ถนนสายนี้ มีตะพาบ 163 บ้านนอก (เมโทรสายใหม่)
ถนนสายนี้ มีตะพาบ 163 บ้านนอก
มอสโกเปิดเส้นทางรถไฟใต้ดินสายใหม่ Moscow Center Ring หรือ วงแหวน(รอบนอก)มอสโก
คลิกลิงค์แล้วใช้แว่นขยายนะคะ สายใหม่คือ วงกลมสีแดงค่ะ อาจจะอ่านยากสักหน่อย ถ้าขยายภาพแล้ว ดูอธิบายด้านข้างค่ะ เมโทรสายใหม่ส่วนมากจะไม่ได้ต่อกับสถานีใต้ดิน ช่วงตัดเชื่อมกับเส้นทางเดิม ต้องเดินจากข้างนอก จะมีเวลา และระยะทางบอกค่ะ เส้นทางที่หนูใช้โชคดีหน่อย มันเชื่อมภายในทั้งตอนขึ้น และทางเชื่อมที่ต้องไปต่อ แต่ในความโชคดีนั้นก็ลำบากนิดหน่อยช่วงแรกใช้ค่ะ กว่าจะเคยชินคงอีกไม่นานเพราะอย่างไรก็ต้องใช้ทุกวันอยู่แล้ว)
ซึ่งเปิดใช้บริการวันแรกคือเสาร์ที่ 10 กันยายน เนื่องจากเป็นวันเกิดของเมืองมอสโก (ที่เขากำหนดไว้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะอ่านประวัติศาสตร์บอกแค่ว่า ค้นพบปี 1147 เท่านั้น) ก็เลยปฐมฤกษ์ซะเลย
วันจันทร์ที่ 12 กันยายนที่ผ่านมาเลยได้ฤกษ์ใช้บริการ แต่ปัญหาคือ "งง" ฮา เนื่องจากแตะบัตรเข้าเมโทรแล้ว พอเปลี่ยนขบวนเส้นทางใหม่ มีทางเข้าขนานกัน แต่มีแยกสำหรับคนเข้าใหม่ กับคนเปลี่ยนเส้นทาง คนไม่เคยอย่างเราก็ยืนดูคนอื่นก่อน แล้วเดินตามเขาไป
เดินลงมาถึงชานชาลา ซึ่งเป็นชานชาลาเปิด หนาวมากๆ 10 องศากันทั้งอาทิตย์เลย เหอ เหอ แถมฝนด้วย ความเร็วลม 2 - 4 กม. ซึ่งลมเป็นลมจากทางเหนือ (พยากรณ์ที่นี่จะบอกทิศทางลมค่ะ ว่ามาจากทิศไหน จะได้เตรียมใส่เสื้อผ้าเหมาะๆ ) ช่วงเช้าเวลา 7.10 น. นี่หนาวสะท้านดีค่ะ แต่ร่างกายเริ่มชิน เพราะลุยไปเรียนมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ลุยมาตลอด
ถ้าใช้เส้นทางเก่าคือมันอยู่ใต้ดินตลอด 40 นาทีในการเดินทาง เดินรูดซิบเสื้อกันหนาวเลย อุ่นจนร้อน เพราะทั้งขึ้นบันไดเลื่อน ทั้งเดิน หรือไม่ก็ต้องวิ่งตัดหน้าชาวบ้านก่อนที่คลื่นคนออกจากเมโทรจะเดินมาตัดเส้นทางขึ้น - ลง เปลี่ยนขบวน คือแบบว่า ถ้ามาเจอคลื่นคนต้องหลีกให้เขา เราจะต้านไม่อยู่ เดินแทรกไม่ได้เลย เขาเดินชนกันทั้งนั้น แทบจะต้องเดินอ้อมกลุ่มคนทีเดียว เพราะทุกคนต้องการความเร็ว ไม่มีหลบหลีกให้หรอก ระวังสะดุดเท้ากันเอง อะ ยืนรอรถไฟขบวนใหม่ ซึ่งสายนี้คือ หมายเลข 14 รถไฟใหม่เอียม หรูหรา
คนอยู่บ้านนอก หรือนอกเมืองนิดๆ ดีหน่อย เพราะเวลาเดินทางไม่ต้องนั่งเมโทรทะลุสายวงกลมที่ตัดกัน (คือสายสีน้ำตาล สาย 1 ค่ะ) เลยประหยัดเวลาได้อีกเยอะ
ข้อดีคือ
1. เงียบกริบ เมโทรที่ปารีสก็เสียงดังพอๆ กับที่มอสโก นั่งบ่อยๆ ก็สงสารแก้วหูตัวเอง บางทีก็เอามืออุดหูบ้าง 2. ที่นั่งโล่ง เนื่องจากสถานทีที่ต่อนั้น ใกล้กับต้นทาง และออกเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงเวลาคนหนาแน่น (คนมอสโกชอบใส่เสื้อหนัง แต่ถ้าฝนตก กลิ่นหืนจากเสื้อหนัง อื้อหือ...อุทานไม่ถูกคำเลยทีเดียว) 3. มีบอกเวลา ชื่อสถานี อุณหภูมิ (ไว้เตรียมตัว เตรียมใจ) 4. วิวข้างทางสวย เพราะวิ่งบนพื้นดิน บางทีก็ลอยบนฟ้า สายใหม่ไม่ได้มุดดิน 5. รวดเร็วมากๆ ประหยัดเวลาไปเยอะเลย (เว้นช่วงกลับบ้านคือบ่าย 3 โมงกว่า ยืนรอตั้ง 10 นาทีแหนะ ดีแค่ช่วงเช้าๆ รถไฟมาถี่หน่อย แต่ถ้ารถไฟใต้ดิน มาทุก 1 นาทีนิดๆ หรือน้อยกว่านี้ด้วย 6. เบาะนิ่ม เบาะฝั่งละ 2 หรือ 3 7. ที่นั่งของเบาะมีทั้งแบบหันหน้าตามรถไฟ และหันหลังให้ ซึ่งต่างจากเมโทรใต้ดิน คือนั่งข้างๆ ดังนั้นถ้านั่งแบบหันหลัง รู้สึกงงนิดๆ คือแบบนั่งสวนทางกับรถวิ่ง รู้สึกไม่ค่อยสบายคอ ...
ข้อเสีย 1. ทางเข้า - ออก จะทำทางเข้าแยกเพื่ออะไร บางคนที่ไม่ได้ศึกษาต้องเสียค่าครู (ค่าเข้า)อีกรอบ คือแบบว่า ทางเขาหน้าตามันเหมือนกันหมด แต่มันมีจุดแตกต่างคือ มีสติ๊กเกอร์สีเหลืองที่มีสัญลักษณ์บอกให้คนที่เปลี่ยนเส้นทางแตะบัตร (คนเข้าใหม่ หรือเข้าผิดช่องไม่ต้องแตะบัตร แต่จะเสียค่าเข้าอีกรอบ) เพื่อที่ทางออกจะต้องแตะบัตรอีกรอบ ไม่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่ม ระบบจะขึ้นว่า "เปลี่ยนสายขบวน" คือสงสารคนไม่รู้ และนักท่องเที่ยวมากๆ 2. ชานชาลาหนาวมากๆ รับลมมาเต็ม (ชานชาลาอื่นไม่รู้ว่าจะเปิดโล่งไหม ถ้าถึงเวลา - 20 ขอกลับเส้นทางเดิมดีกว่า แต่ถนนคงสวย เพราะขาวโพลนไปหมด) 3. ประตู ทำไมต้องกดปุ่มเปิด ไม่อัตโนมัติเหมือนรุ่นที่มุดใต้ดิน เพราะมีประสบการณ์จากเมโทรที่ปารีสแล้ว สะเอียนมากๆ ในตู้เมโทร มีอาเจียนแห้งๆ เปรอะที่ประตูทางออก แล้วเมโทรปารีสต้องใช้มือกด ไม่ได้อัตโนมัติเหมือนบีทีเอสบ้านเรา ข้าพเจ้าเดินหนีไปทางออกอื่นทันที ลงสถานีถัดไป แต่เปลี่ยนตู้เอา แต่ที่ปารีสไม่มีเสียงคนพูดบอกสถานีถัดไป 4. ขากลับ รอนานตั้ง 10 นาที หรือพอดีแจ็คพ็อคหนอ 5. จำกัดเวลาใช้แค่ 90 นาทีเท่านั้น หากนานกว่านั้น ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะมีการชาร์ทเงินเพิ่ม ไม่มีเวลาบอกว่าขบวนถัดไปจะมากี่นาที ซึ่งทางใต้ดินมีเครื่องจับเวลาบอกว่า รอกี่วินาที 6. สถานีชื่อใหม่ ทั้งๆ ที่บรรจบกับสถานีเมโทรบางสาย ก็ตั้งชื่อกันใหม่ให้สวยเก๋ แต่คนไม่ชินนี้จะ "งง" หนัก ต้องจำให้ได้ว่า เราไปต่อสายสีอะไร แล้วหมายเลขไหม แต่ขึ้นผิดก็อ้อม เสียเวลาตั้งสติใหม่ 7. ทางเดินลื่นค่ะ เงาวาบเลย แต่ใส่ผ้าใบก็ฟิตๆ กับพื้นดี ต้องดูช่วงหน้าหนาวว่ารองเท้าบูทจะติดพื้นดีไหม เวลาเดินต้องระมัดระวัง 8. ไม่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม มีภาพช่วงกำลังก่อสร้าง ดังนั้นอาจจะไม่ว้าว เพราะสถานีไม่คลาสิคเท่าของเดิม 9. ไม่มีที่นั่งรอ 10. พอมาถึงจุดต่อ "งง" อีกรอบ ถ้าไม่ต้องสติสกิลเอาตัวรอดจะทำงานช้าทันที ด้วยต้องรีบมองหาป้ายว่า รถไฟจะวิ่งไปทางไหน มองไม่ดีก็เหมือนนั่งย้อน เสียเวลาอีก
ตอนนี้เจอแต่ข้อเสียค่ะ เพราะยังไม่ชิน แถมประตูด่านตั้งแต่เข้า จนถึงออก แตะไป 3 ครั้ง ซึ่งปกติแล้วจะแตะบัตรตอนเข้าเท่านั้นค่ะ ขาออกไม่ต้องแตะ ออกได้อัตโนมัติ แต่ถ้าเดินเข้าตรงทางออกจะมีประตูมาตีหน้าขาค่ะ (เพื่อนผู้ชายบอก "ปวดไข่" ดีเหลือเกินเพราะมันพอดีตำแหน่ง)
ใช้ทุกวัน รับรองชินเร็วค่ะ แต่นักท่องเที่ยวรับรอง "งง" ปีใหม่ 1 มกราคม 2017 จะเปิดหมดทุกสถานี และรอราคาปรับใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของประเทศนี้ หรือเมืองหลวงนี้ก็ไม่ทราบค่ะ ราคาสาธารณูปโภค อุปโภค บริโถค ปรับขึ้นหมด (รายจ่ายนะคะ) รายรับก็ ....รอไปเถอะ ไม่รู้จะให้เงินเฟ้อไปทำไม ต่อให้ค่าเงินร่วงก็ตาม แต่ราคาอาหารก็เริ่มที่ 100 กว่าบาท (หรือประมาณ 250 รูเบิ้ลค่ะ ต่อข้าวพร้อมกับ) ซึ่งข้าวบ้านเรา 35 - 40 บาทตามบ้านนอกนี่อิ่มถึงคอหอย เผลอๆ ก๋วยเตี๋ยว 20 บาท น้ำ(ชา)ฟรีบริการตัวเอง ก็อิ่มได้ 1 มื้อ
ตอนนี้ยังไม่มีรูปค่ะ เพราะทางยังใหม่ คนยัง "งงๆ " กันอยู่ บางทีอาจจะเดินชนกันได้ แล้วช่วงเช้าทุกคนต้องรีบไปทำงานกัน อาทิตย์หน้าจะอัพเดทรูปให้นะคะ จะถ่ายทุกช็อตเลยค่ะ
ขอบคุณที่อ่านยาวๆ นะคะ
Create Date : 17 กันยายน 2559 |
|
9 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2559 3:56:12 น. |
Counter : 1221 Pageviews. |
|
|
|
ที่นี คงไป เซ็นต์ปีเตอร์นะครับ
เอาไว้ดูภาพประกอบในตอนต่อครับ