กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
22
23
24
26
27
28
 
 
ประวัติเธียร์รี่ อองรี
เธียร์รี่ อองรี
วันที่ 2/23/2007 6:56:17 PM

แม้ว่าอายุจะล่วงเลยไปถึง 32 ปีแล้ว แต่ เธียร์รี่ อองรี ก็ยังเป็นศูนย์หน้าที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและความเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขายังเป็นขวัญใจของแฟนๆ ทั้งอาร์เซน่อลและบาร์เซโลน่า ต้นสังกัดปัจจุบัน

อองรี เกิดที่กรุงปารีส มหานครของฝรั่งเศส และใช้ชีวิตในวัยเด็กที่สถาบัน "แกลร์กฟงแตง" หนึ่งในตักศิลาลูกหนังที่ดีที่สุดของเมืองน้ำหอม ซึ่งเป็นสถานที่อบรมบ่มนิสัยและสอนศาสตร์ลูกหนังให้จนเป็นวิชาติดตัวจนปัจจุบัน
ระหว่างที่ร่ำเรียนอยู่ในสถาบันดัง "ติตี้" เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนกับทีม เลส์ ยูลิส (1983-1989) ต่อด้วย ปาไลโซ (1989-1990) ,วิรี-ชาติยอง (1990-1992) และอาฟเซ แวร์เซย์เยส (1992-1993 )
ก่อนที่ฝีเท้าของเขาจะไปเข้าตาแมวมองของทีมดังอย่าง อาแอส โมนาโก ที่มีอาร์แซน เวนเกอร์ หนึ่งในกุนซือไฟแรงที่สุดในยุคนั้นเป็นผู้ค้นพบพรสวรรค์ในตัวของอองรี และจับมาขัดเกลาอยู่ในรังสต๊าด หลุยส์ เดอซ์
และเป็นเวนเกอร์ ที่ให้โอกาสอองรี แจ้งเกิดเป็นครั้งแรกในปี 1994 ในวัยเพียง 17 ปี โดยในขณะนั้นเวนเกอร์ ให้อองรี รับบทเป็นปีกซ้ายเนื่องจากเห็นว่ามีความเร็วสูงชนิดที่หาตัวจับได้ยาก และยังมีทักษะการเล่นกับลูกบอลที่เนียนตาเป็นธรรมชาติ
หลังจากนั้นแม้ว่าอองรี จะได้ร่วมงานกับเวนเกอร์ได้ไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขาทำให้สามารถแจ้งเกิดได้พร้อมๆกับ ดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าดาวเด่นเชื้อสายฝรั่งเศส-อาร์เจนติน่า และทั้งคู่ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติฝรั่งเศส ในชุดฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งอองรี สามารถแจ้งเกิดได้อย่างน่าดูชม และมีส่วนในการพา "เลส์ เบลอส์" คว้าแชมป์โลกมาครองได้ในบ้านเกิดของตัวเอง
จากความสำเร็จดังกล่าว อองรี ถูกยูเวนตุส ซื้อตัวไปร่วมทีมพร้อมกับดาวิด เทรเซเกต์ ในเดือน ม.ค. 1999 ด้วยค่าตัวสูงถึง 10.7 ล้านปอนด์ และน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วช่วงชีวิตในเดลเล่ อัลปิ กลับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของอองรี เมื่อเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของลีกลูกหนังแดนมะกะโรนีได้ และทำประตูได้แค่ 3 ลูกจากการลงเล่น 16 นัดเท่านั้น
โชคยังดีที่อองรี ยังอยู่ในสายตาของเจ้านายเก่าอย่างเวนเกอร์เสมอ และเป็นกุนซือชาวฝรั่งเศสคนนี้เองที่กำลังตามหาตัวตายตัวแทนของนิโกล่าส์ อเนลก้า กองหน้าไม่รักดีที่ย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด และคิดว่าอองรี เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจึงควักเงินถึง 11 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อต่อจากยูเวนตุส
กับอาร์เซน่อล
ติตี้ ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในช่วง 10 นัดแรกในสีเสื้อของทีมกันเนอร์ส เมื่อเขาไม่สามารถทำประตูได้เลยและก็มีการตั้งคำถามจากสื่อมวลชนและแฟนบอลว่านี่เป็นการลงทุนที่ถูกต้องหรือเปล่าสำหรับอาร์เซนอล
แต่เวนเกอร์ ก็ให้โอกาสกับอองรีตลอดมา และจับย้ายตำแหน่งจากปีกซ้ายมาเล่นเป็นกองหน้า และเมื่อเวลาผ่านไปกองหน้าคนนี้ก็ค่อยๆพิสูจน์ตัวเองตอบแทนความไว้ใจของเจ้านายที่เข้าใจกันดีที่สุดอย่างเวนเกอร์ได้สำเร็จ และกลายเป็นขวัญใจหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของชาว "กูนเนอร์ส"
อองรี มีส่วนในความสำเร็จของอาร์เซนอล ที่สร้างปรากฎการณ์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดฤดูกาล 2003-04 และยังรักษาสถิติต่อเนื่องจนหยุดที่ 49 นัด จนอาร์เซนอล ได้รับฉายาว่า The Invicibles หรือ "ไร้เทียมทาน" ในช่วงนั้น
แต่ที่เหนือไปกว่านั้นและทำให้แฟนๆอาร์เซนอล รักกองหน้าจากเมืองน้ำหอมคนนี้มากที่สุดคือ อองรี สามารถก้าวผ่านตำนานของเอียน ไรท์ ยอดศูนย์หน้าในยุคปี 90 ได้อย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งทำลายสถิติการพังประตูสูงสุดด้วยการยิงเกินกว่า 200 ลูกให้กับอาร์เซนอล ได้ในปี 2006 และยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถยิงได้เกินกว่า 20 ลูกต่อฤดูกาลเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน
ด้วยผลงานเอกอุดังกล่าว อองรี จึงเคยได้รับรางวัลรองเท้าทองคำซึ่งเป็นรางวัลที่จะมอบให้แก่ผู้ที่ทำประตูได้สูงสุดในแต่ละฤดูกาลของฟุตบอลยุโรป และอองรี ก็ยังเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำถึง 2 ปีติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ชิพถึง 4 ครั้งด้วยกัน
อองรี ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมอาร์เซนอล ในปี 2005 หลังจากที่ปาทริก วิเอร่า กัปตันทีมคนเก่าตัดใจเลือกย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส ซึ่งอองรี ก็ไม่ทำให้ทั้งเวนเกอร์ เพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลทุกคนผิดหวังด้วยการแสดงบทบาทผู้นำได้ดีไม่แพ้วิเอร่า และในบางแง่อองรี ก็มีอิทธิพลมากกว่าด้วยซ้ำ
กระนั้นนักเตะที่ได้รับการยกย่องเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของอาร์เซนอล ก็ต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดเมื่อปีกลาย เมื่ออาร์เซนอล กำลังอยู่ในภาวะถดถอย สโมสรดูไร้แววจะไปแข่งขันกับสโมสรคู่แข่งทีมอื่นๆ ขณะเดียวก็ได้รับการติดต่อทาบทามจากโคตรทีมในเวลานี้อย่างบาร์เซโลน่า
เรื่องนี้มาตึงเครียดถึงขีดสุดเมื่ออองรี ยื้อเรื่องการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่มาจนถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลคือนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งคู่ชิงก็คือทีม "เจ้าบุญทุ่ม" นั่นเอง ทำให้มีการจับตามองว่าผลการแข่งขันในนัดนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจในอนาคตของอองรี
แต่แม้ว่าอาร์เซนอลจะเป็นฝ่ายผิดหวังเมื่อพลาดแชมป์ แต่อองรี ก็ทำเอาแฟนบอลทุกคนน้ำตาซึมเมื่อประกาศต่อสัญญาฉบับใหม่ทันที โดยต้องการอยู่เป็นตำนานในหัวใจของชาวกันเนอร์สตลอดไปและเชื่อว่าอาร์เซนอล จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้
กระนั้นก็ตาม ฤดูกาล 2006/07 อองรี กลับโชคร้ายมีอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง จนได้ลงสนามในเกมลีกแค่ 17 เกม และกดไป 10 ประตู โดยฤดูกาลของเขาต้องปิดฉากลงเร็วกว่าเพื่อนร่วมทีม หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาและกล้ามเนื้อท้องมาจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 และต้องพักยาว 3 เดือน
กับบาร์เซโลน่า
สาวกปืนใหญ่ คาดหวังว่าจะได้เห็นกัปตันทีมคนเก่งหายเจ็บกลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมอีกครั้งในซีซั่นใหม่ แต่สุดท้ายก็ต้องช็อก เมื่ออาร์เซน่อล ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอมูลค่า 24 ล้านยูโร (ราว 1,080 ล้านบาทในเวลานั้น) ของบาร์เซโลน่า
อองรี เซ็นสัญญา 4 ปีกับทีมยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลัน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2007 พร้อมกับรับค่าเหนื่อย 6.8 ล้านยูโร (ราว 306 ล้านบาท) ต่อฤดูกาล โดย บาร์ซ่า ตั้งค่าฉีกสัญญาไว้สูงถึง 125 ล้านยูโร (ประมาณ 5,625 ล้านบาท)
ยอดหัวหอกเฟร้นช์แมน ให้เหตุผลที่อำลาอาร์เซน่อลว่าเขารู้สึกไม่แน่ใจในอนาคตของ เวนเกอร์ รวมถึงการลงจากตำแหน่งของ เดวิด ดีน อดีตบิ๊กบอสของทีมด้วย แต่เขาก็ยังเป็นตำนานของทีมปืนใหญ่ ในฐานะเจ้าของสถิติพังประตูในลีกสูงสุด 174 และทำประตูสูงสุดในเกมยุโรป 42 ประตูด้วย
ติตี้ ได้สวมเสื้อหมายเลข 14 ในถิ่นคัมป์ นู เช่นเดียวกับที่เขาใช้สมัยที่ยังค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก โดยเขาทำประตูแรกให้บาร์ซ่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2007 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่ถล่ม ลียง 3-0 ก่อนจะทำแฮตทริกแรกให้ต้นสังกัดใหม่ในการพบกับ เลบานเต้ ในเกมลีกอีก 10 วันให้หลัง
แม้จะมีสถิติการพังประตูที่ดีแต่ อองรี กลับถูกจับไปเล่นในตำแหน่งปีกเกือบตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถจะถล่มประตูได้มากเหมือนเดิม จนกระทั่งออกมายอมรับผ่านสื่อว่ารู้สึก "คิดถึงบ้าน (เกมฟุตบอลอังกฤษ)" กระนั้นก็ตาม อองรี ก็จบฤดูกาล 2007/08 ด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของบาร์ซ่า หลังทำได้ 19 ประตูและผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ 9 ครั้ง
ฤดูกาล 2008/09 ต่อมา อองรี สามารถคว้าแชมป์กับบาร์ซ่าได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ในรอบชิงชนะเลิศโคปา เดล เรย์ ก่อนที่จะซิวแชมป์ลา ลีก้า และแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย
อองรี, ลีโอเนล เมสซี่ และ ซามูแอล เอโต้ สามประสานในเกมรุกทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำประตูรวมกันได้มากถึง 100 ประตูในทุกถ้วย จนพาบาร์ซ่า สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นทีมจากสเปนทีมแรกที่คว้าทริปเปิลแชมป์
นอกจากนั้น พวกเขายังทำประตูรวมกันในลา ลีก้าได้มากถึง 72 ประตูด้วย ซึ่งเป็นการทำลายสถิติเก่าของ เฟเรนซ์ ปุสกัส, อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ และ หลุยส์ เดล โซล สามประสานของเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 1960/01 ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเคยคว้าแชมป์โลก (1998) ,รองแชมป์โลก (2006) ,แชมป์ยูโร (2000) และประสบความสำเร็จมากมายกับอาร์เซนอล แต่ในความสำเร็จส่วนตัวแล้วอองรี ยังไม่เคยได้รับรางวัลที่ถือเป็นเกียรติสูงสุดอย่างรางวัลลูกบอลทองคำหรือ "บัลลงดอร์" และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะได้รับการเสนอชื่อหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : เธียร์รี่ อองรี
วันเกิด : 17 สิงหาคม 1977
เกิดที่ : ปารีส ,ฝรั่งเศส
ตำแหน่ง : กองหน้า, ปีก
ส่วนสูง : 188 ซม.
ฉายา : ติตี้ ,King Henry ,TH14 ,Anaconda ,Va Va Voom
สโมสรปัจจุบัน : บาร์เซโลน่า
หมายเลขเสื้อ : 14

สโมสรอาชีพ
ปี สโมสร ลงเล่น ประตู
1994 - 1998 โมนาโก 110 20
1998 - 1999 ยูเวนตุส 16 3
1999 - 2007 อาร์เซนอล 254 174
2007 - ปัจจุบัน บาร์เซโลน่า 63 32

ทีมชาติ
1997 - ปัจจุบัน ฝรั่งเศส 115 51







ขอบคุณ //football.impaqmsn.com/content.aspx?id=9710&ch=256&ch=player



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2554 10:14:58 น.
Counter : 1164 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sivilai_tu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





MY VIP Friend