ร่างงามในชุดที่เซ็กซี่ซบนิ่งอยู่ในวงแขนอันแข็งแกร่งของเจนภพ ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดที่เตียง แล้ววางร่างของหญิงสาวลงอย่างแผ่วเบา เรียวนิ้วของสาวนักเรียนนอกซอกไซ้อยู่กับเส้นผมสีดำขลับของชายหนุ่ม
เจนภพค่อยๆ โน้มหน้าลงประทับจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ปลายลิ้นของเขาซุกไซ้ซอกซอนหาความหอมหวานจากหญิงสาวจนทำให้เธอครวญครางด้วยความกระสันรัญจวน
อืมม์...
ร่างบางสั่นระริกเมื่อเธอดูดดื่มความสุขที่เขาส่งมอบให้ แพรขนตายาวงอนหลับพริ้มอย่างมีความสุข
มือหนาของชายหนุ่มค่อยๆ ซุกไซ้ไปตาร่มผ้าของหญิงสาวอย่างมีชั้นเชิง ก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่ตะขอบราเชียร์แล้วค่อยๆ ปลดมันออกย่างแผ่วเบาและมีชั้นเชิง จนทำให้ร่างกายของสาวนักเรียนนอกเริ่มขยับรุนแรงขึ้นเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่ผงาดเงื้อมง้ำอย่างน่ากลัว
สองมือบางที่โอบกอดคอของชายหนุ่มค่อยๆ เลื่อนมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้ามจนบัดนี้ทั้งสองต่างอยู่ในสภาพไม่แพ้กัน
พิมมี่รักคุณนะคะเจนภพ พิมมี่รักคุณเหลือเกิน
น้ำเสียงของหญิงสาวที่ออดอ้อนสั้นระริกต่อความสะท้านเสียวที่ชายหนุ่มมอบให้ อารมณ์ที่สร้างความหฤหรรษ์บรรเลงไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่ทั้งสองส่งมอบให้แก่กันและกัน เสียงครวญกระเส่าดังสลับกันอย่างได้อารมณ์ สายฝนที่ตั้งเค้ามานานบัดนี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาแบบไม่หยุดยั้ง จนหยาดน้ำฝนเกาะพร่างพรมไปทั่วบริเวณ เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ใบหน้าเรียวสวยบิดเบี้ยวไปตามจังหวะความสุขสันต์ที่ได้รับมอบจากเขาอย่างเต็มอิ่ม
เจนภพค่อยๆ พลิกกายอันแข็งแกร่งลงนอนราบกับพื้นเตียงที่หนานุ่มด้วยความเหนื่อยอ่อน ถึงแม้มันจะเหน็ดเหนื่อยเพียงไรแต่ความสุขที่เขาได้รับจากเธอมันก็สุขล้นและแปลกใหม่จนเขาอยากจะกลืนกินเธออีกครั้ง
พิมมี่มีความสุขจัง...คุณเก่งจริงๆ นะคะ
คราวนี้คุณเชื่อผมหรือยังว่าผมมีน้ำยาอยู่เต็มพิกัด
เจนภพเอ่ยบอกเสียงกระเส่า เขาโน้มใบหน้าไปซุกไซ้ที่ซอกหูของหญิงสาวเบาๆ
พิมมี่เชื่อแล้วคะว่าคุณไม่เหมือนใครจริงๆ คุณเก่งจริงนะคะ
พิมาลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน สายตาคู่สวยฉายฉาบไปด้วยความสุขล้น นิ้วเรียวเรียบของหญิงสาวไล้ลูบอยู่บนแผงอกกว้างของชายหนุ่มแผ่วเบา
คุณก็ทำให้ผมมีความสุขเช่นกันครับ
ชายหนุ่มกระซิบผ่านซอกหูก่อนจะกระชับร่างบางระหงของหญิงสาวให้มาอยู่ในอ้อมอกของเขาอีกครั้ง
กลิ่นกายสาวหอมฟุ้งจรุงใจจนทำให้ชายหนุ่มต้องตกเข้าสู่ห้วงดำมืดฤษณาอีกครั้งอย่างยากที่จะฉุดรั้งไว้ได้ ใบหน้าหล่อที่แซมไว้ด้วยหนวดเคราค่อยๆ โน้มเข้าไปจูบซอกไซ้ลำคอระหงอีกครั้ง
อืมม์...
สาวนักเรียนนอกเริ่มครางกระเส่าอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มเปิดเพลงรักรอบที่สอง ดวงตาคู่สวยหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ริมฝีปากสีสดแย้มยิ้มนิดๆ ดูจะสุขสันต์เต็มทีกับบทรักที่เขามอบให้ นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างช้าๆ เพื่อหวังปลุกเร้าเพลิงพิศวาสให้ลุกร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
สายลมเย็นพัดแผ่วเป็นจังหวะตามห้วงทำนองที่หฤหรรษ์ บทเพลงรักยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตามท่วงทำนองที่ทั้งสองส่งมอบให้แก่กัน ใบหน้าสากซอกไซ้ไปตามเนินขุนเขาที่อวบอิ่มที่ตั้งตระหง่านท้าทายอยู่เบื้องหน้า กลิ่นกายสาวสวยหอมฟุ้งตลบไปทั่วจนทำให้ไฟพิศวาสไม่อยากจะมอดดับลงได้
เวลาสุขแห่งห้วงความหฤหรรษ์ยังคงดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเวลาผ่านไปบทพิศวาสก็ยิ่งดำเนินการไปแบบร้อนแรงกว่าเดิม เสียงครวญครางกระสันรัญจวนของทั้งสองหนุ่มสาวดังสลับกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพลิงพิศวาสที่ร้อนแรงบัดนี้เริ่มเผาผลาญบุคคลทั้งสองให้หลอมละลายกลายเป็นของกันและกันด้วยบทเพลงรักที่ร้อนแรง
*****
รุ่งเช้าของวันใหม่...ฟ้าหลังฝนย่อมทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูสดชื่นไปกับความชุ่มฉ่ำที่ได้รับ เช่นเดียวกับเจนภพที่เดินผิดปากเดินออกมาจากโรงแรมพิมายโรสอินทร์ด้วยความสบายใจ
บทเพลงพิศวาสของหญิงสาวที่ส่งมอบให้แก่เขาเมื่อคืนมันทำให้ชายหนุ่มสุขล้นไปกับสิ่งที่ได้รับ บทเพลงอันเร่าร้อนของเธอทำให้หัวใจของเขาละลายไปกับความหฤหรรษ์จนยากที่จะลืมเลือน
แสงแดดยามเช้าส่องแสงอ่อนๆ ชายหนุ่มบรรจงพับแขนเสื้อที่ยาวจากข้อมือให้ร่นมาอยู่ที่ข้อศอกทั้งสองข้าง และดึงชายเสื้อออกมาเพื่อระบายอารมณ์ร้อนที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ
พิมาลาสาวเริงสวาท เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอจะสามารถให้ความสุขกับเขาได้มากขนาดนี้
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งอยากจะอยู่ในห้วงเวลาเช่นนั้นตลอดไป...ในใจนึกวาดภาพเปรียบเทียบหญิงสาวกับสาวฝรั่งคู่นอนของเขาอีกหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพลย์บอยเช่นเขา ไม่เคยมีใครที่จะให้ความสุขกับเขาได้เท่าสาวนักเรียนนอกคนนี้ได้สักคน
...บัดนี้ชายหนุ่มติดใจในรสสวาทของพิมาลาเข้าให้แล้ว...
สองข้างทางของฟากถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา เนื่องจากที่ตรงนี้เป็นย่านเศรษฐกิจจึงทำให้คนเยอะเป็นธรรมดา
เจนภพหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอรถแท็กซี่ ด้วยในเวลานั้นชายหนุ่มได้แต่มองหารถจึงไม่รู้เลยว่าได้มีใครคนหนึ่งมายืนอยู่เบื้องหลังแล้วโปะผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบใส่เต็มๆ หน้าของชายหนุ่ม
ด้วยความตกใจและแรงฮึดสู่จึงทำให้เขาสูดกลิ่นยาเข้าไปอย่างไม่รู้ตัวส่งผลให้ในเวลาต่อมาชายหนุ่มเกิดอาการหน้ามืดและทรุดลงตรงนั้นในทันที ชายร่างใหญ่ที่ยืนดูผลงานรีบเข้ามารับตัวเขาเอาไว้แล้วรีบพยุงชายหนุ่มไปที่รถตู้กระจกมืดที่ขับเข้ามาจอดตรงนั้นอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นรถตู้คันนั้นก็ขับออกไปในทันทีอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย
*****
ภายในห้องทำงานของคิมหันต์ ชายหนุ่มค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเหี้ยมและเยือกเย็น แววตาที่ฉายออกมานั้นดูแข้งกร้าวจนน่ากลัว
ขออนุญาตคะ...
เลขาสาวเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขออนุญาต เจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่เงยหน้าไปทางประตูก็พบร่างบางระหงที่ชะโงกหน้าเข้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว เขาเปิดยิ้มอ่อนโยนแล้วเอ่ยอนุญาต
เข้ามาสิ
ขอบคุณคะ...
วิลัยเอ่ยขอบคุณ แล้วเดินถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามาตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มแล้ววางแฟ้มลง
ข้อมูลที่คุณคิมหันต์ให้ไปหาเรียบร้อยแล้วคะ
หญิงสาวเอ่ยเสียงแจ่มใสแล้วถอยออกไปยืนไม่ห่างนัก
ขอบใจเธอมากนะวิลัย...ออกไปทำงานของเธอเถอะ
คะ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยบอกให้เลขาสาวออกไปได้ หลังจาที่ร่างของวิลัยออกไปแล้วคิมหันต์ก็ดึงแฟ้มมาตรงหน้าแล้วเปิดมันออกพร้อมกับสายตาที่อ่านไล่ไปตามตัวหนังสือที่อยู่ในนั้น สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มบอกว่ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากกับข้อมูลที่ได้ ดวงตาอันคมกล้าหยุดนิ่งอยู่ที่รูปของบุคคลในแฟ้ม ก่อนจะเข่นเขี้ยวด้วยความแค้นเคือง
เนิ่นนาน...ใบหน้าอันคร้ามคมจึงละจากแฟ้มเอกสารแล้วปิดมันลงอย่างรวดเร็ว เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงริมหน้าต่าง แววตาที่แข็งกร้าวมองทอดออกไปที่หมู่ตึกรามบ้านช่องทั้งหลายที่ตั้งสลับเรียงกันห่างออกไปสุดลูกหูลูกตา สมองที่คมเหมือนมีดคิดวางแผนการที่แยบยลอย่างยากที่ใครจะล่วงรู้ได้
*****
ภายในห้องมืดมิดไร้สรรพสำเนียงเสียงของอะไรทั้งสิ้นแต่บัดนี้กลับมีเสียงย่ำฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา เจนภพที่นอนนิ่งสลบอยู่ภายในห้องนั้นเริ่มขยับตัวเมื่อเขาสำเนียกได้ถึงภัยที่กำลังจะเดินทางมาถึง แต่ชายหนุ่มก็จนใจเต็มทีเมื่อจะขยับตัวไปทางไหนก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยสองมือสองเท้าถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา อีกทั้งรู้สึกมึนหัวนิดๆ คล้ายถูกตีหัวเข้าอย่างจัง เนื่องจากในเวลานั้นฤทธิ์ยายังค้างอยู่
ชายหนุ่มพยายามปรับโฟกัสสายตาให้ชินกับความมืดรอบตัวจนในเวลานั้นเสียงฝีเท้าจำนวนมากที่ดังแต่ไกลๆ ก็ได้ขยับใกล้เข้ามาแล้วหยุดลงอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มเจนโลกีย์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างสงสัย เพื่อหวังจะได้เห็นหน้าเจ้าของร่างที่จับเขามาให้ชัดเจน แต่ในเวลานั้นโชคชะตามันไม่ได้เป็นของเขา เมื่อบุคคลที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่นั้นอยู่ในชุดคลุมสีดำสนิท สวมแว่นตาสีดำกรอบโตจนบิดเบือนใบหน้าของเขาอย่างจงใจ อีกทั้งแสงสลัวของบริเวณโดยรอบที่ยิ่งเป็นอุปสรรคที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
เสียงหัวเราะที่คุ้นหูดังมาจากร่างตรงหน้า หนุ่มนักเรียนนอกรู้สึกคุ้นต่อเสียงนั้นเต็มทีแต่เขาก็ยากที่จะบอกกับตัวเองได้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร เขาพยายามเค้นสมองคิดครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็ไม่เป็นผลเมื่ออาการสะลึมสะลือจากการถูกยาสลบยังคงหลงเหลืออยู่ ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนจนสุดแรงเกิดเพื่อให้พ้นจากพันธนาการที่เหนียวแน่น จนทำให้ผู้ที่ยืนอยู่เปิดเสียงหัวเราะออกมากับท่าทีของชายหนุ่ม
ฮึ...ฮึ...ฮึ...อย่าดิ้นให้เสียแรงไปเลย เก็บแรงของแกเอาไว้ให้อยู่รอดต่อมือตีนของลูกน้องของฉันจะดีกว่า
นี่แก...แกจะทำอะไร จับฉันมาทำไม
เจนภพถามกลับอย่างไม่เข้าใจ...เขาไปทำอะไรให้ทำไมพวกมันถึงได้จับเขามาแบบนี้
ฉันไปทำอะไรให้พวกแก...ทำไมถึงได้จับฉันมาแบบนี้
ฮึ...ฮึ...ฮึ
แทนคำตอบที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงหัวเราะที่นุ่มทุ้มเยือกเย็นจนทำให้เจนภพรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่างกาย ก่อเกิดอาการวูบวาบขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อเขาเริ่มจะสำเนียกได้ถึงภัยที่กำลังจะก่อเกิดจากเสียงหัวเราะของฝ่ายตรงข้ามที่เพิ่งผ่านไป
อย่า...อย่านะ...อย่า
เจนภพร้องเสียงหลงอย่างตกใจเมื่อมือเท้าของใครต่อใครต่างระดมสามัคคีกันลงมาบนร่างกายของเขาจนรู้สึกเจ็บระบมไปทั่วร่างกาย ผิวหน้าที่เรียบหล่อเหลาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยฝ่าเท้าของเหล่ามนุษย์ปริศนาที่ต่างประชาทัณฑ์เข้ามาโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว
โอ๊ย...โอ๊ย ย ย อย่ะ อย่า...โอ๊ะ
หนุ่มนักเรียนนอกร้องอย่างเจ็บปวด รู้สึกร้าวระบมไปทั่วร่างกาย สองหูที่ยังไม่หมดประสิทธิภาพในการฟังได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องกระหึ่มกลับไปกลับมา จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่รับรู้ก็พลันดับมอดลงเมื่อสติเฮือกสุดท้ายถูกตัดรอนด้วยเท้าเบอร์สี่สิบสองที่ฟาดกระหน่ำเข้าซอกคอของเขาอย่างจังรวดเดียวจอด
*****
เวลาผ่านปากเช้าเป็นบ่าย และจากบ่ายก็ย่างก้าวเข้าสู่เวลาเย็น แสงอาทิตย์อัศดงอย่างสวยงามมันจะเป็นภาพที่สวยงามมากถ้าหากมันไม่เกิดกับป่าปูนเช่นนี้ เพราะถึงแม้ชาวเมืองกรุงจะเห็นมันสวยเพียงไรแต่บัดนี้พวกเขากลับไม่มีจิตใจที่จะมองสิ่งที่เป็นเพียงน้อยนิดเช่นนี้เพราะทุกชีวิตในเมืองกรุงจะต้องดำเนินชีวิตเพื่อเอาตัวรอดไม่แม้กระทั่งเวลาเย็นเช่นนี้
...ทุกเวลานาทีที่ผ่านไปมันก็หมายความว่าเงินทองที่ผ่านไปเช่นเดียวกัน...
ห่างออกมาจากถิ่นชุมนุมชน สองข้างทางของฝากถนนเต็มไปด้วยเหล่าหญ้าคาที่ขึ้นรกเรื้อไร้ผู้ใส่ใจ แสงแดดยามเย็นส่องลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ลงสู่พื้นเป็นเส้นสายตาช่องใบไม้ที่เปิดออก
ในเวลานั้นรถตู้กระจกสีดำก็ขับเคลื่อนเข้ามาจอดตรงใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกันนั้นประตูสีขาวสะอาดตาก็ถูกกระชากเปิดออก
คนในรถได้ผลักร่างสะบักสะบอมของเจนภพลงสู่พื้นหญ้าอย่างไม่แยแส ก่อนจะรีบปิดประตูแล้วบึ่งรถจากไป
ใบหน้าอันหล่อเหลาบัดนี้บอบช้ำไปด้วยบาดแผลจากหมัดจากเท้า ริมขอบตาข้างซ้ายเขียวซ้ำเป็นวงกว้าง ริมฝีปากสีสดแตกจนเป็นแผลและมีเลือดไหลออกมา ใบหน้าของหนุ่มนักเรียนนอกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
โอ๊ย...ย ย ย
ชายหนุ่มครวญครางอย่างเจ็บปวด นึกเคืองแค้นอยู่ในใจที่ไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองจนมีสภาพเป็นแบบนี้
ฝากไว้ก่อนเถอะ
ไม่เพียงแต่จะเคืองแค้นต่อคนที่ทำกับเขาเอาไว้ซึ่งเขาก็ไม่รู้จัก เขาก็ยังไม่วายเอ่ยคำอาฆาตด้วยความเจ็บใจ
มันเป็นใครกันว่ะ อย่าให้รู้นะไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาพวกแกไว้แน่
ชายหนุ่มค่อยๆ พยุงร่างขึ้นพิงโคนต้นไม้อย่างยากเย็น รู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วร่างกาย ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยรอยหมัดรอยเท้า เริ่มเข้มจัด สายตาที่ฉายออกมานั้นเต็มไปด้วยความแค้นที่เริ่มจะก่อสุมแน่นอยู่ภายในใจและดวงตาคู่นั้น
รถเก๋งคันงามค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจอดในที่นั้น เจ้าของรถค่อยๆ ชะโงกหน้าออกมาอย่างสงสัย และรู้สึกคุ้นตากับร่างที่ตะเกียกตะกายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างนัก
ในเวลานั้นดวงตาคู่สวยของพิมาลาก็เบิกกว้างเมื่อคนที่เธอสงสัยก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดเอาไว้
เจนภพ!
เสียงหวีดแว้ดๆ ของสาวเฉี่ยวดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่รีบเปิดประตูลงจากรถ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเจนภพ
สาวสมสมัยเอ็ดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของคู่พิศวาสก่อนคุณเธอจะรีบเข้าไปพยุงเขาให้ขึ้นรถ
มันเกิดอะไรขึ้นคะ...เจนภพ
เมื่อพาเขาขึ้นมานั่งในรถแล้วคุณเธอจึงเปิดฉากตั้งคำถามอย่างเป็นห่วง
แต่ก่อนที่จะได้รับคำตอบจากชายหนุ่ม เจนภพก็พลันหมดสติลงตรงนั้นในทันใด
ภพ...เจนภพ คุณ!
สาวนักเรียนนอกร้องได้แค่นั้นก็รีบตัดสินใจพารถขับเคลื่อนออกจากที่ในทันที เธอเหยียบคันเร่งจนมิดและมิวายหันมามองชายหนุ่มเป็นบางครั้งอย่างเป็นห่วง
อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะคะ...เจนภพ
ใบหน้าสวยเปรี้ยวแหยเกเมื่อความเป็นห่วงเขาเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วินาที เมื่อชายหนุ่มผู้เจนบทพิศวาสเริ่มชักกระตุก และกระอักเอาเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ
รอสักครู่นะเจนภพ รออีกนิดเดียวเท่านั้น
พิมาลาร้องบอกพร้อมกับรีบเร่งรถเข้าสู่ตัวเมืองในทันทีก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนทางผ่านแห่งนั้น
ถึงโรงพยาบาลแล้วเจนภพ คุณอดทนไว้นะคะ
รถจอดสนิทที่ทางเข้า ในเวลานั้นบุราพยาบาลก็รีบเข็นเตียงพยาบาลมาเทียบที่รถแล้วรีบพาชายหนุ่มเข้าไปในห้องฉุกเฉินในทันที
เวลาผ่านไปพิมาลายืนอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย ความรู้สึกเป็นห่วงเขาไปต่างๆ นาๆ ประดังกระเดเข้ามาให้เธอได้คิด ใบหน้าสวยเฉียวเต็มไปด้วยความกังวนในเรื่องต่างๆ จนเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรตรงไหนก่อน
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอีกรอบ ในเวลานั้นการรอคอยของหญิงสาวก็สิ้นสุดลงเมื่อนายแพทย์ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาเปิดประตูห้องออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแกมเมตตา
เขาเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ
พิมาลารีบเข้าไปถามในทันที
ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกครับ แฟนคุณปลอดภัยแล้ว เขาไม่เป็นอะไรมากหรอก
คุณหมอวัยเฉียดห้าสิบเอ่ยแบบยิ้มๆ
พิมาลาหน้าเจื่อนลงในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น...
แฟนยังงั้นหรือ ในเวลานี้เธอกับเขาอยู่ในฐานะอะไรนะ คนรู้จักหรือว่าแฟน
เออคะ...
เธอเอ่ยตอบรับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
ถ้าอย่างนั้นดิฉันขออนุญาตเข้าไปดูเขาได้ไหมคะ
สาวเฉี่ยวขออนุญาต ขณะที่คุณหมอได้แต่พยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกไป...
...โปรดอ่านต่อในตอนต่อไป...
คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา ร่ำรวยเงินทอง
เเละมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปทุกวันครับ