ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ลิขิตรัก ลวงใจ...ตอนที่ 3



ตอนที่ 3

เวลาสามทุ่มเศษ...ที่ร้านอาหารย่านชานเมืองเหมันต์พาพี่ชายและพ่อแม่ออกมาทานอาหารเย็นเพื่อเลี้ยงฉลองกันภายในครอบครัวในเรื่องที่คิมหันต์จบปริญญาโทจากต่างประเทศ เป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก

ภายในบริเวณร้านอาหารเปิดไฟสลัว เปิดเพลงคลอเบาๆ มีลูกค้ามากหน้าหลายตาที่เข้ามานั่งทานอาหารกันอย่างออกรส หนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวของเจนจิราที่ถูกเพื่อนสาวดึงตัวมาเลี้ยงฉลอง

บรรยากาศภายในร้านถ่ายเทสะดวกไม่อึดอัดมากเมื่อมีคนมากันเยอะขนาดนี้ ครอบครัวของเหมันต์เลือกที่จะนั่งด้านในสุดที่เป็นซุ้มมุงด้วยหญ้าคาด้านหลังสุดติดกับทุ่งนา ส่งผลให้ผู้ที่นั่งบริเวณนั้นสดชื่นไปตามๆ กันเพราะอากาศที่บริสุทธิ์จากทุ่งนาที่พัดเข้ามา

“ยินดีต้อนรับพี่คิมหันต์กลับสู่บ้านเกิดอย่างเป็นทางการครับ”
หลังจากที่ทานอาหารกันจนอิ่มแล้วเหมันต์จึงเอ่ยพูดอย่างเป็นงานเป็นการเพื่อต้อนรับพี่ชาย

ท่ามกลางอาการยิ้มอย่างดีใจของคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาที่นั่งมองบุตรชายทั้งสองที่กลมเกลียวรักใคร่กันเป็นอย่างดี ทางด้านเป้าหมายอย่างคิมหันต์ก็เปิดยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับเหลียวมองรอบโต๊ะด้วยความที่เกรงใจคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“เบาๆ หน่อยก็ได้เจ้าเหม หัดอายคนอื่นซะบ้าง”
“โธ่พี่...พี่ชายของผมกลับมาทั้งทีจะไม่ให้เลี้ยงฉลองให้สะใจแบบนี้มันก็ยังไงอยู่ จริงไหมครับคุณพ่อคุณแม่”
เหมันต์เอ่ยออกมาอย่างมีเหตุผลโดยหากำลังเสริมอย่างคุณรังสรรค์และคุณกันทิมาผู้เป็นบิดาและมารดา

“ฉลองน่ะฉลองได้ แต่ก็ให้เกรงใจผู้คนที่อยู่แถวนี้ด้วย อย่าลืมนะว่าที่นี่ไม่ใช่มีแค่ครอบครัวของเราแค่ครอบครัวเดียวนะ”
ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกขณะที่คุณรังสรรค์เห็นด้วยกับบุตรชายคนโต

“ใช่แล้วเจ้าเหม นี่ไม่ใช่บ้านของเรานั่งลงก่อน เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง" บิดาร้องบอก เหมันต์ที่กำลังยิ้มปูเลี่ยนจึงหุบยิ้มแล้วนั่งลงในที่สุด
**********************
อีกด้านหนึ่งถัดออกไปไม่ห่างนัก ครอบครัวของเจนจิรากำลังทานอาหารกันอย่างสนุกปาก ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนซึ่งผู้ที่ช่วยจุดประกายรอยยิ้มเหล่านั้นก็คือรังสิยา

“วันนี้เป็นวันดีที่เพื่อนสาวของฉันได้กลับบ้านเสียที ยัยเจนนี่รับรองว่าวันนี้เธอไม่อ้วนฉันจะไม่ยอมเลิก”
“ยัยสิ ไหงมาว่าอย่างนั้นละ ฉันอุตส่าห์รักษาหุ่นตั้งหลายปี เธอกะว่าจะขุนฉันวันนี้วันเดียวหรือยะ”
เจนจิราเถียงเพื่อนสาวพร้อมกับปล่อยหัวเราะคิก

“ใช่วันนี้แหล่ะ ฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นหมูเหมือนเดิมเลย...ใช่ไหมคะคุณพ่อคุณแม่”
รังสิยาหากำลังเสริมจากบิดาและมารดาของเพื่อนสาว

ถึงจะเป็นคนอื่น คุณบัญชาและคุณจันทราก็รักหญิงสาวเปรียบเสมือนลูกอีกคน ดังนั้นรังสิยาจึงเข้ากับครอบครัวนี้ได้อย่างไม่ยาก
“ใช่หนูสิ วันนี้พ่อเชียร์เต็มที่”
คุณบัญชาช่วยเสริมและเอ่ยเย้าบุตรสาว

“หนูสิ คุณคะไม่สงสารเจนนี่บ้างหรือคะ ดูนั่นนั่งหน้างอเลย”
คุณจันทราเห็นใจบุตรสาวเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่งองุ้มของเจนจิรา
“ไม่ต้องบอกล่ะคะคุณแม่ คุณพ่อกับยัยสิ พวกเขาต้องการจะแกล้งเจนนี่...เจนนี่รู้ตัวคะ แต่เจนนี่ไม่หลงกลหรอกคะ”
หญิงสาวทำเสียงเง้างอดก่อนจะหัวเราะออกมาได้

“ฮึ...ฮึ...ฮึ...ทำเป็นใจแข็งยัยเจนนี่ เดี๋ยวก็เป็นได้ซวบซาบก่อนฉันทุกครั้ง”
รังสิยายิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามา “น้องคะ ที่ให้เตรียมเอาไว้มาได้แล้วนะคะ”

พนักงานสาวพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินหายเข้าไปทางห้องครัว เวลานั้นรังสิยาจึงหันมาทางเพื่อนสาวแล้วพูด
“สำหรับรายการนี้มันต้องเซอร์ไพร์ส...เธอต้องปิดตาด้วยเจนนี่”

หญิงสาวไม่พูดเปล่าก็ได้นำผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดตาเพื่อนสาว ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มอย่างน่ารัก ในใจคิดถึงแผนการของเพื่อนสาวว่าต่อไปนี้เธอจะพบกับอะไร แต่เธอก็หาคำตอบไม่ได้สักที

“เธอจะทำอะไรนะยัยสิ...” หญิงสาวถามด้วยสีหน้าฉงน
“ใจเย็นๆ สิเจนนี่ เดี๋ยวก็รู้เองน่า...”

พูดจบรังสิยาก็ลุกขึ้นพร้อมกันนั้นพนักงานสาวของร้านก็ถือกล่องกระดาษใบหนึ่งมายื่นส่งให้
ภายในกล่องคือเค้กปอนด์ใหญ่ ปักเทียนสีสันสวยงาม บนหน้าเค้กเป็นรูปบ้าน ต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม สลักตัวอักษรว่า...ต้อนรับเจนนี่กลับบ้านและสุขสันต์วันเกิดนางสาวเจนจิราจ้า...รังสิยานำเค้กออกจากกล่องแล้วนำมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพื่อนสาว

“พร้อมแล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่...เอาล่ะเจนนี่ค่อยๆ เปิดผ้าออกนะ”
รังสิยาพูดจบก็เข้าประจำที่นั่งที่เดิม ขณะที่เจนจิราค่อยๆ ดึงผ้าออก แพรขนตาของหญิงสาวกระพริบถี่ยิบเพื่อปรับโฟกัสการมองเห็น...เมื่อมองเห็นเค้กอยู่ตรงหน้าเจนจิราก็เปิดยิ้มออกมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงของเพื่อนสาวและผู้ให้กำเนิดก็ได้ดังขึ้น

“...แฮฟปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...ยินดีต้อนรับกลับสู่บ้านเกิดนะจ๊ะเจนนี่ ในโอกาสนี้ฉันก็เลยจัดงานวันเกิดของเธอรวดไปด้วยเห็นว่าเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว...ขอให้มีความสุขตลอดไปนะจ๊ะเพื่อนสาวของฉัน”
รังสิยาจบด้วยคำอวยพรขณะที่เจนจิรารีบก้มลงเป่าเทียน

หญิงสาวมองหน้าเค้กด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ อาหารที่เพิ่งทานเข้าไปยังไม่อิ่มเท่าน้ำใจที่รังสิยาหยิบยื่นให้ น้ำตาแห่งความตื้นตันเอ่อล้นขอบตา หญิงสาวหันมาทางเพื่อนสาวก่อนจะเข้าไปสวมกอดรังสิยาเอาไว้แน่น

“ยัยสิ...”
“อิ่มไหมเจนนี่...”
รังสิยากระซิบบอกเพื่อนสาว สองมือลูบเส้นผมดำขลับของเจนจิราอย่างทะนุถนอม

“ยัยสิอิ่มเลย...วันนี้ฉันอิ่มกว่าทานข้าวเสียอีก”
หญิงสาวพูดคลอน้ำตา ขณะที่คุณบัญชาและคุณจันทรานั่งมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ยัยสิ...เธอทำให้ฉันตื้นตันไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว”

ก้อนน้ำตาแห่งความตื้นตันมันจุกแน่นอยู่ที่คอของหญิงสาวจนทำให้เธอไม่อาจจะเอ่ยคำไหนออกมาได้ นอกจากความหมายทางสายตาที่จ้องมองเพื่อนสาว
“พอแล้วเจนนี่...อายชาวบ้านเขาบ้าง เอ้าทานได้แล้วมัวแต่ร้องไห้นั่นแหล่ะ คุณพ่อคะ คุณแม่คะทานเค้กก่อนคะ”

รังสิยาจัดแจงตัดเค้กแจกจ่ายให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะตัดชิ้นหนึ่งยื่นให้กับเพื่อนสาว
“ทานเสียสิยัยหมู...ทานให้อิ่มเลยนะจ๊ะ”

****************
เวลาผ่านไป...ครอบครัวสินทราปณาวุธยังคงนั่งสนทนากันอย่างมีความสุข ทั้งสองพี่น้องต่างคุยโวแลกเปลี่ยนไม่ขาดปากในเรื่องการทำงานของเหมันต์และชีวิตในต่างประเทศของคิมหันต์ ขณะที่ทั้งสองผู้เป็นบิดาและมารดาต่างมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวบุตรชายทั้งสอง

ภาพของครอบครัวที่มีความสุขและอยู่กันจนพร้อมหน้าเช่นนี้ยากนักที่จะได้เห็น และนี่ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่น่าประทับใจที่ครอบครัวนี้ได้สร้างมันออกมา ผู้ที่เป็นบิดาและมารดาต่างยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะเมื่อมันถูกจุดประกายจากคนภายในครอบครัว

“คุณพ่อว่าอาทิตย์หน้าใช่ไหมาครับที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่คิมหันต์อย่างเป็นทางการ”
เหมันต์เปิดประเด็นถามบิดา

“ใช่...ลูกว่าดีไหมละ คราวนี้พ่อกะว่าจะเชิญแขกมาเยอะๆ เลยนะ”
คุณรังสรรค์ของความคิดเห็นจากสมาชิกในครอบครัวทุกคน

“ไม่ดีมั้งครับคุณพ่อ เชิญแขกมาเยอะมันจะสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ นะครับ จัดแค่พอเป็นพิธีก็พอแล้วครับ”
ทางด้านคิมหันต์กลับไม่เห็นด้วยเพราะมันจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

“ไม่ได้ครับพี่คิม...” เหมันต์เอ่ยแทรกขึ้นในทันที
“พี่จบจากเมืองนอกกลับมาทั้งทีจะไม่ให้จัดให้ใหญ่ได้ยังไง เอาคนที่บริษัทมาเลยครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจะไปบอกทางคุณน้าพิมายให้จัดสถานที่ให้...ระดับผมแล้วไม่มีปัญหาครับ”
เหมันต์ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับพี่ชาย

“ใช่...พ่อกะว่าจะปรึกษาลูกอยู่พอดี...จัดที่โรงแรมยายพอมายนั่นแหล่ะดี”
คุณรังสรรค์พยักหน้าเห็นด้วย ในใจของเขาก็คิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน

“แล้วคุณแม่ละครับ...”
เหมันต์หันมาทางมารดาที่นั่งเงียบอยู่
“ตามใจทุกคนเถอะจ๊ะ พ่อกับลูกๆ ว่ายังไงแม่ก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ”
คุณกันทิมาเห็นด้วยกับความเห็นของทุกคนจึงนั่งเงียบเป็นฝ่ายฟังจะดีกว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็เลือกที่โรงแรมของคุณน้าพิมายเลยนะครับ เรื่องนี้ผมจัดการให้”
บุตรชายคนเล็กของตระกูลสินทราปณาวุธจัดการสรุปในที่สุด

“จัดที่บ้านเราดีกว่ามั้งเหม.เกรงใจคุณน้าเขา”
คิมหันต์เอ่ยอย่างเกรงใจ

“ไม่หรอกครับพี่คิม...พี่อย่าลืมสิว่าผมเป็นถึงรองผู้จัดการของที่นั่นนะครับ”
เหมันต์ยืดอกพูดโออวด
“แกก็พูดได้สิ แต่คุณน้าพอมายพี่ยังไม่รู้เลยว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่”

“ก็บอกแล้วไงพี่ว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ เอาเป็นว่าตกลงนะครับอาทิตย์หน้าจัดงานต้อนรับพี่คิมที่โรงแรมของคุณน้าพิมายนะครับ”
เหมันต์เอ่ยรวบรัดในที่สุดเพราะกลัวว่าคิมหันต์จะเปลี่ยนแปลงกำหนดการอะไรอีก
***************
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยรังสิยาจึงขอตัวแยกกลับก่อน พร้อมกันนั้นครอบครัวของเจนจิราก็ได้เดินไล่หลังออกมาเหมือนกัน หญิงสาวโอบกอดเอวผู้ให้กำเนิดทั้งสองอย่างอารมณ์ดีเมื่อเดินมาที่รถ

ภายใต้เงามืดของหมู่แมกไม้ชายในชุดดำสองคนยืนดักคอยอยู่ตรงนั้นด้วยจุดประสงค์อะไรสักอย่าง เมื่อเห็นคุณบัญชาและครอบครัวเดินมาที่รถทั้งสองจึงไหวตัวในทันทีก่อนไอ้คนหนึ่งจะชักปืนออกมาเล็งตรงไปที่เป้าหมายเบื้องหน้า

“ระวังครับ”
ปัง!...
เป็นคิมหันต์ที่มาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ชายหนุ่มจึงรีบตะโกนร้องบอกพร้อมกันนั้นเสียงปืนก็ได้ดังขึ้นหนึ่งนัด ร่างของคนทั้งสี่ถลาล้มลงกับพื้นด้วยแรกผลักของชายหนุ่ม...เมื่อเห็นว่าพลาดจากเป้าหมายอาชญากรทั้งสองจึงรีบบึ่งรถจากไปในทันที

คุณบัญชาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนึกสับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะเกิดความเป็นห่วงต่อคนในครอบครัวทั้งสอง ชายชรารีบเข้าไปพยุงบุคคลทั้งสองให้ลุกขึ้น

“เป็นยังไงบ้างคุณ เจนนี่”
“เจนนี่ไม่เป็นอะไรคะคุณพ่อ”
หญิงสาวสำรวจไปทั่วตัวเมื่อไม่เกิดอะไรขึ้นก็เบาใจ
“ฉัน...ก็ไม่เป็นอะไรคะ”
คุณจันทราพูดออกมาด้วยสีหน้าตระหนกไม่แพ้กันก่อนสายตาจะหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็น นางจึงชี้ให้กับสามีดู

“คุณคะ...ดูนั่น!”
คิมหันต์ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น รู้สึกปวดหนึบตรงหัวไหล่ด้านซ้าย เขาเอามือกุมมันไว้แน่นก่อนจะรู้สึกถึงอาการเจ็บแปลบและเลือดสีข้นไหลออกมา
“คุณคะเป็นอะไรบ้างคะ”
คุณจันทราเป็นคนแรกที่รีบโผเข้าไปที่ชายหนุ่มเมื่อสำนึกได้ว่าชายผู้นี้คืนคนที่ช่วยชีวิตคนในครอบครัวของเธอเอาไว้

“ไม่เป็นอะไรครับ”
ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงสุภาพก่อนจะเหยียดตัวตรง

“แค่กระสุนถากๆ เท่านั้นครับ” เขาก้มลงดูหัวไหล่แล้วพูด
เจนจิรารู้สึกคุ้นต่อน้ำเสียงนั้นจึงรีบเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อในสายตา
“นาย...”
“คุณ...”
คิมหันต์ก็ตะลึงไม่แพ้กันที่ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่เขาเจอตอนลงจากเครื่อง

“ขอบคุณ...คุณมากๆ เลยนะครับ ว่าแต่คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่ารับ ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”
คุณบัญชาช่วยพยุงชายหนุ่มเพื่อจะไปที่รถและนำส่งเขาไปโรงพยาบาลแต่คิมหันต์กลับปฏิเสธ
“ไม่ครับ...แค่ถากๆ เท่านั้น ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”

“ผมต้องขอบคุณ คุณจริงๆ นะครับ ถ้าไม่มีคุณไม่รู้ว่าผมจะต้องเป็นยังไงบ้าง”
คุณบัญชาก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งเหมือนกันเมื่อความตายเข้ามาเยือน เขาก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา

“ว่าแต่คุณลุงแจ้งตำรวจเถอะครับ เผื่อจะช่วยตามตัวผู้ร้ายได้”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

“ครับเรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองว่าแต่คุณเถอะ...ไปโรงพยาบาลเถอะนะครับดูสิเลือดเริ่มออกเยอะแล้ว”
คุณบัญชาเอ่ยอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเลือดที่เริ่มเอ่อนองบนหัวไหล่ของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวเจนนี่จัดการเองคะ”
พูดจบเจนจิราจึงขยับมาดูแผลของชายหนุ่ม

“เลือดออกไม่หยุดเดี๋ยวเจนนี่ห้ามเลือดให้นะคะ”
โดยที่เขาไม่ทันได้ตอบปฏิเสธหญิงสาวจึงรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเลือดของเขาจนหยุด

“เจนนี่ว่าคุณไปทำแผลที่โรงพยาบาลเถอะนะคะ เดี๋ยวเจนนี่พาไปเองคะ...คุณพ่อคะช่วยไปส่งเจนนี่ที่โรงพยาบาลหน่อยนะคะ เดี๋ยวเจนนี่จะหาทางกลับเองคะ”
หญิงสาวร้องบอกพร้อมกับพาเขาไปที่รถ

“อย่าเลยครับ ผมเอารถมาเองผมกลับได้ครับ”
ชายหนุ่มกล่าวปฏิเสธพร้อมกับจะผละไปที่รถตน
“งั้นเจนนี่ไปส่งเองคะ คุณขับรถเองคงไม่ถนัดนัก...คุณพ่อคุณแม่คะไม่ต้องเป็นห่วงเจนนี่นะคะเดี๋ยวเจนนี่หาทางกลับเองได้คะ...ไปเถอะคุณทิ้งไว้นานแผลจะอักเสบได้นะคะ”

พูดจบหญิงสาวจึงกุลีกุจอพาเขาไป แต่ในเวลานั้นคุณบัญชาจึงเรียกเอาไว้ก่อน ทั้งสองจึงหันกลับมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนคุณ...ผมยังไม่รู้ชื่อของผู้มีพระคุณของเราเลย คุณชื่ออะไรครับ”
คิมหันต์จ้องมองชายตรงหน้านิ่งรู้สึกคุ้นในสายตาแต่ก็ก็คำตอบไม่ได้สักทีว่าเคยเห็นชายตรงหน้าที่ไหน

“ผมคิมหันต์ สินทราปณาวุธครับ” ชายหนุ่มเปิดยิ้มก่อนจะตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณคิมหันต์...ผมบัญชา ไพศาลสุรวุทครับ เรียกผมว่าบัญชาสั้นๆ ก็ได้ครับ”

เมื่อได้ยินชื่นนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาภายในใจ ในเวลานั้นแววตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไปพร้อมกับฉายแววชนิดหนึ่งออกมา แต่ก็เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยววินาทีเท่านั้นชายหนุ่มก็สามารถข่มมันลงได้แล้วเปิดยิ้มออกมา

“ครับคุณอาบัญชา...”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่ก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่ง

“อย่าคุยกันนานเลยคะ รีบไปก่อนเถอะคะ”
หญิงสาวรีบจัดการพยุงชายหนุ่มให้ไปที่รถของเขาในทันที

...ตลอดทางที่นั่งคู่มากับหญิงสาว คิมหันต์กลับนั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทั้งๆ ที่ตลอดทางเจนจิราชวนเขาคุยมาตลอด แววตาที่คมกริบของชายหนุ่มทอดนิ่งไปเบื้องหน้า หัวใจที่ว้าวุ่นสับสนก่อเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาภายใน... ส่วนหนึ่งมันเจ็บแปลบที่ขั้วหัวใจแต่อีกส่วนหนึ่งก็เกิดอารมณ์ชนิดหนึ่งขึ้นมา

เมื่อถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มก็เข้าไปทำแผลในห้องของแพทย์ เมื่อทำแผลเรียบร้อยแล้วเขาก็ก้าวออกมาพบกับเจนจิราที่นั่งรออยู่ด้วยอาการที่เป็นห่วงจากส่วนลึก...เมื่อเห็นหน้าของเขาหญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ...”

เธอถามได้แค่นั้นก็เงียบเสียงลงเพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้เคยแกล้งเธอตอนอยู่ที่สนามบิน...แต่เพราะเธอสำนึกได้ว่าที่เขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะเขาช่วยเธอเอาไว้
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ...เอ่อคุณ...”
ชายหนุ่มจ้องนิ่งไปที่วงหน้าสวย พยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้อย่างมิดชิด

“เจนจิราคะ...เรียกเจนนี่ก็ได้นะคะ...”
หญิงสาวยินดีบอกชื่อของเธอเองด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ต้องการให้เธอบอก
“...ว่าแต่แผลของคุณละคะเป็นยังไงบ้าง”

“ดีขึ้นแล้วครับ คุณหมอให้ยามาเพียบเลย”
เขาเอ่ยด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้มไม่แสดงอาการของคนบาดเจ็บออกมาให้หญิงสาวเห็น

“เจนนี่ต้องขอบคุณ...คุณมากๆ เลยนะคะที่ช่วยพวกเรา”
เจนจิราเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง
“เรากลับกันเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
**********
รถจอดที่หน้าบ้านไพศาลสุรวุท หญิงสาวลงจากรถของคิมหันต์ ชายหนุ่มจึงขยับเข้ามานั่งแทนที่คนขับ เมื่อลงไปแล้วเจนจิราจึงชะโงกหน้าเข้ามาถามเขาอีกครั้งอย่างเป็นห่วง

“ว่าแต่คุณขับรถกลับเองได้แน่นะ”
“ได้ครับ...คุณเข้าบ้านไปเถอะเดี๋ยวพ่อแม่คุณจะหาว่าผมทำอะไรคุณอีกจนไม่อยากเข้าบ้าน”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงล้อเลียน ดังนั้นจึงทำให้ใบหน้าสวยเข้มจัดด้วยความโกรธ

“เดี้ยงขนาดนี้จะไปทำอะไรเค้าได้...” เจนจิราเอ่ยเสียงเหยียดในตอนท้าย
โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัวคิมหันต์จึงชะโงกหน้าออกจากประตูจนชิดกับใบหน้าของหญิงสาวแล้วประกบจูบไปที่แก้มของเธอจนทำให้หญิงสาวเพิ่มอารมณ์เดือดขึ้นมาในทันที คุณเธอจึงใช้มือตีผัวะไปที่หัวไหล่ของเขาตรงที่เป็นบาดแผลอย่างจังจนชายหนุ่มร้องดังลั่น

“นี่...คนฉวยโอกาส”
หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าที่สะใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของเขาเธอจึงอ่อนเสียงลง
“คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

“ไม่ตายหรอกครับ...แต่ก็คงขับรถกลับบ้านไม่ไหว”
เขาเอ่ยด้วยใบหน้าทะเล้น ส่วนหญิงสาวกลับตีหน้ายักษ์ใส่ในทันที

“เชอะ...ตายได้ก็ดีจะได้รู้สึกชะบ้าง”
เจนจิราส่งค้อนให้กับเขาวงใหญ่ก่อนจะกระทืบเท้าเดินจากไป

ชายหนุ่มเปิดยิ้มมองตามหลังหญิงสาวจนลับตา แต่นาทีนั้นกิริยาของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาที่แข็งกร้าวก็ได้ฉายแววบางอย่างออกมาพร้อมกับมองเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็สามารถข่มมันลงได้อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนรถออกไป
*****
ประตูห้องเปิดออกชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เขาเอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้แล้วเปิดประตูไม้หยิบเอารูปกรอบหนึ่งออกมา

เปลวไฟชนิดหนึ่งลุกโชนในดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ชายหนุ่มทอดมองนิ่งอยู่กับรูปกรอบนั้นอยู่เนิ่นนาน หัวใจที่เจ็บแปลบบาดลึกจนเป็นแผลกว้าง ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นสนิท ใบหน้าที่เรียบเฉยแดงซ่านไปด้วยเส้นเลือดฝาดที่กระจายไปทั่วโครงหน้าอันคมเข้ม ชายหนุ่มกำหมัดเอาไว้แน่นจนเล็บได้จิกลงบนฝ่ามือจนห้อเลือดเนิ่นนานเขาจึงค่อยๆ คลายมันออก ระงับอารมณ์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ให้มอดดับไป ชายหนุ่มแนบใบหน้าลงบนรูปอีกครั้งก่อนจะนำมันไปเก็บไว้ที่เดิม

คิมหันต์เดินมาหยุดอยู่ตรงริมหน้าต่างด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอีกครั้งแต่ทว่าแววตาของเขาที่ฉายออกมานั้นกลับแฝงไว้ด้วยอาการชนิดหนึ่งที่น่ากลัวยิ่ง...

...โปรดอ่านต่อในตอนต่อไปนะครับ...




Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 10:34:40 น. 0 comments
Counter : 467 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.