อันตรายจากการใช้คอมเป็นเวลานาน
เมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มักเกิดอาการเมื่อยล้าในลูกตา ปวดตา ตามัวหรือเห็นภาพซ้อน ตาแห้ง รู้สึกไม่สบายตา ตาสู้แสงไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีอาการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหลัง มักจะพบในผู้ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องต่อวันเป็นประจำ สาเหตุ เนื่องมาจากการใช้ตาดูจอคอมพิวเตอร์นานๆ การกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาตาแห้ง นอกจากนี้เป็นผลมาจากแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ และภาวะแสงสว่างที่ไม่เหมาะสม การเพ่งทำงานในระยะใกล้เป็นเวลานานๆ ทำให้กล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการเพ่งเกิดการแข็งเกร็ง นำมาซึ่งอาการปวดตา ปวดหัวได้ ส่วนอาการปวดคอ ปวดไหล่และหลัง เป็นผลจากตำแหน่งในการวางคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม ทำให้ต้องอยู่ในท่าที่ผิดปกติ
วิธีแก้ปัญหา 1. การจัดสิ่งแวดล้อมใหม่ จัดวางโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้จออยู่ในระยะที่ห่างจากลูกตาประมาณ 20 - 24 นิ้ว วางในระดับที่ต่ำกว่าระดับตาประมาณ 10 - 20 องศา เพื่อจะได้ไม่ต้องเหลือบตาขึ้นสูง ความสว่างของห้องเพียงพอ ความสว่างในห้องหรือบริเวณโดยรอบจอคอมพิวเตอร์ต้องใกล้เคียงกัน อาจใช้แผ่นกรองแสงเพื่อช่วยลดแสงสะท้อน
2. การปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้แก่ การปรับความสว่างของคอมพิวเตอร์ ควรจะปรับให้สว่างเท่าๆกับความสว่างของห้อง ขนาดของตัวหนังสือควรจะมีขนาดประมาณ 3 เท่าของขนาดตัวหนังสือที่เล็กที่สุดที่สามารถอ่านได้จากจอคอมพิวเตอร์ในระยะเดียวกัน ส่วนสีของตัวหนังสือควรเป็นสีดำบนพื้นสีขาว ควรวางกระดาษหรือหนังสือที่จะต้องดูให้อยู่ในแนวเดียวกับจอคอมพิวเตอร์ 3. การฝึกนิสัยของตนเอง ควรปรับให้มีการกระพริบตาอย่างสม่ำเสมอ มีการคลายกล้ามเนื้อที่ใช้ในการมองใกล้ โดยบังคับให้มองไปในที่ไกลๆนานประมาณ 1-2 นาทีเป็นครั้งคราวหรืออย่างน้อย 1-2 ครั้งทุกชั่วโมง หรือให้มีการหยุดพักการทำงานทุกชั่วโมงประมาณ 5-15 นาที การใช้น้ำตาเทียมเป็นอีกทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหาตาแห้งได้ โดยแนะนำให้ใช้ได้เมื่อรู้สึกเมื่อยล้า แสบตาหรือตาแห้ง
4. ผู้ที่เริ่มมีสายตายาวตามอายุ ควรใช้แว่นสายตาชนิด Progressive lens ซึ่งมีช่วงการมองหรือจุดโฟกัสหลายระดับ โดยเฉพาะระยะกลาง (intermediate zone) ซึ่งเป็นตำแหน่งของจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้แว่นตาควรจะเคลือบสารที่ป้องกันการสะท้อน เพื่อช่วยลดการสะท้อนของแสงเข้าตาได้ระดับหนึ่ง
5. การแก้ปัญหาปวดคอ ปวดไหล่และปวดหลัง นอกจากจะจัดระดับจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมแล้ว ท่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญ ควรจะต้องนั่งตัวตรง หลังเอนไปด้านหลังเล็กน้อย แขนทั้งสองในขณะกดแป้นพิมพ์ให้อยู่ในแนวขนานกับพื้น ส่วนเท้าควรวางราบกับพื้น
6. อย่านั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ถ้าเป็นไปได้ทุก 2-3 ชั่วโมง ควรเว้นวรรคพักสายตาสัก 10-15 นาที ส่วนจะหลับตาเฉยๆ หรือเดินไปดื่มน้ำ, ดื่มชาหรือกาแฟ หรือเข้าห้องน้ำบ้างก็ได้ ไม่งั้นก็หันไปคุยกับคนรอบๆข้าง หรือแฟน เป็นการผ่อนคลาย 7. ช่วงเบรกระหว่างใช้คอม ออกกำลังกายบ้าง อย่างน้อยบิดขี้เกียจก็ยังดี ไม่ใช่นั่งอยู่ท่าเดิมๆตลอดเวลา
8. หางานอดิเรกที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับคอมทำบ้าง เช่น ไปเดินห้างสรรพสินค้า พาแฟนไปเที่ยว ไปดูหนังสักเรื่องเป็นการผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับมาทำงานหน้าคอมแบบเดิม ก็จะทำให้เราสดชื่นขึ้นบ้าง การบริหารลูกตา กล้ามเนื้อตา และสมองรับภาพ
การบริหารทั้งสามส่วนนี้จะช่วยให้สามารถมองภาพต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ วางมือจากแป้นคอมพิวเตอร์ หลบหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ทุก ๆ 1 ชั่วโมง จะดีที่สุด
1.การบริหารลูกตา
หลับตาใช้อุ้งนิ้ว ย้ำว่า "อุ้งนิ้ว" นวดเบาๆวนรอบตาสัก 1 นาที หรือกะพริบตาถี่ๆ ทุกการใช้สายตาครบ 1 ชั่วโมง เพราะการกะพริบตา จะช่วยขับฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบตาของเราให้แลดูวิ้งๆปิ๊งๆตลอดเวลา
2.การบริหารกล้ามเนื้อตา
กล้ามเนื้อตาเป็นส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อที่ต้องการ "การพักผ่อน" มากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เพราะเราต้องใช้กล้ามเนื้อตาแทบตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนอน เรามีวิธีการดูแลตาให้สุขภาพดี ด้วยสูตร "จักษุสปา" สไตล์อายุรวัฒน์มาแนะนำค่ะ
สูตรจักษุสปา
เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนเลย ตื่นมาแทนที่จะขยี้ตา เปลี่ยนเป็นเอาตาซุกลงไปกับฝ่ามือเบา ๆ ทิ้งไว้สัก 1 นาที เพื่อเป็นการปรับสายตาให้พร้อมกับการมองเห็นความจริงทุกประการ พอมาถึงที่ทำงาน ทำงานไปได้สักชั่วโมง ลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง กะพริบตาเพื่อให้ฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบลูกตา ก่อนพักเที่ยงก็กะพริบตาถี่ๆ อีกสัก 10 วินาที
ช่วงบ่าย สายตาเริ่มล้า ให้หลับตาปี๋ๆเลย แล้วเบิ่งตาโต ทำสลับกันครั้งละ 10 วินาที เป็นเวลาประมาณ 1 นาที หรือจะใช้อุ้งมือนุ่ม ๆ (อุ้งมือนะ!) กดตาไว้เบา ๆ สัก 1 นาทีก็พอ จะให้สดชื่นสายตาก็หาผ้าเย็นเช็ดหน้านุ่มๆ ชุบน้ำเย็นๆ มาประคบสายตาไว้ประมาณ 10 นาที จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
ก่อนเลิกงาน หลังจากปิดคอมพิวเตอร์แล้ว ให้นั่งหลับตา หาที่มืดนั่งเงียบ ๆ สักพัก เพื่อเป็นการพักลูกตา และสมองส่วนรับภาพ เมื่อถึงบ้านแล้ว ดูทีวีได้ตามปกติ แต่ไม่ควรปิดไฟทั้งห้องจนมืด เพราะแสงจากทีวีจะจ้ามาก เป็นผลเสียต่อจอตาของเรา ที่สำคัญควรปิดสวิตช์ตาไม่เกิน 5 ทุ่ม นอนพักได้แล้ว
ก่อนเข้านอน ให้ทำการขอบคุณสายตาที่ถูกใช้งานมาทั้งวัน ด้วยการพนมมือทั้งสองขึ้นมา เอานิ้วจรดกัน แล้วเอาอุ้งนิ้วทั้งสองมาประทับกับเปลือกตาที่หลับลง นวดวนเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกาสัก 1 นาที หากคนที่ตาแห้งก็เพิ่มเป็น 2 นาที พอตื่นนอนก็วนทำแบบครั้งแรก รับรอง "ตาหวานฉ่ำ" แน่ ๆ
3.บริหารสมองรับภาพ
เพียงแค่ "กลอกตา" ไปมา แบบซ้ำๆ อย่ารีบ เดี๋ยวตาลาย ให้กลอกจากซ้ายไปขวา และบนลงล่าง ทำแบบนี้เป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วยค่ะ
ดูแลสุขภาพตาด้วย "จักษุโภชนา"
ต้องกินผัก "เขียวจัด" อย่างคะน้า เพราะจะมีวิตามินเอ และ "เหลืองแจ๊ด" พวก ข้าวโพด ฟักทอง แครอท ซึ่งจะมีธาตุที่ชื่อ "ลูทีน" กับ "ซีแซนทิน" เป็นธาตุที่บำรุงสายตาโดยเฉพาะ
ระวังเรื่องของการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรืออยู่ใกล้กระจกสะท้อน เพราะอาจเป็น "ต้อ" ได้ ให้ตรวจสอบว่า โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรา ตำแหน่งที่นั่งดีหรือยัง ตรวจสอบการสะท้อนของแสงที่เข้าตาของเรา ด้วยการปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดไฟห้อง ดูว่าหน้าจอมีแสงไฟสะท้อนเข้าตาหรือเปล่า ถ้ามีต้องปรับตำแหน่งคอมพิวเตอร์จนกว่าจะไม่มีแสงสะท้อน
สายตาเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ อย่าบอกว่า ขี้เกียจทำการบริหาร หรือไม่ว่างจากงาน หากวันหนึ่งสายตาแย่แล้ว คุณจะเอาสายตาดี ๆ มาทำงานต่อได้อย่างไร อย่าลืม! รักษาสุขภาพตานะคะ เพราะเราต้องใช้มันอีกนาน
บล็อคนี้อยู่ในหมวดสุขภาพ
Create Date : 20 ธันวาคม 2555 |
|
123 comments |
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 22:45:33 น. |
Counter : 3602 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
ส่วนสีของตัวหนังสือควรเป็นสีดำบนพื้นสีขาว
สังเกตว่าคุณปานปฏิบัติตามทันทีเลย วันนี้ได้เห็นตามนั้นเลย อิอิ
ดีค่ะ ทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย แต่สงสัยว่าจะเป็นได้นานแค่ไหน 555
ลาไปนอนเลย เพราะรู้สึกปวดคอจากการนั่งหน้าคอมพ์นาน ๆ นี่แหละ