"สุคิริน" เมืองเล็กๆ ที่งดงามในความทรงจำ # ๒ ด่าน เนินพิศวงและศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ
สุคิริน ตอนที่ ๒
หลังจากตอนแรกสาวได้เขียนเรื่อง "สุคิริน" พื้นที่สีแดงที่แฝงด้วยไออุ่นด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไปแล้ววันนี้เรามาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวไปในอำเภอสุคิริน อำเภอเล็กๆ ที่ห่างไกลและงดงามในความทรงจำของสาวกันค่ะ
สำหรับตอนเก่าๆ คลิกได้ตามนี้ค่ะ
ตอนที่ ๑ คลิกเลยค่ะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skybeach&month=24-10-2016&group=17&gblog=66
ประวัติความเป็นมา
อำเภอสุคิริน เดิมเคยเป็นกิ่งอำเภอหนึ่งที่ได้จัดตั้งขึ้นก่อนปี ๒๔๗๔ ชื่อ " กิ่งอำเภอปาโจ " ขึ้นกับอำเภอโต๊ะโม๊ะ ( อำเภอแว้งในปัจจุบัน ) ชาวฝรั่งเศสได้รับสัมปทานการทำเหมืองแร่ทองคำที่บริเวณภูเขาลีซอ (ภูเขาโต๊ะโม๊ะปัจจุบัน) ซึ่งในขณะนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลโต๊ะโม๊ะ ( ตำบลภูเขาทองในปัจจุบัน ) ราษฎรจึงได้อพยพเข้ามาทำงาน ที่เหมืองแร่ทองคำเป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงได้จัดตั้งกิ่งอำเภอปาโจ ขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๗๔ สมัยหม่อมทวีวงศ์ ถวัลศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ขึ้นการปกครองกับอำเภอโต๊ะโม๊ะ (อำเภอแว้งปัจจุบัน) โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๒ ตำบล คือ ตำบลโต๊ะโม๊ะ และตำบลมาโมง มีประชากร ๒,๐๐๐ คน เศษ ตั้งที่ว่าการอำเภอปาโจที่ตำบลโต๊ะโม๊ะ เพื่อสะดวกต่อการปกครอง การให้บริการแก่ประชาชน และดูแลผลประโยชน์ของทางราชการในการจัดเก็บภาษีอากร
ภายหลังสงความอินโดจีน เจ้าของเหมืองแร่ทองคำชาวฝรั่งเศส ได้หลบหนีภัยสงคราม ละทิ้งงานเหมืองแร่ทองคำ รัฐบาลไทยโดยกองโลหะกิจ กรมที่ดินและโลหะกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้คุณพระอุดมธรณีศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำแทน ประมาณ ๑ ปีเศษ ได้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปล้นสะดมทองคำและเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทั่วไปในบริเวณเหมืองแร่ทองคำ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ปราบปรามผู้ก่อการไม่สงบได้ทางราชการจึงได้ล้มเลิกกิจการการทำเหมืองแร่ทองคำ และมอบหมายให้ นายสนาม เลิศวาโช (น้องชายคุณพระอุดม) เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินเครื่องจักรกล ราษฎรจึงได้พยายามกลับภูมิลำเนาเดิม กิ่งอำเภอปาโจจึงถูกยุบเลิกไป ประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๔ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๐๖ คณะรัฐมนตรีได้มีมติโดยให้กรมประชาสงเคราะห์ จัดตั้งนิคมพัฒนาตนเองภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เพื่ออพยพราษฎรที่มีฐานะยากจน และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองจากท้องที่ต่าง ๆ เข้ามาประกอบอาชีพ เขตนิคมคลุมพื้นที่ ๒ อำเภอ คือ อำเภอสุคิรินและอำเภอจะแนะ เนื้อที่ประมาณ ๕๑๐,๐๐๐ ไร่ และได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง พัฒนาภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยมีประชากรที่อพยพมาจากที่ต่าง ๆ ได้แก่ อพยพมาจาก ภาคกลางและภาคอีสาน คือ จังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และ พระนครศรีอยุธยา รัฐกลันตัน ,เขาศูนย์, เป็นสมาชิกโครงการพระราชดำริ,เป็นราษฎรเดิมในพื้นที่ และมาจากภาคใต้ทั่วไป
คำว่า สุคิริน เป็นนามพระตำหนักที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานเมื่อครั้งเสด็จประทับแรมในพื้นที่นี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งมีความหมายว่า พันธุ์ไม้อันเขียวชอุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และพืชพันธ์ไม้นานาชนิด
เมื่อเราเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวไปในตัวอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ สิ่งที่สัมผัสได้คือ สายลมเย็นอ่อนๆ ที่พัดผ่านทั้งเมือง นอกจากลมหนาวอ่อนแล้ว พื้นที่สาวไปเที่ยวคือ ต.ภูเขาทอง และต.โต๊ะโม๊ะแห่งนี้ มีสายน้ำเล็กๆ ไหลผ่านตลอดทาง ที่นี่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำสุไหงโกลก เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงไปยังหลายๆ พื้นที่
วันแรกที่เราไปเราตั้งต้นที่น้ำตกไอกาเปาะจากตอนเก่า จากนั้นพี่กอล์ฟก็เริ่มขับรถพาไปสาวไปที่ต่างๆ เริ่มจาก "สุดด้ามขวานทอง" เขตแดนไทย - มาเลเซียฝั่งสุคิิริน หรือเรียกว่า "จุดผ่อนปรน ฯ ไทย-มาเลเซีย"
จุดผ่อนปรนบ้านภูเขาทอง (ชายแดนไทย-มาเลเซีย สุดปลายด้ามขวาน) เป็นเขตชายแดนระหว่างอำเภอสุคิริน (ประเทศไทย) กับ อำเภอเยอลี (ประเทศมาเลเซีย) ที่ในอดีตเคยเปิดชายแดนให้พี่น้องจากประเทศไทยและพี่น้องจากประเทศมาเลเซียไปมาหาสู่กันได้ ก่อนที่จะได้ทำการปิดในภายหลัง และกำลังเจรจาที่จะขอเปิดเขตแดนอีกครั้งในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ได้รับความชื่นชอบจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและมาเลเซียเป็นอย่างมาก
จุดผ่อนปรนบ้านภูเขาทอง (ชายแดนไทย-มาเลเซีย สุดปลายด้ามขวาน) ตั้งอยู่ที่ บ้านภูเขาทอง หมู่ที่ ๒ ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
มีเรื่องขำตรงสัญญาณมือถือของสาวไวมาก แค่อยู่ตรงนี้ยังไม่เข้าเขตเลย ขึ้นโรมมิ่งทันที ยอม
แอบถ่ายฝั่งโน้น ผ่านลวดหนาม ดูเงียบดีจัง
มีแค่นี้เอง จุดถ่ายรูป ไปต่อกันค่ะ
จุดต่อไป เราจะไปเนินพิศวงกัน มาอวดรูประหว่างทางกัน
รั้วแถวนี้เค้าทำกับไม้ไผ่ สวยดี
วิวสวยมากกก
ตอนนี้เราถึง "เนินพิศวง" กันแล้วค่ะ
"เนินพิศวง" ตั้งอยู่ในเขตป่า ฮาลา - บาลา ซึ่งมีความอุมดมบูรณ์ของธรรมชาติสูง เป็นแหล่งอาหาร ที่พัก ของสัตว์ป่าหลายๆ ชนิด เนินพิศวง มีความพิเศษที่แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ ก็คือ เมื่อเรามองด้วยสายตาเปล่าว่า ที่ตรงนี้เป็นทางลาดชัน แล้วลองวางสิ่งของลงไป ตามปกติแล้ว สิ่งของที่เราวางลงไปเมื่อสักครู่จะต้องไหลลงไป แต่...ที่เนินพิศวงแห่งนี้มีความมหัศจรรย์ หรือ ประหลาดเกิดขึ้น กล่าวคือ ทางลาดชันเมื่อสักครู่ที่เรามองเห็นด้วยสายตาเปล่า ความเป็นจริงแล้วมันเป็นทางลาดลง สิ่งของที่เราวางลงไปเมื่อสักครู่จะไหลย้อนขึ้นมาในทิศทางที่ตรงข้าม ซึ่งสร้างความตื่นตา ตื่นใจ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนไม่น้อย เนินพิศวง ตั้งอยู่ที่ บ้านภูเขาทอง หมู่ที่ ๒ ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
มีป้ายอธิบายด้วย
ปัญหาคือ เราขึ้นรถทั้งคู่ เลยไม่รู้สึก ^^
สิ่งที่ประทับใจ เมื่อมาที่นี่คือเสียงกู่ร้องของนก สัตว์ หรีดหริ่งเรไรดังก้องป่า ประทับใจสุดๆ เลยค่ะ ใกล้ๆ มีป้าย "หน่วยพิทักษ์ป่า" ด้วย อุ่นใจแทนสัตว์ป่าเหล่านี้จริงๆ
ตอนนี้เราจะไปเที่ยวจุดสุดท้ายของบล็อกนี้ "ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ" คือ แต่ไม่ใช่สุดท้ายของวันค่ะ เพราะเราไป วัดภูเขาทอง แต่รอบล็อกหน้านะคะ
ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ
ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะนั้นในสมัยก่อนสงครามเอเชียบูรพา สงครามโลกคร้ังที่สองจะ เกิดขึ้น บนดินแดนหุบเขาที่เรียกว่า เขาโต๊ะโมะ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้มีชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งได้สัมปทานเหมืองแร่โดยว่าจ้างให้กัปตันคิวเป็นหัวหน้างาน
กัปตันคิวเลื่อมใสศรัทธาใน"องค์เจ้าแม่มาจู่" อย่างมากก่อนที่จะมีการสำรวจขุดเหมืองแร่จะประทับร่างทรงเจ้าแม่ก่อนทุกคร้ังและเมื่อมีคนงานหรือชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีการประทับร่างทรงเพื่อบำบัดรักษาจนหาย กระทั่งครั้งหน่ึ่งเจ้าแม่ในร่างทรงบอกว่าบริเวณที่สำรวจห้ามขุด แต่คนงานไม่เชื่อจนทำให้คนงานถูกดินถล่มทับคนงานตายเป็นร้อย ๆ
เจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ทองคำ จึงเลื่อมใสศรัทธา ได้ลงทุนให้กัปดันคิวไปเมืองจีนเพื่ออัญเชิญองค์จำลองของเจ้าแม่มาบูชาที่เขาโต๊ะโมะและสร้างศาลให้ประทับ
จากนั้นความอัศจรรย์ของเจ้าแม่ที่สามารถชี้แนะจนขุดพบแร่ทองคำบริสุทธิ์ทำให้เลื่องลือไม่รู้จบและได้ขนานนามเจ้าแม่ว่าเจ้าแม่โต๊ะโมะ และไม่นานกัปตันคิวก็ได้เสียชีวิตลง
ต่อมาได้เกิดสงครามเอเชียบูรพา สงครามโลกคร้ังที่สองผู้คนลี้ภัยไปคนละทิศคนละทางทำให้ศาลเจ้าแม่โต๊ะทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน จวบจนกระทั่งสงครามได้ยุติลง
หลังจากสงครามยุติ "กำนันฟ้า"ลูกชายกัปตันคิวได้ขึ้นไปยังเขาโต๊ะโมะอัญเชิญกระถางธูปลงไปไว้ที่หมู่บ้านเจ๊ะเห อำเภอแว้งเพื่อให้ชาวบ้านได้สักการะบูชา
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านชื่อ"จุกไท่" ได้นำกระถางธูปไปไว้ที่บ้านสามแยกอำเภอแว้งและได้ทำองค์จำลองเจ้าแม่ขึ้นมาใหม่พร้อมทั้งจัดงานฉลองให้เจ้าแม่เป็นงานประเพณีทุกวันที่ ๒๓ เดือน ๓ ตามปฏิทินจีน ซ่ึงตรงกับวันเกิดของเจ้าแม่
จนกระทั่ง ครั้งหน่ึ้งเจ้าแม่ได้ประทับร่างทรงบอกว่า เมื่อจัดงานครบ ๕ ปี แล้ว ให้นำองค์จำลองพร้อมกระถางธูปไปไว้ที่อำเภอสุไหงโก-ลกจนเป็นที่มาประเพณีสมโภชองค์เจ้าแม่โต๊ะโมะจวบจนปัจจุบัน
ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่พี่น้องเชื่อสายจีนจากทุกสารทิศของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียนิยมมาท่องเที่ยวและกราบไหว้ สักการะ และ ในทุกๆปีจะมีการจัดงานสมโภชศาลเจ้าแม่ ฯ ขึ้นเป็นประจำ เพราะที่อำเภอสุคิริน เป็นสถานที่เดิมที่ได้ก่อตั้งศาล ฯ ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ตั้งอยู่ที่ บ้านโต๊ะโมะ หมู่ที่ ๓ ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
จริงๆ ศาลที่เราไปเป็นศาลที่สองค่ะ ศาลเดิมตั้งอยู่บนเขาที่วัดโต๊ะโม๊ะ ตามตำนานที่อัญเชิญลงจากเขา ตรงนี้เป็นที่ๆ ๓ สาวเป็นเด็กสุไหงโกลก "งานเจ้าแม่" เป็นงานประจำปีอย่างเดียวที่เด็กๆ ที่สนุกสนานกันมาก ดังนั้นสิ่งที่เราใฝ่ฝันคือ การได้มาไหว้องค์เจ้าแม่ที่สุคิรินที่เอง
ศาลตั้งอยู่บนเขา
ด้านบนเป็นลานกว้าง จุดไหว้พระ
เราเข้ามาด้านในกันค่ะ วันนี้มีคนพอดี พี่เค้าเล่าว่าถ้าประตูปิด ศาลไม่ลงกลอนค่ะ ผลักเข้ามาได้เลย แล้วจะมีคนมาปิดซ้ำอีกที วันนี้สาวลืมพกแบงค์ย่อยมา พี่ที่ไหว้พระเลยให้ยืม เค้าจำเราได้ว่าลูกพ่อ เพราะเค้ามาสุไหงโกลกเหมือนกัน (แอบกว้างขวาง)
ช่วงไหว้ เราจะเริ่มจากไหว้ด้านนอกและมาไหว้เจ้าแม่ตรงกลาง และมาทางขวามือ
และซ้ายมือ ตามลำดับ
ปิดท้ายที่ด้านนนอก เผากระดาษ
หลับสบายแล้ว ได้มาไหว้เจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เว็บอำเภอสุคิริน
//ap-sukhirin.blogspot.com/2015/06/blog-post_11.html
และ ประวัติศาลเจ้าแม่โต๊ะจากวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2559 |
|
31 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2559 19:24:48 น. |
Counter : 5529 Pageviews. |
|
|
|
แล้วก็อดคิดถึงสมเด็จย่าและในหลวงไม่ได้เลย