|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คลอโรฟิลล์
คลอโรฟิลล์แบบสกัดเป็นผง แคปซูล หรือแม้แต่น้ำคลอโรฟิลล์บรรจุขวดพร้อมดื่ม เดี๋ยวนี้วางขายเกลื่อน คลอโรฟิลล์แต่เดิมอยู่ในพืชผัก เมื่อมาอยู่ในร่างกายของเราแล้วจะให้ประโยชน์ในแง่ไหน หรือจะมีอันตรายกับสุขภาพหรือไม่
คลอโรฟิลล์ คืออะไร
คลอโรฟิลล์เป็นสารที่มีสีในตัวเอง พบได้ในพืชทั่ว ๆ ไป และด้วยความที่คลอโรฟิลล์มีสีในตัวเอง จึงต้องคอยทำหน้าที่ดักจับพลังงานที่ส่องผ่านใบมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในชั้นคลอโรพลาสต์ (Chloroplasts) ของใบพืช โดยสารคลอโรฟิลล์จริง ๆ ไม่ได้อยู่ในพืชใบเขียวเพียงสีเดียว แต่ยังสามารถพบได้ในหมู่พืชชั้นต่ำ เช่น สาหร่าย ซึ่งคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในพืชกลุ่มนี้ก็จะมีสีที่แตกต่างกันไป ดังนั้นคลอโรฟิลล์จึงสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม อันประกอบไปด้วย
1. คลอโรฟิลล์ a มีสีเขียวแกมน้ำเงิน พบในพืชชั้นสูงทุกชนิดที่สังเคราะห์แสงได้
2. คลอโรฟิลล์ b มีสีเขียวแกมเหลือง พบในพืชชั้นสูงทุกชนิดและในสาหร่ายสีเขียว
3. คลอโรฟิลล์ c พบในสาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายสีทอง แต่ไม่พบในพืชชั้นสูง
4. คลอโรฟิลล์ d พบในสาหร่ายสีแดง แต่ไม่พบในพืชชั้นสูง
ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์
จากงานวิจัยทางเภสัชวิทยาทำให้ทราบว่า คลอโรฟิลล์มีฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ โดยกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่ได้ ทว่ากลไกการกำจัดอนุมูลอิสระของคลอโรฟิลล์จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่ออยู่ในรูปโมเลกุลที่ไม่ละลายน้ำเท่านั้น รวมทั้งคลอโรฟิลล์ยังมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ก็มีในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับยาฆ่าเชื้อชนิดอื่น ๆ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ด้านการต้านอนุมูลอิสระในมนุษย์ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันแน่ชัดว่าทำได้จริง เนื่องจากผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ทุกวันนี้จะต้องทำการละลายก่อนรับประทานทั้งนั้น อีกทั้งหากต้องการใช้คลอโรฟิลล์ฆ่าเชื้อ ประโยชน์ข้อนี้อาจหวังผลไม่ได้มากนัก
ทั้งนี้แม้องค์การอาหารและยาของอเมริกาจะกำหนดคุณสมบัติของคลอโรฟิลล์ไว้เป็นยาระงับกลิ่นปาก และลดกลิ่นปัสสาวะ ทว่ายังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่แน่ชัดว่า คลอโรฟิลล์จะมีสรรพคุณช่วยล้างพิษ ดีท็อกซ์ลำไส้ ป้องกันมะเร็ง ช่วยให้ผิวพรรณสดใส หรือสมานแผลโรคกระเพาะและลำไส้ได้อย่างที่อวดอ้างกัน อีกทั้งสำนักงานอาหารและยาแห่งประเทศไทยยังเตือนว่าไม่ควรบริโภคคลอโรฟิลล์เกินวันละ 450 มิลลิลิตรด้วย
น้ำคลอโรฟิลล์ กินแล้วผิวใสจริงหรือ ?
สาว ๆ เห็นประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ข้อนี้แล้วคงอยากลองกัน แต่เพราะอย่างที่บอก แม้คลอโรฟิลล์จะมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระอยู่ก็จริง แต่คุณสมบัตินี้จะโดดเด่นก็ต่อเมื่อคลอโรฟิลล์ต้องอยู่ในรูปของสารที่ไม่ละลายน้ำเท่านั้น ฉะนั้นน้ำคลอโรฟิลล์ที่ถูกเจือจางไปกับน้ำจนกลายเป็นของเหลวดื่มง่ายอย่างที่เห็น ดื่มเข้าไปแล้วก็คงจะได้รับประโยชน์จากคลอโรฟิลล์น้อยมาก ๆ ดังนั้นแพทย์และนักโภชนาการจึงแนะนำให้รับสารคลอโรฟิลล์ที่ไม่ผ่านการสังเคราะห์จากพืชผักโดยตรงจะได้ประโยชน์กว่า
โทษของคลอโรฟิลล์ มีหรือเปล่า ?
เนื่องจากคลอโรฟิลล์ในรูปผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย เป็นสารสกัดจากคลอโรฟิลล์อีกที ซึ่งทำให้คลอโรฟิลล์ที่ได้ ไม่ใช่สารจากธรรมชาติ ฉะนั้นหากบริโภคเกินวันละ 450 มิลลิลิตรสำนักงานอาหารและยาก็เตือนว่าการบริโภคคลอโรฟิลล์จากสารสกัดมากเกินไป อาจเกิดอาการแพ้ เกิดผดผื่นคัน อุจจาระร่วง ลิ้นเป็นสีเหลืองหรือดํา และทําให้สีของปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวในผู้บริโภคบางรายอีกด้วย
ทั้งยังอาจทำให้ไตทำงานหนัก จากสารอะซีโตนและแอลกอฮอล์ที่เป็นสารทำละลายคลอโรฟิลล์ที่นำมาจากพืช จนเป็นสาเหตุให้สุขภาพไตไม่แข็งแรง ที่สำคัญสำนักงานอาหารและยา ยังมีข้อห้ามไม่ให้เด็กและสตรีมีครรภ์บริโภคอาหารเสริมคลอโรฟิลล์เด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะหากบริโภคในปริมาณที่เข้มข้นเกิน 450 มิลลิลิตร
คลอโรฟิลล์ช่วยทดแทนสารอาหารจากผักและผลไม้ได้
หลายคนสงสัยว่า จะสามารถรับประทานคลอโรฟิลล์ เพื่อไปเติมเต็มสารอาหารทดแทนพืชผักได้ไหม ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่า คลอโรฟิลล์ในรูปที่ถูกสกัดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ปริมาณสารอาหารและประโยชน์ก็ถูกสกัดออกไปจนแทบไม่เหลือเลย ดังนั้นอาจจะต้องลดความคาดหวังในเรื่องประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ลง แล้วหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์จากพืชผักโดยตรง
ดูแล้วผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์จะมีประโยชน์สู้คลอโรฟิลล์ในพืชผักไม่ได้เลยะ ฉะนั้นหากเรารับประทานผักผลไม้สดเป็นประจำร่างกายก็ไม่ต้องการสารสกัดคลอโรฟิลล์เพิ่มแต่อย่างใด โดยเฉพาะหากคุณสามารถรับประทานผักโขม 1 ถ้วย ก็จะได้คลอโรฟิลล์ถึง 23.7 มิลลิกรัม หรือหากชอบรับประทานผักชีฝรั่ง ในผักชนิดนี้ปริมาณ 1 ถ้วยตวงก็ให้คลอโรฟิลล์สูงถึง 38 มิลลิกรัม
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน
หวังให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง
Create Date : 29 มิถุนายน 2559 |
|
37 comments |
Last Update : 29 มิถุนายน 2559 23:06:57 น. |
Counter : 2501 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: จี๊ดจ๊าด (บ้านต้นคูน ) 30 มิถุนายน 2559 7:21:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 30 มิถุนายน 2559 9:06:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: AppleWi 30 มิถุนายน 2559 14:23:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 30 มิถุนายน 2559 16:49:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตุ๊กจ้ะ 30 มิถุนายน 2559 23:33:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 1 กรกฎาคม 2559 22:11:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 1 กรกฎาคม 2559 23:59:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: moresaw 2 กรกฎาคม 2559 6:19:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Panvart IP: 182.232.140.185 2 กรกฎาคม 2559 10:55:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 2 กรกฎาคม 2559 20:10:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้นกะลา 2 กรกฎาคม 2559 23:30:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey (Opey ) 3 กรกฎาคม 2559 11:53:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กาปอมซ่า 3 กรกฎาคม 2559 14:08:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: #ผมไม่ได้บินคนเดียว (เตยจ๋า ) 3 กรกฎาคม 2559 23:45:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 4 กรกฎาคม 2559 9:23:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 5 กรกฎาคม 2559 15:03:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 5 กรกฎาคม 2559 19:36:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: haiku 5 กรกฎาคม 2559 23:10:11 น. |
|
|
|
|
|
|
เริ่มทำ Blog ครั้งแรกเมื่อ 27 ก.ค.54
เริ่มนับ 2 มี.ค.55
ขอบคุณภาพประกอบจากบล็อค
คุณญามี่
คุณยายเก๋า
คุณนุช oranuch_sri
กรอบภาพจากบล็อค
คุณ Lozacat
คุณ KungGuenter
|
|
|
|
|
|
|
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
..................................
ยังไม่เคยทานสารสกัดใดๆจากคลอโรฟิลล์เลยค่ะน้องปาน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเป็นประโยชน์นี้นะคะ