เขียนงานไม่ออก (เขียนบล๊อกซะเลย)....เหนื่อยนะเนี่ย
สวัสดีครับเพื่อนๆ
หลังจากกลับมาจากเที่ยวกรุงปราก ก็ไม่ค่อยได้ว่างมาเขียนบล๊อกเลย..วันนี้ถือโอกาสกำลังเซ็งจัด...ฮ่าๆๆ เซ็งอีกแล้ว จะว่าไปผมก็ใจร้ายเนอะ หลายต่อหลายครั้งที่เอาบล๊อกเป็นเหมือนกระโถน ไว้ระบายความเซ็งของตัวเอง... แต่ผมก็ว่าดีกว่าไปทำอย่างอื่่นที่มันไร้สาระอะครับ...เซ็งก็บ่นกับตัวเอง บ่นเป็นตัวหนังสือ...คนมาอ่านก็ซวยไป พลอยได้อ่านเรื่องเซ็งๆไปด้วยซะงั้น
เพื่อนๆที่เรียนสายวิทย์อาจจะพอเข้าใจกันดี..โดนเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่เราต้องทำวิจัย แล้วต้องเขียนรายงานการวิจัย เพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (หรือที่เราๆเรียกกันว่า ตีพิมพ์ลง Journal ไงครับ)....มันจะอะไรกันนักหันหนาเนอะ กับการแค่เขียนถึงสิ่งที่ตัวเองทำ ผลที่ตัวเองได้ และก็ตีพิมพ์เผยแพร่มให้คนได้อ่าน คนที่อ่านและสามารถนำเอาประโยชน์จากงานของเราไปใช้ได้.. จริงๆแล้วมันก็ควรจะแค่นั้น...จริงไหมครับ
แต่ที่มันไม่แค่นั้น ก็คือ...มันเป็นส่วนหนึ่ง (ที่ค่อนข้างสำคัญ) ของอนาคต นักวิทยาศาสตร์อย่างผม..และเพื่อนๆอีกหลายคน...และมันก็สำคัญต่อความเจรญก้าวหน้าทางหน้าที่การงานด้วยสิ อ่านแล้วเริ่มเห็นว่าจะเข้าเรื่องเครียดแล้วใช่ไหม....อิอิอิ
ผลงานที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ไม่ใช่ว่าทุกงานที่ส่งไปจะได้รับการตีพิมพ์...นั่นมันต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพงาน และขึ้นอยู่กับ ความดัง เด่น ดี เดิ้น ของวารสารยี่ห้อนั่นด้วย... อย่างงานของผม ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการตีพิมพ์หรือเปล่าเลย....เซ็ง
การตีพิมพ์ในวารสารดังๆ และมีค่า Impact factor สูงๆ (ค่า Impact factor นี้ เป็นค่าที่บอกว่า วารสารนั้นๆมีคนเข้ามาอ้างอิงมากน้อยแค่ไหน และคุณภาพงานในวารสารนั้นดีมากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่แล้ว ค่าสูงๆ ก็จะเป็นวารสารที่มีชื่อเสียง งานที่จะตีพิมพ์ต้องหรูเลิส อลังการ หรือเป็นการต้นพบใหม่ๆ ที่มีคุณค่าต่อวงการวิทยาศาสตร์มากๆ)..
และการได้ตีพิมพ์ในวารสารที่ดีๆ เยอะๆ ก็ทำให้ชื่อเสียงของผู้แต่งดีตาม..ในสถาบันการศึกษาหลายๆที่ รวมถึงในบ้านเรา..การขอตำแหน่งทางวิชาการ เช่น การขอตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ก็ใช้งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเหล่านี้ เป็นส่วนประกอบในการพิจารณา บางที่ก็ให้น้ำหนักของการมีงานวิจัยตีพิมพ์ค่อนข้างสูง.....ผมถึงบอกว่า มันก็สำคัญต่อหน้าที่การงาน และอนาคตครับ
ตอนนี้ภาระกิจสำคัญของผม..คือการนั่งเขียนผลงานวิจัยที่ตัวเองได้ทดลอง เพื่อที่จะเสนอส่งตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการครับ...ช่วงนี้หยุดทำแลปทดลอง มานั่งเขียน.......แต่ที่เซ็งคือ...มันเขียนไม่ออก มันก็ยากที่จะเริ่มต้น...แต่คิดว่าถ้ามันเริ่มแล้วมันก็จะไปเรื่อยๆได้....แต่มันยากจริงๆก็ไอ้ตอนที่ จะเริ่มต้นชักแม่น้ำทั้งห้า มารวมกัน ขมวดปมให้เป็นประโยคที่ไม่เยิ่นเย้อ และอธิบายถึงความสำคัญ ที่มา และเป้าหมายว่าทำไปทำไม...(ฟ่ะ)
บ่ายนี้ก็นั่ง ทำภาพประกอบ ทำนั่นทำนี่ไป เขียนในส่วนที่มันง่ายๆ..ทำไปจนเสร็จทุกอันที่ว่าง่ายแล้ว....และถึงคิว ต้องเริ่มเขียนส่วนยาก....แต่มันติดแง๊กกกกกก เขียนไม่ออก
ช่วงนี้...ก็ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ด้วยครับ...เพราะว่า มีอะไรอีกตั้งเยอะแยะเกี่ยวกับหัวใจ...มันก็สำคัญอีกแหล่ะ..เพราะว่าถ้าจะต้องสอบเพื่อจบปริญญาเอกใบนี้....กรรมการมีสิทธิถามทุกอย่างเกี่ยวกับหัวใจ ตั้งแต่เรื่องธรรมดา..ถึงเรื่องโณคภัยของหัวใจ...แต่ถ้าถามว่าหัวใจผมว่างไหม...อันนี้ตอบได้ครับ..ฮ่าๆๆๆๆๆ ว่างตลอด 24 ชั่วโมงแหล่ะ (ฮิ้วๆๆๆๆๆ)....
ช่วงนี้ผมก็มีภาระกิจที่สัญญากับตัวเองมานานนม ว่าจะทำให้สำเร็จ..นั่นคือการอ่านหนังสือเล่มนี้.... The Heart Physiology : From Cell to Circulation ไม่อยากแปลให้เพื่อนๆรู้หรอก....มันน่าเบื่อครับ..เอาเป็นว่าเป็นตำราเกี่ยวกับหัวใจ...ถ้าใจคนเราอ่านได้อย่างตำราก็ดีเนอะ...หนังสือเล่มหนาขนาดนี้ ยังค่อยๆอ่านได้ ค่อยๆทำความเข้าใจได้ สักวันหนึ่ง มันต้องอ่านจบและเข้าใจ..แต่ใจคน มันไม่มีวันอ่านได้จบ และทำความเข้าใจได้....อย่าว่าแต่ใจคนอื่นเลย..ใจตัวเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลย..ฮ่าๆๆๆ
เล่มนี้แหล่ะ..แบกทุกวันเลย...
เอาหล่ะ แวะมาบ่นแก้เซ็งครับ.....ผมต้องขยันทำงาน เพราะเดี๋ยวมีเวลาว่างเมื่อไหร่จะได้ไปเที่ยว...เก็บรูปและเรื่องราวมาฝากกันอีกครับ
รักษาสุขภาพกันให้ถ้วนหน้าครับ...ผมเองช่วงนี้อากาศที่นี่เริ่มเย็นๆ ฝนก็ตกบ่อยละ...ฤดูก็เริ่มเปลี่ยนแปลง...เข้าใกล้ใบไม้ร่วง อากาศเริ่มเย็นครับ..บางวันก็มีน้ำมูกไหล..ปวดหัว ไอคร๊อกๆแคร๊กๆบ้างเหมือนกัน...
รักและคิดถึงนะครับ
สิงห์นครพิงค์
Create Date : 14 สิงหาคม 2551 |
|
15 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2551 0:25:56 น. |
Counter : 756 Pageviews. |
|
|
|
สู้ๆ เน่อ อิอิอิ