150 น้ำใจ
น้ำใจ จากคนมอสโคว์
ในเมโทรหรือรถไฟใต้ดิน สุภาพบุรุษหรือสุภาพสตรีชาวมอสโคว์ที่ได้รับการปลูกฝังให้เสียสละแก่เด็ก สตรี คนชรา และผู้ทุพพลภาพ
การปลูกฝังเสียสละมีสอนทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน แต่คนจะปฎิบัติหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ขอเล่าสุภาพบุรุษนะคะ เพราะสุภาพสตรีรุ่นๆ ประมาณ 20 - 30 ปีเมื่อเห็นเด็ก คนชรา หรือผู้ทุพพลภาพจะรีบลุกสละที่นั่งให้ทันที โดยไม่มีการถามว่า "นั่งไหมคะ" แต่ถ้าสาวๆ สมัยใหม่เช่นเด็กมหาวิทยาลัยหรือสาวๆ บางคนจะทำไม่สละที่นั่ง เพราะติดมือถือ (อัตราการติดมือถือที่นี่ไม่เยอะค่ะ เพราะว่าโจรเยอะ เดี๋ยวมาบอกว่ามันอันตรายอย่างไรค่ะ) แต่คิดในทางที่ดี บางคนก็เมื่อย เพราะระยะเวลาในการต่อรถไฟนานค่ะ
สุภาพบุรุษในเมโทร ขอแทนคำว่า "หนุ่มเมโทร" นะคะ เล่าจากประสบการณ์ตัวเองค่ะ
เท่าที่สังเกต... หนุ่มเมโทร บางคนนั่งอ่านหนังสือ (ยืนอ่านหนังสือก็มีค่ะ ชอบหนอนหนังสือ ที่นี่มีให้เห็นบ่อยค่ะ ขอให้อ่านเถอะ บางคนก็อ่านจากมือถือเป็นอีบุ๊คเลยค่ะ) บางคนเล่นเกม บางคนก็นั่งเฉยๆ บางคนก็เล่นมือถือ แต่เมื่อเมโทรจอดสถานี หนุ่มเมโทรบางคนจะจ้องคนที่เดินเข้ามาใหม่ว่า มีเด็ก สตรี คนชรา หรือผู้ทุุุพพลภาพไหม ถ้ามีก็จะรีบสละที่นั่งให้เลยค่ะ ไม่เคยได้ยินถามว่า "นั่งไหมครับ" หากเด็ก สตรี คนชราไม่นั่ง เขาก็จะยืนค่ะ ไม่กลับไปนั่งที่เดิม
บางครั้งเราวิ่งมาจากเมโทรอื่น เพื่อที่จะได้ทันเมโทรสายที่ต้องไป วิ่งมาอย่างหอบ พอเข้าในเมโทรแล้ว โชคดีเจอคนสละที่นั่งให้ก็มีค่ะ เพราะหายใจหอบมาเลย (อึดอัดจากการแบกเสื้อกันหนาวด้วยค่ะ) ถ้าโชคน้อยก็ยืนนิ่งๆ ควบคุมการหายใจให้เข้าที่ไป
ในเมโทรมีประกาศอัตโนมัติ "กรุณา(มีน้ำใจ)สละที่นั่งแก่ผู้โดยสารที่มากับเด็ก คนชรา และผู้ทุพพลภาพ" แต่ใครจะทำตามหรือไม่อยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน แต่ส่วนมากคนมอสโคว์หนุ่มสาวจะสละที่นั่งให้ค่ะ
มือถือในเมโทรที่มอสโคว์ ค่อนข้างอันตรายค่ะ สืบเนื่องจากมอสโคว์กว้าง การเดินทางเมโทรจึงใช้เวลานานค่ะ ดังนั้นทุกคนเลยเหมือนรีบ (เรายังต้องเปลี่ยนเมโทร 3 สาย รวม 11 สถานี ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดในเมโทร 40 นาทีค่ะ นี่ทำเวลาที่สุด แบบเดินจ้ำตามควายแล้วนะคะ) ถ้าขึ้นขบวนที่มีแบบหยุดกลางทาง เพื่อให้ขบวนข้างหน้าทิ้งช่วงไป โอยย ..... เวลาจะยืดออกไปอีกค่ะ) ทุกคนต้องทำเวลา และต้องรวดเร็วค่ะ เพราะเมโทรจอดแล้วรอไม่นานค่ะ ดังนั้นเมื่อใกล้ๆ ถึงสถานีที่เราต้องการจะลง คนที่ลงจะเตรียมตัวออกันที่ประตู ส่วนใครที่ยืนขวางจะถามเลยค่ะว่า "คุณจะลงหรือเปล่า" ไม่มี "ขอทางหน่อย" ถ้าลงก็พยักหน้า หรือตอบรับคำสั้นๆ ไป ถ้าไม่ลงกรุณาหลีกทางค่ะ ไม่อย่างนั้นชนปลิว แล้วพวกเขาชนกันจริงๆ นะคะ เพราะคุณมายืนขวางทำไม ที่นี่ไม่ใช่ที่ยืน! อยากยืนโน่น...ข้างใน หรือหลบมุมไปเลย ทีนี้บางคนที่ยืนข้างๆ ประตูหากกำลังเล่นมือถือ สมาธิจดจ่อที่มือถือ โจรคว้าแล้วลงเมโทรไหลตามคลื่นมนุษย์เลยค่ะ ตามไม่ได้แน่นอน ดังนั้นแม้จะคลั่งมือถือแค่ไหน แต่ทุกคนรู้กาละเทศะ (เราก็เคยเดินชนเหมือนกันค่ะ เพราะหากพลาดขบวนที่ต่อ ต้องรออีก 2 นาที แล้วมันจะลากเวลาต่อๆ ไปค่ะ) ส่วนทางฝั่งชานชาลา ถ้ายืนขวางทางออกก็ชนค่ะ เพราะคนในเมโทรจะเหมือนทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว
เมโทรอันตรายไหมในมอสโคว์ จริงๆ แล้ว แค่ก้าวขาออกจากบ้านก็ไม่ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ เราต้องมีสติ
เอ๊ะ.....พาออกทะเลน้ำใจซะแล้ว ฮา มาๆ พาเรือกลับค่ะ
ในพันทิป นักท่องเที่ยวบ้านเราชมกันหลายคนเรื่องน้ำใจของคนรัสเซียที่พาไปส่ง หรือบอกทาง มันเป็นเรื่องที่น่าขอบใจพวกเขาที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กระทั่งช่วยยกกระเป๋า แต่เรากลัวค่ะ ยอมยกเอง ช่วยเหลือตัวเองดีกว่า จะว่าไปตั้งแต่มาเรียนเองอาทิตย์แรกๆ ไม่มีใครเลยสักคนเสนอช่วยบอกทาง มีแต่เดินชน เพราะยืนเอ๋อ มองป้าย คนก็รีบเดินไม่สนใจเรา สงสัยหน้าตาเราไม่เหมือนนักท่องเที่ยวแน่ๆ แต่ชั่งเถอะพึ่งตัวเองดีกว่า ค่อยๆ คลำทางเอาเองละกัน
น้ำใจการขึ้น - ลงบันได คนที่ไม่รีบให้ชิดขวา เพราะทางซ้ายคือช่องด่วนสำหรับคนรีบค่ะ หากช่วงกำลังขึ้น ทุกคนจะมีน้ำใจให้คนที่พยายามแทรกตัวก่อนหน้าให้ไปก่อนค่ะ แม้ว่าจะแซงคิวก็ตาม แต่จะมีมารยาทคือค่อยๆ ขยับๆ แทรกทางเดินขวามือ เว้นแต่คนปาดหน้าเรา บางทีก็เหมือนยืนดมก้นเขาค่ะ
น้ำใจการสละที่นั่งมีตามการเดินทางขนส่งมวลชนค่ะ แต่ส่วนมากเราใช้บริการเมโทรเพราะซิ่งดี ฮา
น้ำใจที่เจออีกที่คือ ที่วิทยาลัยที่เรียนค่ะ
วันนั้นหยอดเหรียญจะซื้อน้ำ ปรากฎว่า หน้าจอขึ้นอะไรไม่ทราบค่ะ ทำไงดี (อารมณ์ตอนนั้นอยากกลายร่างเป็นกอลิล่าเขย่า ตะโกนในใจดังๆ "เอาเงินของหนูคืนมา') พอดีมีสาวรัสเซียมายืนต่อคิว ตอนนั้นยังพูดได้ไม่มาก (ตอนนี้ก็ยังไม่คล่องค่ะ ฮา) ทำท่าชี้ ใบ้ๆ บอกว่า "หนี ระโบต่ะเย็ท" (แปลว่า ไม่ทำงานค่ะ ห้ามคิดลึกค่ะ) เธอก็กดปุ่ม 2 ครั้ง เงินร่วงมาแล้ว ดีใจ บอกขอบใจ 1 ครั้ง แล้วเดินไปซื้อที่โรงอาหาร (เดินไกลค่ะ) *** แปะลิงค์ให้เพิ่มอรรถรสในการอ่านค่ะ ตู้มันหน้าตาอย่างนี้ค่ะ***
ที่วิทยาลัย สืบเนื่องจากเป็นคนกระตือรือร้นมาเรียน มาถึงก่อนเวลา 1 ชม. เสมอ ทุกๆ เช้าจะเจอภารโรงกวาดหิมะ มีหลายครั้งที่เราไม่ชอบเดินลงบันไดตอนหิมะลงเพราะกลัวก้มจ้ำเบ้า คุณลุงภารโรงที่กำลังแซะหิมะเคยยื่นมือให้เราจับ ก็ค่อยๆ ก้าวลงค่ะ ครั้งต่อไปไม่กล้าเลย บอกขอบคุณเฉยๆ เพราะลุงจะได้รีบทำงานให้เสร็จๆ จะได้เข้าไปในตัวตึกอุ่นๆ
**บันได้ทางเข้าวิทยาลัยค่ะ เมื่อวันพุธที่ 2 มีนาคม 2559 ค่ะ หิมะถล่มซะบันไดหายไปเลย ฮา วันนั้นเดินลำบากมากค่ะ ด้วยเพราะมาเช้า คนงานกวาดหิมะยังไม่มา ได้แต่เดินตามรอยเกวียนไปก่อน เดินเป็นเพนกวินเพราะพื้นหิมะไม่เรียบค่ะ
น้ำใจในที่นี้ไม่ต้องสละอะไรก็ได้ค่ะ แค่ทักทายสวัสดีกับใครก็ได้ ยิ้มให้กัน ก็ถือว่ามีน้ำใจไมตรีให้แก่กันและกันแล้วค่ะ
**คนรัสเซีย เหมาทั้งประเทศนะคะ ยิ้มยากกับคนแปลกหน้าค่ะ แต่ถ้าซี้กันเมื่อไหร่ ฮากระจาย น้ำตาเล็ด น้ำใจเพียบให้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด**
**น้ำใจจากเพื่อนๆ ชาวต่างชาติก็มีนะคะ แต่ขอกล่าวคนรอบๆ ตัวคือคนเฉพาะที่มอสโคว์ค่ะ**
ส่วนคนที่ไม่มีน้ำใจก็มีค่ะ คือพวก ซีไอเอส ที่อพยพเข้ามาอาศัยในรัสเซีย เพราะสังเกตมากกว่า 5 ครั้งผลลัพท์ออกมาเหมือนกันค่ะ คือ ที่นั่งในเมโทร ใครลุกจะเสียบนั่งทันที ทั้งชายและหญิง บางทีก็ปาดหน้าขึ้นบันไดเลื่อน เราเห็นทุกวันแยกออกว่ามาจากประเทศซีโอเอส พวกนี้จะต่างจากเจ้าของประเทศมากๆ แต่ก็ขึ้นกับคนอีกล่ะค่ะ บางคนก็สละที่นั่งให้ค่ะ เรามักจะขอบคุณเขาในใจ อวยพรให้ชีวิตของเจริญขึ้นๆ แม้ไม่ได้เสียสละให้เราก็ตาม เพราะหายากกับคนเหล่านี้ บางคนเสียบที่นั่งแล้วอุดหู ฟังเพลง นั่งสบายใจ
Create Date : 07 มีนาคม 2559 |
Last Update : 7 มีนาคม 2559 7:24:01 น. |
|
24 comments
|
Counter : 953 Pageviews. |
|
|
ยามที่เราอยู่ต่างแดนไกลบ้าน..
อะไรเล็กๆน้อยๆ ดูมีค่ามากๆนะค่ะ ถ้าใครมาทำให้กับเรา
ฉะนั้น เราต้องทำให้คนรอบๆข้างเราด้วยค่ะ
หวังว่าจะได้เจอกันบ้างในเมืองไทยนะค่ะ