วันเสาร์ ที่แสนจะน่าเบื่อ...กับแกงเขียวหวานสะท้านปฐพี
สวัสดีครับ ไม่ได้ up blog เสียตั้งหลายวัน...เข้ามาดูแล้วก็ปลื้มใจจังมีคนมาแวะเวียน เยี่ยมเยือน blog ผมมากหน้าหลายตา มีทั้งขาประจำที่คุ้นเคยกันดี และขาจร ..ยังไงก็ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนกันครับ
แรกเริ่มเดิมที ว่าวันนี้จะไม่ up blog หล่ะ เพราะว่าช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่มีเรื่องอะไรน่าสนใจเท่าไหร่...วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง แต่ก็นั่นแหล่ะ ไม่เห็นแปลกใช่ไหมครับ ถ้าอยากเขียนเรื่องราวชีวิตอันแสนจะธรรมดา ของผู้ชายธรรมดา ในวันธรรมดา...เห้อ อะไรๆก็ธรรมดา (มีแต่หน้าหล่อๆเนี่ยแหล่ะ ที่ไม่ธรรมดา อิอิ ..จริงๆอยากอ๊วกก็ไม่ว่ากันครับ ผมก็เหมือนมีลมตีๆอยู่ในท้อง..นี่ถ้าชมตัวเองต่ออีกนิดมีหวังอ๊วกพุ่งแน่ๆ)
วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ...แต่เป็นเสาร์ที่สุดยอดของความน่าเบื่อ...ปวดหัว แถมยังเครียดอีก....อะไรๆก็ไม่เป็นใจ...จริงๆแล้ววันนี้ต้องไปทำแลปครับ แต่เกิดผิดแผนขึ้นมา..เหตุเกิดเพราะเมื่อวานวันศุกร์...คนที่เข้าต้องมาเตรียมหนูทดลองให้ เค้าเกิดป่วยกระทันหัน...ผมเองไม่รู้เรื่องว่าเค้าป่วย ก็จัดแจงเตรียมสารเคมีเรียบร้อยเลย....วันนี้ตอนเช้าด้วยความที่รู้ว่าต้องมีหน้าที่ต้องทำ เลยตื่นแต่เช้า โทรไปหาคนที่เค้าเตรียมหนูให้ กะจะถามว่าเค้าเก็บไว้ในกรงที่เท่าไหร่ ตรงไหน ยังไง พอเราไปถึงห้องแลปจะได้ไม่ต้องไปงมโข่ง ทำงานได้เลย...ก็เลยได้รู้กันว่าเค้าเองไม่สบาย เลยไม่ได้าทำงานวันศุกร์ แล้ววันนี้ก็ไม่มีหนูให้เรา...เราเองก็พลากที่เมื่องานไม่เจอเค้าก็ไม่ตามหา....ผิดที่เราด้วย...อะไรๆที่เตรียมไว้เนี่ย...เจ๊งไปหมดเลยครับ...นี่ยังนั่งคิดบ่นตัวเองอยู่เลยว่า...รู้งี้นะ ไปแจมกับเพื่อนๆดีกว่า...พวก เอ พี่อ้อม พี่จิ๋ม และ จ้าว(note 1) เค้านัดกันไปเที่ยว....(จำชื่อไม่ได้) ทางแถบๆ Sheffield ครับ....ป่านนี้เค้าคงสนุกไปแล้วดิ.....เห้อ เซ็งจิต
เป็นอันว่าวันนี้ผมเองก็อยู่กับบ้าน..แต่ก็ดีอีกอย่างที่จะได้นั่งเขียนรายงานและต้นฉบับวิทยานิพนธ์ เพื่อขอสอบเลื่อน (Upgrade exam) ปลายปีนี้ (note2) จริงๆแล้วผมหน่ะขออณุญาติอาจารย์กลับบ้านตอนปลายปี ประมาณ 6 อาทิตย์ ซึ่งอาจารย์ของผมเองก็กระอักกระอ่วนที่จะให้ดี ไม่ให้ดี เพราะว่า 6 อาทิตย์เนี่ย ถือว่านานเหมือนกัน...แต่ผมก็ชักแม่น้ำทั้ง500 สาย มาอ้างเหตุผลว่าผมเองมาเรียนปีนึงแล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย..แล้วผมก็ไม่ได้เกเร เถลไถลที่ไหน Summer ก็ไม่เคยของหยุด อิอิ...อาจารย์ผมก็พยักหน้าหงึกๆ แถมแสยะยิ้มให้ แล้วบอกว่า ไม่มีปัญหาเลย...เพียงแต่เขียน วิทยานิพนธ์4 บทแรกมาส่งก่อน แล้วตอนกลับไปบ้าน ก็เขียน upgrade report มาให้เสร็จ แล้วกลับมาสอบเลย.....งานนี้เล่นเอาผมนี่ยิ้มไม่ออกครับ...แต่ก็ดี ที่ได้กลับบ้าน
นอกเรื่องมาเสียนาน เป็นอันว่า วันนี้ผมก็อยู่บ้านนั่งเขียนงานทั้งวัน....เมื่อยสมองขี้เรื่อยของผมมากๆเลย....ผมตระหนักได้ว่า การเขียนเป็นเรื่องเป็นราว (เขียนรายงาน) เป็นเรื่องยาก ยากมากๆๆๆ ยากกว่าเขียน blog เป็นไหนๆ อิอิอิ....
ผมนั่งเขียนตั้งแต่เช้า...ยันทุ่มหนึ่ง....แล้วก็ไม่ไหวแล้วครับ....คิดว่าวันนี้เครียดจริงๆ เครียดอยู่กับบ้าน...ผมว่าต้องหากิจกรรมทำแล้วหล่ะ....บังเอิญ ท้องไส้ก็เริ่มประสานเสียงคร่ำครวญโหยหาอาหาร....ผมเลยว่าวันนี้มาเป็นพ่อครัวหัวป่าอีกสักทีจะเป็นไร ถือว่าเป็นกิจกรรมคลายเครียดด้วย.....คิดแล้วก็ว่าจะทำแตงกวาผัดไข่ (เมนูที่พอเป็นหน้าเป็นตาให้ผมได้บ้าง) แต่ว่า มันก็ธรรมดาเกินไป....เลยคิดถึงแกงเขียวหวานครับ....ใช่แล้วต้องแกงเขียวหวาน Thai green curry นี่ขึ้นชื่อไปทุกหนทุกแห่ง......เนี่ยแหล่ะ..เมนูเย็นนี้
ผมจัดแจงไปซื้อเนื้อหมูมาจากร้าน Sainsbury ใกล้ๆบ้าน แล้วก็จัดแจงเตรียมของ หั่นหมู หั่นผัก เตรียมกะทิไว้เรียบร้อย เครื่องแกงก็ซื้อมาแล้วครับ....แน่นอนที่สุด...เครื่องแกงตราแม่ศรี
เวลาผ่านไป...ผมใส่หัวใจ..ความใส่ใจ...ความตั้งใจ....ความอดทน..ความพยายาม....และความ XXX ลงไปในแกงหม้อนั้น...เวลาผ่านไป ทำไปบ่นไป...ทำไปชิมไป เห้ย...ทำไมรสชาดมันไม่เข้ากันสักที...ขาดอะไรสักอย่าง น้ำปลาก็แล้ว น้ำตาลก็ด้วย เกลือก็เติม แต่มันขาดอะไรสักอย่าง ผมว่าทุกคนคงเดาออก....ขาดความอร่อยนั่นเองครับ แถมเผ็ดอีกต่างหาก เพราะมือหนักไปหน่อย เครื่องแกงแม่ศรีนั่นผมล่อไปซะเกินครึ่งขวด อิอิ...ปกติผมเองก็ไม่กินเผ็ดครับ เห้อเซ็งอีก
ผมพยายามอยู่นาน จนบอกตัวเองว่าพอเหอะ เดี๋ยวมันจะเละไปมากกว่านี้...เท่านี้ก็พอกินได้แล้วหล่ะ.....จากนั้นก็ได้เวลาหม่ำของผม.....เศร้าหน้าดู....เสียเงินไปเกือบสิบปอนด์ รู้งี้เดินไปร้านไทยใกล้ๆ แล้วสั่งแกงเขียน take away ยังจะดีกว่าซะอีก....เออเหอะ ก้มหน้าก้มตากินไป....แล้วคิดในใจ....กรูจะต้องกินมันไปอีกกี่วันฟ่ะ เพื่อนๆเห็นไหมครับว่าแกงเขียวของผมวันนี้ หม้อใหญ่เชียว..จะทิ้งก็เสียดาย...ต้องรู้ค่าของเงิน
ผมก็กล้ำกลืนฝืนกินไป ทันทีที่กินหมด เพื่อน 2 คนก็กลับมาพอดี ได้ยินเสียงมาแต่ไกลเลยว่า สงสัยผมต้องทำอาหารไทยแน่ๆ หอมเชียว.....อิอิ คิดในใจ มาแล้วเหยื่อของตรู Danie กับ Maria มาถึงผมก็บอกว่าให้ลองชิมแกงเขียวหวานฝีมือของผม ทั้งสองคนดีใจใหญ่เลย....ชมผมว่าผมเก่ง...ทำอาหารได้ด้วย...(นี่ยังไม่ได้ชิมนะครับ)
2 คนนั้นจัดการตักแกงใส่ถ้วย..ผมบอกว่ายังไม่ต้องตักเยอะหรอก..ตักน้อยๆก่อน ไม่ได้หวงนะ แต่ถ้าไม่ถูกปากจะได้ไม่เสียของ ผมออกตัวก่อนว่าไม่อร่อยนะ แล้วก็รสเผ็ดหน่อยนะ....เค้าบอกไม่เป็นไร เคยทานอาหารไทยอยู่...แกงเขียวนี่ของโปรดเลย...อะนะ ปล่อยมัน..
เสี้ยววินาทีที่แกงเขียวผ่านจากปลายช้อน สัมผัสลิ้นของมาเรีย..หน้าของเธอแดงขึ้น แดงขึ้น ราวกับโดนจิ๊กโก๋ที่ไหนเหยียบหัวแม่โป้ง....เธอกรี๊ดออกมาสุดเสียง ราวกับอยู่ในหนังเรื่อง Hannibal .............อันนี้ผมเวอร์ไปหน่อยหน่ะครับ
มาเรียร้องซะเสียงหลง แล้วบอกว่า เผ็ดมากๆๆๆๆ เผ็ดร้อนอย่างกะนรกแหน่ะ Its hot like the Hell แหม..พูดอย่างกะแกเคยไปอยู่นรกมางั้นแหล่ะ.... ฝ่ายตาแดนนี่เมื่อเห็นแฟนสาวร้องขนาดนั้น ก็วางช้อนทั้งๆที่ยังไม่ได้ชิมเลย....ผมถามเพื่อนโอเคไหม..เธอบอกโอเค แล้วก็หันไปพยายามขู่บังคับให้ตาแดนนี่ชิม....อาการของแดนนี่ก็ไม่ต่างกันครับ หน้าแดงแล้วบอกว่า Oz (สิงห์), you can kill everyone by your Thai green curry แถมบอกอีกนะว่า ไม่เห็นเหมือนแกงเขียวที่เคยกินจากร้านไทยเลย....ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย แต่บอกไปว่า เนี่ยสูตรไทยดั้งเดิม แล้วก็คิดในใจ กรูบอกเมิงแล้วววววอย่าตักเยอะ ฮ่าๆๆๆ....แต่ผมว่าของผมก็พอกินได้นะ อร่อยไปอีกแบบนึง...2 คนนั้นเปลี่ยนใจหยิบพิซซ่าที่ซื้อมามานั่งหม่ำกัน...โดยผมก็นั่งซดแกงเขียวของผมไป
นี่แหล่ะครับ..เสาร์อันแสนจะน่าเบื่อ...กับแกงเขียวหวานสะท้านปฐพีของผม...จบห้วนๆเลยนะ เขียนยาวแล้ว...รักษาสุขภาพด้วยครับทุกคน
รักและคิดถึง
Note1: น้องเอ และพี่อ้อม เป็นอาจารย์ทันตแพทย์ เรียนป.เอกที่ Sheffield, พี่จิ๋ม (ทันตแพทย์) มาดูงานที่ Sheffield พอดี แล้วจ้าว..อาจารย์ คณะทันตแพทย์เหมือนกัน แต่เรียน ป.เอกที่ Southampton ทีมนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาแวะเวียนเยี่ยมเยือนผมที่ลอนดอน กินนอนกันอยู่2-3 วันครับ (มีเรื่องสยองด้วย..ไว้เล่าให้ฟังทีหลังครับ)... กลุ่มนี้เป็นเพื่อนๆที่เป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะติดกัน แล้วมาเรียน ป.เอกที่อังกฤษเหมือนกันครับ
Note2: ที่อังกฤษ นักศึกษาปริญญาเอกทุกคน ปีหนึ่งจะต้องลงทะเบียนเป็น M.Phil ครับ พอเรียนและทำวิจัยครบ 1 ปี ต้องทำการส่งรายงานและขอสอบปากเปล่า (Viva exam) เพื่อเลื่อนเป็นนักศึกษา Ph.D. ปี 2 การสอบก็ค่อนข้างสำคัญครับ...ไม่รู้ที่อื่นเป็นไง แต่อาจารย์ผมบอกว่าถ้าสอบไม่ผ่าน ก็ให้ผมได้ปริญญาโท นั่นก็คือ M.Phil แล้วเก็บของกลับบ้านไป...ไม่รู้ว่าขู่หรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผมเองสยองอยู่เหมือนกัน...ผมเลยเต็มที่สุดใจครับ
Note3: เพลงนี้ชื่อเพลง Joyfulness ผลงานเปียโนของนายโต๋ครับ.....อาจจะคุ้นๆนะครับสำหรับชาว Bloggang อาจจะเคยได้ฟัง เฮียเหม่ง(namit) พี่ชายร่วมบล๊อกของผมเป่าฟรุตเพลงนี้เวลาโชว์เปิดหมวกครับ
Create Date : 20 สิงหาคม 2549 |
|
32 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2551 7:18:02 น. |
Counter : 1186 Pageviews. |
|
|
|
กะว่าจะเข้ามาชิมฝีมือแกงเขียวหวาน
ของพ่อครัวหัวป่าแต่ไหงเป็นงี้ไปได้หว่า
เซ็งจิตบ้างดีกว่า..
พ่อครัวคนนี้ค่อนข้างใจร้ายกะเพื่อนๆนะคะเนี่ย