี นามเดิม เฉลียว ฉายา ฐิตปุญฺโญ นามสกุล ปัญจมะวัต อายุ ๘๔ พรรษา ๖๕ วุฒิการศึกษา ชั้น ป.๖, น.ธ.เอก, พธ.ม.(กิตติมศักดิ์) เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู ณ ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โยมบิดาชื่อ นายเหรียญ ปัญจมะวัต โยมมารดาชื่อ นางลูกอิน ปัญจมะวัต

ขอบคุณวิกิพิเดีย

//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3


ถึงแล้วเจอยักษ์ก่อนเลย



สวยมากๆ ทำให้คิดว่าทำไมน้าอยู่กทม.ตั้งนานไม่เคยมาเลย


อีกมุมนึงค่ะ


ใกล้ๆ


พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


เก๋งจีนบริเวณใกล้กัน มีนกเต็มไปหมดเลย


ชอบมุมนี้สวยดี


บริเวณไม่ไกลกัน ได้มีโอกาสไหว้พระเจ้าตากสินที่โบสถ์น้อยด้วย


ระหว่างเดินไปขึ้นรถ เจอน้องแมวด้วย


ลาวัดแจ้งด้วยน้องแมวตัวนี้


หิวแล้วละคะ มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่วังหลัง แถวนี้เลย


มองหลายร้าน ตัดสินใจแวะร้านนี้ ร้านป้าบัว


มีให้เลือกหลายอย่าง


สาวกินข้าวมันไก่รวม


อร่อยมาก น้ำซุปเหมือนแกงจืดผัดกาดดองเลย


ปิดท้ายด้วยน้ำจับเลี้ยง


ทั้งหมดมื้อนี้ 45 บาท
ค่าข้าวรวม 35 บาท
ค่าน้ำจับเลี้ยง 10 บาท


กินเสร็จสาวก็เดินย่อยหาขอที่นี้ แม่บอกว่าของถูก สาวลุยคนเดียว ได้เสื้อมา ๑ ตัว รองเท้าสองคู่ อย่างรวดเร็ว ^_^

ขอบคุณสำหรับการติดตาม บล็อกหน้าวัดพระแก้ว แล้วไปค้างแก่งกระจาน






















Create Date : 12 กันยายน 2554
Last Update : 12 กันยายน 2554 20:53:17 น. 43 comments
Counter : 4416 Pageviews.

 
สวัสดีคะน้องสาว
เมื่อวันนั้นยังไปเที่ยวกับพี่อุ้มที่ตรัง

วันนี้มาโผล่ที่ จ.นครปฐม
แถมมีแมวด้วย อิอิ


โดย: aenew วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:20:40:16 น.  

 
สวัสดีจ้าน้องสาว
ตามมาเที่ยววัดด้วยคนค่ะ
เจ้าสองเหมียวนั่นน่ะ น่ารักจ้า


โดย: phunsud วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:20:53:50 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ

ขอตามมาไหว้พระทพบุญด้วยคนค่ะ

เอา อาหาร ญี่ปุ่นมาฝากค่ะ



คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:20:54:13 น.  

 
มาเที่ยวกับคุณสาวค่ะ เหมือนได้เที่ยวด้วยตัวเองเลยนะคะ เพลงเพราะเข้ากับบล็อกมากๆค่ะ

ปล น้องเหมียวน่ารักมั่กๆ


โดย: LoveParadise วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:04:27 น.  

 
ทักทายสวัสดีกับคุณสาว ในยามค่ำคืนครับ
ตามมาเที่ยวชมวัดวาอารามกับภาพสวยๆ ที่น่าชมด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:15:48 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่ะคุณสาวที่แวะไปเดินเที่ยวด้วยกันนะคะ


โดย: LoveParadise วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:30:58 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ
พระราหูเนี่ย น่าสงสารออกนะคะ เพราะตอนที่กวนน้ำอมฤต เทพต่างๆขี้โกง ให้เหล่ายักษ์ต่อแถวดื่มน้ำอมฤตอยู่ท้ายๆแถว ทั้งๆที่ยักษ์ก็ช่วยด้วย แต่ดันไม่ให้กินซะนี่

ส่วนยักษ์วัดแจ้ง ขำดีนะคะ
มียืมเงินกันด้วย 555


โดย: VELEZ วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:30:58 น.  

 
ตามมาเที่ยวอีกรอบครับน้องสาว




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:39:07 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาตามเที่ยวตามไหว้พระด้วยคนครับ

ที่วัดศรีษะทอง ที่นครปฐม ผมเคยผ่านบ่อย ๆ แต่ยังไม่เคยได้เข้าไปไหว้พระเลยครับ เห็นเค้าว่ากันว่าวัดนี้มีชื่อเรื่องพระราหูครับ

ส่วนวัดโพธิ์ วัดอรุณผมไปไหว้พระมาบ่อยแล้วครับ

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:51:01 น.  

 
สวัสดีตอนดึกๆ ครับอบคุณที่แวะไปทักทายกันนะครับ .....

วัดศีณษะทอง ชื่อแปลกดีนะครับ ตำนานว่าเจอเศียรพระทอง แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้วเน๊อะ ยังอยู่ที่วัดหรือเปล่าก็ไม่รู้ .....

วัดโพธิ์กับวัดแจ้ง สวยดีนะครับ เห็นชาวต่างชาติเขาชอบไปเที่ยวกัน แต่ผมที่เป็นคนไทยแท้ๆ ยังไม่เคยได้ไปเลย เชยจริงๆ เรา ไว้ต้องหาโอกาสไปกราบพระที่วัดทั้งสองบ้างล่ะครับ .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:53:27 น.  

 
มาตามไปเที่ยววัด ชมภาพเสียจุใจเลย
แล้วจะไปดูพระจันทร์มั่งครับ

รักษาสุขภาพด้วยเน้อ



โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:23:19:48 น.  

 
วัดสวยๆในกรุงเทพมีเยอะแยะเลยครับ ผมเองก็ยังไม่เคยไปตั้งหลายวัด
ข้าวมันไก่นี้ของโปรดผมเลย หุหุ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:23:43:19 น.  

 
แวะมาเยี่ยมบ้านน้อง...ก่อนไปนอน สบายดีนะน้องสาววววว



โดย: เขาพนม วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:23:47:03 น.  

 
สวัสดียามดึกน้องสาว

ไหงช่วงนี้ขยันอัพบล็อกจัง ฝนตกๆอย่างนี้หลับฝันดีนะ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:23:55:50 น.  

 
แง๊........

ทำไมพี่ไม่เห็นรูปอ่ะ เห็นแต่บีจีกับตัวหนังสือ

รูปที่แปะตามเม้นท์เห็นค่ะ

หรือว่าคอมพ์พี่มันจะเจ๊งอ่ะ


โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:0:15:24 น.  

 




โดย: veerar วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:0:19:40 น.  

 
ตามมาเที่ยววัดกับสาวค่ะ
อ่านบล็อกวันนนี้ได้ทราบข้อมูล ประวัติของแต่ละที่เยอะเลย
ขอบคุณที่นำมาฝากกันค่ะ


โดย: diamondsky วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:2:22:06 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องสาว







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:5:36:39 น.  

 
มอร์นิ่งจ้ะ น้องสาว
พี่ยุ้ยขอตามมาไหว้พระทำบุญด้วยคนจ้ะ

ว่าแต่วันนี้บล๊อคแปลกๆแฮะ
พี่มองไม่เห็นภาพอะไรเลยอ่ะจ้ะ
เอ. รึคอมพ์พี่เพี๊ยนน๊อ


โดย: nLatte วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:6:55:05 น.  

 
ขอบคุณ มากนะคะ
มีแต่ความสุขกายสบายใจค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:7:01:27 น.  

 
ตามน้องสาวมาเที่ยวด้วยคนจ้า

พี่ไม่เคยไปทั้งสองที่หละ ฮาาาาา น่าอายเนาะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:7:16:44 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ



ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:7:55:49 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันอังคารค่ะพี่สาว


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:8:00:36 น.  

 
หวัดดีตอนเช้าครับคุณสาว...

ขอบคุณที่ชวนมาเที่ยวด้วย
บ้านเรายังมีที่ให้ไปเยี่ยมชมอีกมากมาย
อย่างวัดศีรษะทองเนี่ย...ไม่เคยไปครับ
ศาลาทรงจตุรมุขสวยจริงๆครับ
ส่วนแถววังหลัง-ท่าเตียน ถิ่นเก่าผมเอง ^ ^


โดย: Dingtech วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:8:01:21 น.  

 
ตามคุณสาวมาเที่ยว
ไหว้พระ ด้วยคนครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:8:08:01 น.  

 

Friends18.com Orkut Scraps
Friends18.com Good Morning Scraps



อรุณสวัสดิ์ครับน้องสาว


โดย: panwat วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:8:10:40 น.  

 
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา หน้าตาเหมือนทั่วไปแต่อร่อยมากค่า น้องสาว หนังหมูแดงๆนั่นนุ่ม ใส่ถั่วฝักยาวซอยสไลด์บางๆ แหะๆ


โดย: แม่อ้วนคนสวย วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:9:43:53 น.  

 
วันนี้ดูรูปได้แล้วจ๊ะ แต่หน้าบล๊อคมันยืดดดดดมากเลย
ดูทีนึงเห็นเป็นสามหน้ามาต่อกันเลยจ๊า

สงสัยคอมพ์พี่มันรวนแน่ๆ

ขอบคุณน้องสาวนะคะ จุ๊บ จุ๊บ


โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:14:37:46 น.  

 


สวัสดีตอนบ่าย ๆค่ะน้องสาว
แม่หมูมาเที่ยวด้วยนะคะ


โดย: jamaica วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:15:26:03 น.  

 
ในบรรดาวัดทั้งหมดหนูชอบวัดอรุณที่สุดอะ


โดย: น้องผิง วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:16:48:48 น.  

 
ใกล้จะได้ผัดหมี่เบตงกินแล้วนะสาว


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:20:26:19 น.  

 

พี่อุ้มตามมาไหว้พระด้วยคนจ้า
อิอิอิ อัพบล็อกใหม่แล้วจ๊ะเป็นตอนที่ 4 จ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:22:34:31 น.  

 
สวัสดีตอนดึกคะสาว

วันนี้มาทักทายกันรอบดึก
ก่อนเข้านอน

นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: aenew วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:0:12:01 น.  

 
พี่วามาส่งเข้านอนค่ะน้องสาว


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:1:40:12 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:5:54:34 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ทักทายกันเช้าวันพุธกลางสัปดาห์ค่ะพี่สาว


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:8:11:41 น.  

 
สวัสดียาม สายๆ ค่ะ

เอาภาพห้องพัก เดอะ ซินเนอร์รี่ รีสอร์ท สวยๆมาฝากค่ะ



ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:10:09:19 น.  

 
แวะมาเที่ยวด้วยคนค่า เสียดายที่รูปไม่ขึ้นเลย ได้แต่อ่านข้อมูลอย่างเดียว ไว้แวะมาชมรูปอีกทีละกันค่ะ

บีจีบล็อกนี้น่ารักมากค่ะ


โดย: haiku วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:11:17:47 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ

จากบล็อค ใช่เลยครับละครเรื่องรอยไหมไปถ่ายทำที่วัดพระธาตุลำปางหลวงด้วย


โดย: คนเคยผ่านมหาสมุทร วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:14:59:27 น.  

 


โดย: meeudonau วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:16:05:47 น.  

 
ไปอ้อนแฟนมาละ ดีใจจะได้ไปแล้ววว
Black Friday Lowest Prices


โดย: meeudonau วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:20:40:00 น.  

 

ดูข่าวที่ตรังมีงานหมูย่างอีกแล้วค่ะ คุณสาวได้กินไหมคะ


โดย: quilt วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:1:45:44 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องสาว










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:5:42:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sawkitty
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




เป็นคนรักแมวที่เป็นคนยะลา แต่มาทำงานตรัง ถ้าจะตามตัวให้แวะไปหาที่ห้องแมวพันทิบคะ


Friends' blogs
[Add sawkitty's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.