โรคเก็บสะสมของจะมีลักษณะอาการดังต่อไปนี้
เก็บของไว้มากเกินไป แม้ว่าของนั้นจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์ หรือมีโอกาสใช้ประโยชน์น้อยมาก
มีความยากลำบากในการทำใจที่จะทิ้งของ (ตัดใจทิ้งของไม่ได้) โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากความคิดว่า ยังอาจจำเป็นต้องใช้ อาจจะได้ใช้ หรือทิ้งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ
ของที่สะสมมีเยอะมากจนรบกวนการใช้ชีวิต หรือทำให้เกิดอันตราย เช่น วางบนพื้นห้องจนไม่มีที่เดิน กองวางท่วมล้นบนโต๊ะทำงานจนทำงานบนโต๊ะไม่ได้ หรือของเยอะจนทำให้เจ็บป่วยบ่อย โดนของที่สะสมโค่นทับ เป็นต้น
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ และมองว่าการเก็บของของตัวเองนั้นสมเหตุสมผล (แต่คนส่วนใหญ่จะไม่คิดอย่างนั้น) คนที่มักทนไม่ได้คือคนที่อยู่ด้วยหรือเพื่อนบ้าน สิ่งสะสมที่พบได้บ่อย ได้แก่ หนังสือ นิตยสาร เสื้อผ้า ถุงพลาสติก และขวดต่างๆ ซึ่งการเก็บของนี้จะเยอะเกินกว่าปกติของคนทั่วไป เช่น เก็บจนล้นกองเต็มทั่วบ้าน เป็นต้น (ในคนปกติบางคนอาจจะสะสมของบางอย่าง เช่น ชอบสะสมหนังสือ แต่จัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นโรคเก็บสะสมของ)
การสะสมของจำนวนมากๆ แบบนี้ หลายครั้งมักทำให้เกิดอันตรายตามมา เช่น พบว่าผู้ป่วยบางรายมาโรงพยาบาลเพราะบาดเจ็บจากการถูกของล้มทับ (เช่น กองหนังสือเป็นตั้งไว้สูงท่วมหัว แล้วหนังสือล้มทับใส่) ห้องรกสกปรกจนทำให้เกิดโรคติดเชื้อหรือมีกลิ่นเหม็นมาก
โดยทั่วไปโรคสะสมของนี้มักเริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่น และเป็นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต เพียงแต่โดยส่วนใหญ่ตอนวัยรุ่นอาจจะไม่เป็นปัญหารุนแรงมากนัก เพราะของที่สะสมมักจะยังไม่มาก แต่จะเริ่มเป็นปัญหาหนักเมื่อวัยผู้ใหญ่ เพราะของที่สะสมมักจะเยอะมาก ส่วนใหญ่พบว่าโรคจะเป็นลักษณะเรื้อรัง ไม่หายขาด โดยอาการอาจจะเป็นมากขึ้นเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่มีความเครียดมักจะมีการสะสมของมากขึ้น โรคที่มักพบร่วมกับโรคสะสมของ ได้แก่ โรคย้ำคิดย้ำทำ พบว่าคนที่เป็นโรคนี้เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำร่วมด้วยมากถึง 30% นอกจากนี้อาการสะสมของ อาจพบได้บ้างในผู้ป่วยโรคจิตเภท และโรคสมองเสื่อม
โรคนี้การรักษาด้วยยาพบว่าได้ผลเพียงนิดหน่อย โดยยาที่ใช้เป็นยากลุ่มยาต้านเศร้า การรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือ การสอนการตัดสินใจ (ในการเก็บหรือทิ้งของ) การจัดกลุ่ม และการสอนวิธีการเก็บของที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงฝึกให้ทนได้กับการทิ้งของ ซึ่งพบว่าวิธีการเหล่านี้สามารถช่วยลดของที่สะสมลงได้เกือบ 1 ใน 3 ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว
ขอบคุณครับ