วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างวิตามิน ซี ขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับวิตามิน ซี จากการรับประทานเข้าไปเท่านั้น วิตามิน ซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี เพราะวิตามิน ซี สามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้ ประโยชน์ของวิตามินซี - วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรง และระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทานวิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกจะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายเร็วขึ้น มีการศึกษาพบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัดจะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้
- เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินอี โดยจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
-
ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจากวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัว ซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก ลดลงถึง 77% -
บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้ ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซีช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น
-
ช่วยป้องกันอาการไมเกรนเมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid (วิตามินบี 5) โดยวิตามินซีจะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
-
ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10 - เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นตัวสร้างกระดูก ฟัน เหงือก และเส้นเลือด
- ช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น
- ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม
- ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation)
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนอนหลับตายในกรณีเด็กอ่อน (SIDS: Sudden Infant Death Syndrome)
- ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- ช่วยคลายเครียด
- การฉีดด้วยวิตามินซีปริมาณสูง อาจช่วยหยุดยั้งโรคมะเร็งได้ โดยวิตามินอาจเข้าทำปฏิกิริยาทางเคมีในเซลล์ มะเร็ง ให้กลายเป็นกรดขึ้น ทำให้เนื้อร้ายชะงักและน้ำหนักลดไปได้
ขนาดวิตามินซีที่รับประทาน ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้องกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 1,000 มิลลิกรัม หากเราได้รับวิตามินซีน้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ จะเกิดลักปิดลักเปิดซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น หากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับมากเกินไป เนื่องจากวิตามินซีสามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ
ข้อปฏิบัติในการรับประทานวิตามินซีเพื่อประโยชน์สูงสุด - เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัว อื่นๆ เช่น วิตามินอี จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี
- เพื่อสุขภาพทั่วไปควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกันควรรับประทาน 1,000 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด
- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
- การรับประทานวิตามินซีไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหารหรือทานอาหารก่อนการรับประทาน แหล่งวิตามินซี แหล่งวิตามินซีมีมากในผักตระกูลกะหล่ำ การเก็บเกี่ยวผักผลไม้ตั้งแต่ยังไม่แก่จัด ไม่สุกดี หรือนำไปผ่านการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง หมักดอง จะทำลายวิตามินซีที่อยู่ในอาหารไปในปริมาณมาก ความร้อนทำลายวิตามินซีได้ง่ายจึงไม่ควรต้มหรือผัดนานเกินไป แต่การแช่เย็นไม่ได้ทำให้ผักผลไม้สูญเสียวิตามินซีเพียงข้อเสียอ บางข้อมูลแนะนำว่าขนาดที่เหมาะสมมากที่สุดต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ คือ 250-500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง แหล่งวิตามินในธรรมชาติ | จำนวน | ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ | อะเซโรลาเชอรี่ | น้ำหนัก 100 กรัม | 1600 มิลิกรัม | ฝรั่ง | น้ำหนัก 100 กรัม | 230 มิลลิกรัม | สับปะรด | 1 ชิ้นใหญ่(โดยเฉลี่ย) | 20-30 มิลลิกรัม | กะหล่ำดอก | น้ำหนัก 100 กรัม | 49 มิลลิกรัม | บรอกโคลี | น้ำหนัก 100 กรัม | 84 มิลลิกรัม | น้ำมะนาว | 1 แก้ว(100 กรัม) | 34 มิลลิกรัม | มันฝรั่ง | น้ำหนัก 100 กรัม | 21.3 มิลลิกรัม | กะหล่ำปลี | น้ำหนัก 100 กรัม | 49 มิลลิกรัม | กล้วยชนิดต่างๆ | 1 ลูก(โดยเฉลี่ย) | 8.5 มิลลิกรัม | พริกหวาน | 1 เม็ด(โดยเฉลี่ย) | 100-120 มิลลิกรัม | ผักโขม | น้ำหนัก 100 กรัม | 76.5 มิลลิกรัม | สตรอว์เบอร์รี่ | น้ำหนัก 100 กรัม | 77 มิลลิกรัม | มะเขือเทศ | น้ำหนัก 100 กรัม | 21.3 มิลลิกรัม | มะละกอ | น้ำหนัก 100 กรัม | 60 มิลลิกรัม | อันตรายจากการขาดวิตามินซี - ผู้ที่ขาดวิตามินซีมักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก
- แผลหายช้า เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ
- เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติของวิตามินซี คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าร่างกายขาดวิตามินซีจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง และทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย
- เป็นโรคลักปิดลักเปิด ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติอาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจาง และมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้
อันตรายจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป - เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อต่อต่างๆ มากขึ้น
- การได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียม หากได้รับวิตามินซีชนิดที่ไม่ได้บรรจุแคปซูล โดยการรับประทาน เกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เนื่องจากวิตามินซีที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดมักเป็นชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นกรด หากต้องการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรรับทานวิตามินซี ชนิดที่เป็น กลาง หรือเป็นกรดต่ำ (pH 7.6-8.0)
- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้
ดังนั้นเพื่อสุขภาพควรทานแต่พอดี วิตามินซีจากผักผลไม้ก็น่าจะเพียงพอ รักษาสุขภาพกันทุกคนนะคะ
บล็อคนี้อยู่ในหมวดสุขภาพค่ะ
|