photo 228464_4461641617318_575826594_n_zpsdd383209.jpg
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณดาว ::

แวะไปอ่านบทความดี ๆ ของคุณก๋า..แล้วมีคำถามคาใจ..ถามไป ..คุณก๋ากรุณาตอบกลับมาให้ อย่างสวยงาม และ ได้ใจความ...

เลยอยากจะแบ่งปันบทความดี ๆ ให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ

ขอขอบคุณคุณก๋ามาก ๆ เลยนะคะ ที่สละเวลา มาตอบคำถามให้ค่ะ




:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณดาว ::



กรรมมีเฉพาะศาสนาพุทธไหม

แล้วที่บอกว่าแก้กรรมไม่ได้
บุญส่วนบุญ กรรมส่วนกรรม

งั้นที่ทางศริสต์เขาให้ล้างบาป
ล้างแล้วจะไม่มีกรรมไม่มีบาปติดตัวไป
เราย้ายไปคริสต์ไม่ดีกว่าหรือ..

แล้วคนที่ไม่มีศาสนาล่ะ เขาจะมีกรรมมั้ย
แล้วตายไป จะไปอยู่ที่ไหน

แล้วถ้าบอกว่า คนตายแล้ว ต้องไปชดใช้กรรม
..แล้วพวกวิญญาณเร่ร่อน สัมภเวสีนี่
เขาไม่ต้องไปใช้กรรมหรือ





คำถามโดย : คุณดาว ( simplyusana )
วันที่ : 6 ตุลาคม 2555
เวลา : 8:00:33 น.





****************************


“กรรม” แปลว่า “การกระทำ”


ขึ้นชื่อว่าการกระทำ ไม่มีการแบ่งแยก “ศาสนา” ครับ


ใครทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้รับผลของการกระทำนั้น
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
เหมือนปลูกต้นดาวเรือง ดอกที่ออกมาก็เป็นดอกดาวเรือง
ปลูกต้นไม้ที่มีพิษ ดอกที่ออกมาย่อมมีพิษเช่นเดียวกัน



ถ้าเราบอกว่า “บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป”

มองเหมือนแปลงดอกไม้
ดอกไม้ที่มีพิษ และดอกไม้ที่ไม่มีพิษ

สองแปลงนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ติดกัน
แต่ดอกของสองแปลงนี้ “ต่างกัน”

ขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะครับ
ว่าจะเลือก “เด็ด” ดอกไม้ดอกใดมาใช้กับตนเอง



................................




“การแก้กรรม” ไม่ได้หมายถึงการลบล้างสิ่งที่เราเคยทำ
สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เราย้อนไปแก้ไขสิ่งนั้นไม่ได้
เหมือนเทน้ำลงพื้น เราเอามือกอบเก็บน้ำที่ซึมลงพื้นไปแล้ว
เอามาใส่แก้วใหม่อีกครั้งไม่ได้

ไม่ว่าเราจะทำพิธีใดใด สวดมนตร์ร้องขอมากแค่ไหน
รดน้ำมนตร์สิบวัด ทำพิธีตัดกรรม ฯลฯ

ทุกอย่างไม่มีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ช่วยได้เพียงเยียวยาความรู้สึกในปัจจุบันให้ดีขึ้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรใดใดไม่ได้เลย

การแก้กรรมที่ดีที่สุด คือ การรู้คิด รู้ทำ ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ทำตามหน้าที่ที่เรามี และทำให้ดีที่สุดใน “ปัจจุบัน”



................................



การล้างบาปที่แท้จริง
จึงไม่ใช่การร้องขอ วอนไหว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพื่อให้ลบล้างสิ่งที่เราได้ทำลงไปแล้ว

แต่การล้างบาป การสารภาพบาป
เป็น “การสื่อสาร” ที่เรากระทำกับตนเอง
ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี

บาปและบุญล้วนเกิดจาก “กรรม”
หรือ “การกระทำ”ของเราเองทั้งสิ้น

การสำนึกบาปที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้
ต่อเมื่อเราแยกแยะถูกผิดดีชั่วในใจตนได้
เราได้รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องตามธรรม
อะไรที่ผิดศีลธรรม
และทำอย่างไรไม่ให้กลับไปสู่ทางเดินที่พลาดผิดนั้นอีก


การสวดอ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง
จึงไม่ต่างอะไรกับการพูดคุยกับ “ตนเอง”

เป็นการพูดคุยกับตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรคิด ควรทำและควรพูด
อะไรคือสิ่งที่เราไม่ควรคิด ไม่ควรทำ ไม่ควรพูด

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงอยู่ในตัวเรา
ถ้าเราทำจิตใจให้สะอาด สว่าง สงบ และเต็มไปด้วยสติปัญญา

ณ จุดนั้น....
ความเป็นพระเจ้าก็อยู่ในตัวเรา




....................................




“กรรม” คือ “การกระทำ”

การกระทำไม่เคยแบ่งแยกว่าเฉพาะคนขาว คนดำ
เฉพาะคนเอเชียหรือคนยุโรป
เฉพาะคนที่นับถือศาสนานั้นศาสนานี้


“ศาสนา” เป็นเรื่องของเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
เป็นเรื่องของพิธีกรรมและความเชื่อ
เป็นเรื่องของคำสอนและแนวทางในการปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์
ตามสภาพสังคม ชุมชน และวัฒนธรรม


“ศาสดา” เป็นผู้ถ่ายทอดและเผยแพร่หลักธรรมคำสอน
ถ่ายทอดความคิด ความเชื่อที่ตนค้นพบ

แต่ทั้ง “ศาสนา” และ “ศาสดา”
ไม่อาจนำพาเราให้ไปพบกับ “ความจริงแห่งทุกข์” ได้
ไม่อาจทำให้เรา “พ้นทุกข์” ได้

ท่านอาจบอกและชี้ทางเอาไว้
ว่า “หนทาง” นั้นมีอยู่
แต่หากคนๆนั้นไม่เริ่มออกเดินทางหรือเดินทางผิดทิศผิดทาง

“หนทาง” นั้นย่อมเป็นเหมือนถนนสายที่ว่างเปล่า
และไม่อาจนำเราไปพบกับความจริงแห่งชีวิตได้เลย



สำหรับผมแล้วนั้น คนที่บอกว่าตนเองไม่มีศาสนา
ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มี “ธรรมะ”

“ธรรมะ” คือ “ธรรมชาติ”

“ธรรมชาติ” คือ ความเป็นจริงแห่งชีวิต

ชีวิตที่เราต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า
อะไรคือสิ่งที่เที่ยงแท้ และอะไรที่ไม่เที่ยงแท้
เมื่อพบเจอกับสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ ไม่เที่ยงทน
เป็นสิ่งที่ทนได้ยากและไม่พึงพอใจ
ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าใจในสภาวะนั้น
ทำอย่างไรจึงจะผ่านความทุกข์ในใจเช่นนี้ไปได้
และทำอย่างไรเพื่อให้ที่สุดแล้ว
ไม่ต้องกลับไปทุกข์กับเรื่องเดิมๆที่ทำให้ตนเองเจ็บปวด


ถ้าใครคนหนึ่งสามารถค้นพบความจริงข้อนี้ได้
ผมคิดว่าเขาได้พบกับ “ธรรมะ” แล้ว

โดยไม่ต้องห่มคลุมด้วยเครื่องแบบสงฆ์หรือนักบวช
โดยไม่ต้องนับถือศาสนาใด
โดยไม่ต้องขัดแย้งกับใครเรื่องการนับถือศรัทธาศาสดาองค์ใด
โดยไม่ต้องมานั่งทะเลาะและตัดสินว่าศาสนาของใครดีกว่าใคร
โดยไม่ต้องโต้แย้งกันว่าคำสอนของใครดีงามกว่ากัน


ทุกสิ่งจะถูกน้อมกลับมายัง “ตัวเรา”
เราคือที่ชุมนุมแห่งคำถาม
และชีวิตของเรานั่นเองที่เป็น “ขุมทรัพย์”
ที่มีไว้ให้เราแสวงหาคำตอบที่แท้จริงของชีวิต


เราไม่จำเป็นต้องออกเดินทางไปสุดขอบโลก
เพื่อค้นหาขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งชีวิต
เพราะ “ขุมทรัพย์” นี้อยู่ในตัวเราตลอดเวลา

ยิ่งค้นหายิ่งไม่พบ
หากหยุดค้นหา อาจได้พบ

และค้นพบ....ในตัวเรา



.................................



ผมเชื่อใน “กรรม”

กรรม คือ การกระทำ
การกระทำอันเกิดจากการพูดซ้ำๆ
นำไปสู่การคิด
คิดซ้ำๆนำไปสู่การกระทำ
กระทำซ้ำๆนำไปสู่การสร้างตัวตน

“ตัวตน” ของเราจึงเกิดจากกรรม
เกิดจากกระทำทั้งกาย วาจา ใจ
เกิดจาก “ความคิด”


เมื่อเราตายไป เราไปอยู่ตรงไหน
ไม่สำคัญเท่ากับเราต้องรู้ว่า
เราได้ตายไปกับ “ตัวตน” หรือ “ความคิด” แบบใด

“จิต” หรือ “ความคิด” จะเป็นตัวกำหนดภพภูมิ
และรูปแบบชีวิต
มันจะสร้างรูปแบบความคิดของเราในชาติถัดไป

เหมือนกับที่บอกว่า ทุกคนต่างปลูกดอกไม้ในสวนของตนเอง
ใครปลูกดอกไม้มีพิษ ผลที่ได้ย่อมเป็นดอกไม้ที่มีพิษ
ใครปลูกไม้ดอกที่แสนสวยงาม ย่อมได้รับดอกผลที่สวยงาม
ไม่มีใครที่มาปลูกดอกไม้ในสวนของเราได้
ไม่มีใครมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงพันธุ์ไม้ที่เราลงเอาไว้ได้


และไม่ว่าเราจะเลือกปลูกพืชชนิดใด
สิ่งที่ต้องตระหนักเอาไว้คือ
ทั้งความสวยงามและความอัปลักษณ์
ทั้งสิ่งที่มีพิษและสิ่งที่มีประโยชน์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่เราเรียกขานว่าพระเจ้า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระผู้สร้าง ธรรมชาติ ฯลฯ

ล้วนไม่มีสิ่งใดที่คงทนถาวรตลอดไปเลย
การเกิดใหม่ของเรานำมาซึ่งการต้องพบเจอกับความทุกข์ ความสุข
ต้องพบกับการได้มาและสูญเสียไป
จะเกิดใหม่อีกกี่ครั้งในลักษณะใด
ล้วนแต่หนีไม่พ้น “ความจริงแห่งทุกข์”




จะปลูกต้นไม้หรือพืชชนิดใด
สุดท้ายมันต้องเหี่ยวแห้ง ร่วงโรย จากไป
แล้วเกิดต้นใหม่วนเวียนอยู่เช่นนี้


กายเราอันเปรียบเหมือนผืนดิน
คือสิ่งที่รองรับการเกิด-ดับแห่งสังขาร
หลงเหลือเพียงจิตหรือความคิด
และความเคยชินที่เราพามันเวียนว่ายตายเกิดไปด้วยมิสุดสิ้น



......................................




คนตายไปแล้วต้องชดใช้กรรมอยู่หรือไม่
เปรียบเหมือนการเกิดขึ้นมาของดอกไม้ในที่ดินแปลงเดิม
มันเปลี่ยนแค่ “ดอกไม้” แต่ไม่ได้เปลี่ยน “ที่ดิน”

ที่ดินนี้ตั้งอยู่บนความเสื่อมแห่งความเป็นจริง
คือ การเกิดเป็นทุกข์
การไม่อาจดำรงตนอยู่ได้ตลอดไปในสภาพที่ตนเองต้องการ
และ การไม่สามารถเลือกเป็นในสิ่งที่ตนเองคาดหวัง

เหล่านี้นำมาซึ่งความทุกข์ในการมีชีวิตและตัวตน


“วิญญาณ” ในความหมายของผม
จึงมิใช่การเป็นผีเร่ร่อน เหาะลอยไปลอยมา
ชดใช้กรรมหรือไม่ต้องชดใช้กรรม

แต่วิญญาณในความหมายของผม
คือ การยึดติดและไม่อาจปล่อยวางสิ่งที่ตนเคยมี เคยเป็น
เป็นความพยายามยื้อสิ่งที่ตนพึงพอใจเอาไว้กับตัว
พยายามผลักไสสิ่งที่ตนไม่พึงใจ


สุดท้ายคือความเจ็บปวดจากการที่ไม่อาจรักษาสภาพที่ตนเองพึงพอใจเอาไว้ได้

“วิญญาณ” ในนิยามความหมายนี้
จึงเป็นการยึดติดกับ “ตัวตน” หรือ “ความคิด” เดิมๆ

จนไม่อาจปล่อยวาง
ไม่อาจเข้าถึงความจริงแห่งทุกข์ได้




..........................................




เมื่อเราเกิดแล้วตาย
เมื่อตายแล้วเกิด

“ตัวตน” หรือ “จิต” ของเรา
เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆ
จากหยดน้ำ กลายเป็นฝน
จากฝนกลายเป็นห้วย หนอง คลอง บึง
เป็นทะเล เป็นมหาสมุทรสุดหยั่ง
หรือกลายเป็นหมอกเหมยยามเช้า

ทุกสภาพล้วนเป็น “น้ำ”

ไม่ว่าเราจะเกิดใหม่และดำรงตนในสภาพแบบใด
สิ่งที่เรานำติดตัวไปด้วย คือ “กรรม”
หรือ การกระทำที่เราเคยทำในอดีต
ผ่านการพูด คิด และกระทำซ้ำๆจนกลายเป็นความเคยชิน

จะอยู่ในสภาพใด
กรรมหรือความเคยชินเช่นนี้ก็ติดตามข้ามภพข้ามชาติไปด้วย
เพื่อสร้างตัวตนบนความเคยชินเดิมๆ

เราแค่เปลี่ยน “รูป”
แต่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงส่วนที่เป็น “จิต” หรือ “ความคิด” เลย

เพราะฉะนั้นจิตใจที่ดี จึงฝักใฝ่ในบุญ ทางธรรมและการกระทำดี
ส่วนจิตใจใฝ่ต่ำ กิเลสหนา อวิชชาเพิ่มพูน
จึงเกิดใหม่ในสภาพที่ชั่วร้ายเลวทราม

แต่บาปอาจเปลี่ยนเป็นบุญ
บุญแปรเปลี่ยนเป็นบาปได้


นั่นขึ้นอยู่กับ “จิต” ของเราในภพปัจจุบัน
ว่าฝักใฝ่ทางใด




เราเปลี่ยนชะตาชีวิตได้
ด้วยการเปลี่ยนแปลงความคิดและการกระทำ


เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลง “ความเคยชิน” ได้

เราจะค้นพบหนทางแห่งการปรับเปลี่ยนชะตากรรม
ที่จะทำให้เราพบกับ “ชีวิต” ที่จริงแท้อย่างแท้จริง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:7:18:54 น.





สมบูรณ์มากค่ะ..
ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ





Create Date : 07 ตุลาคม 2555
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 0:07:22 น. 26 comments
Counter : 1412 Pageviews.

 
โอ้ๆๆๆ สาธุๆๆๆๆ มาสาธุค่ะ

แนตก็เคยถามคุณก๋าไปเหมือนกันค่ะ ก็ได้คำตอบดีดีกลับมา แต่ยังไม่ได้เอามาแชร์ทีนี่เลย ... คุณก๋า นี่เก่งจริงนะค่ะ นี่ถ้าไม่เห็นรูปมาบ้างนึกว่าคุณก๋า สัก 50 อะไรทำนองนั้น 555 ( หยาบคายไปไหมอ่ะ )
ล้อเล่งค่ะ

สู้ สู้ เช่นกันค่ะคุณดาว ลดแบบไหนก็ได้เอาที่เราถนัด และมีความสุขกะมันนะค่ะ


โดย: PrettyNatty วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:9:27:36 น.  

 
ด้วยความยินดีนะครับคุณดาว
หวังว่าคำตอบและคำถามจะเป็นประโยชน์กับคนทีไ่ด้อ่าน

ตอบยาวไปสักนิดนะครับ 555


เอิ่ม --- คุณแนตครับ
ยังไม่ถึง 50 แน่นอนครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:9:44:19 น.  

 
แวะมาเยี่ยมในวันหยุด...สวัสดีครับ

มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน นะครับ


โดย: **mp5** วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:10:03:40 น.  

 
มีสาระมากค่ะ


โดย: supersupy วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:13:23:06 น.  

 
ยาวมากกกเดี๋ยวต้องมาอ่านอีกรอบ


โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:13:40:16 น.  

 
พี่เชื่อในเรื่องของการกระทำค่ะ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

คุณก๋าตอบคำถามได้ดี
และขอบคุณน้องดาวที่เอามาแบ่งปันค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:13:53:11 น.  

 
ขอบคุณที่นำมาบอกต่อค่าคุณดาว


โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:15:01:08 น.  

 
เวงกำมีเจง เจง


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:17:24:04 น.  

 
สาธุ สาธุ สาธุ
........
ที่รัก ไปงานสวดเป็นเพื่อนหน่อยสิ
ผักชีบ้านคุณเค็งตายค่ะ


โดย: รู้นะว่าคิดถึง วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:21:29:56 น.  

 
เคยสงสัยแบบนี้เหมือนกันค่ะ
ตอนนี้แจ่มแจ้งแล้ว ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ALDI วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:4:48:40 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณดาว







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:6:47:53 น.  

 
ขอบคุณคุณดาวด้วยนะครับ
ทีไ่ด้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ผมดูงานของศิลปินท่านนี้บ้างครับ
ไม่มาก

งานของเค้า
บ้านเราเรียกว่า "พิจารณาอสุภกรรมฐาน" ครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:8:19:19 น.  

 
อ๊ากกกกก ถ้าแม่ยังเต่งตึงแบบนี้ก็ดีสิ

แต่นี่ เหี่ยวไม่บันยะบันยัง 5555555555


โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:10:10:20 น.  

 
ช่วงนี้คุณดาวไล่เจิมบ้านเพื่อน ๆ
กลายเป็นมือเจิมอันดับหนึ่งไปซะแล้ว

เลยได้อ่านเรื่องบุญเรื่องบาปไปด้วย
เรื่องบาปบุญนี่ต้องคนที่เชื่อในกรรมถึงจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งค่ะ
ยุ้ยเป็นคนนึงเหมือนกันที่เชื่อในเรื่องบาปและบุญ
ใช้ชีวิตตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการเดินสายกลางค่ะ



โดย: PrettyNovember วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:10:36:33 น.  

 
นั่นแน่ จะตามไปดูรายการตลาดสดฯ เพราะบอกว่าผู้กองหล่อ ใช่ม๊าาา 555555


โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:10:45:43 น.  

 
555555555
ไอติมกะทิที่คุณดาวพูดถึง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้วจริงๆค่ะ
พอจะเห็นขายบ้างก็ในห้างเลย ซึ่งรสชาดมันไม่เหมือนสมัยก่อน
ยิ่งใส่ในขนมปังยิ่งอร่อย มีลูกชิดนิดนึง ข้าวเหนียวอีกหน่อย
โรยถั่ว ใส่นมสด
ว่าแล้วก็ชักอยากกินขึ้นมาซะแล้ว
อายุอย่าไปพูดถึงค่ะ เราไม่สนเนอะ
ว่าแต่คุณดาวทันไอติมแท่งที่เป็นก้อนใหญ่ๆ
ตัดแบ่งเป็นแท่งเล็กๆ เสียบไม้ขายมั้ยคะ
คนขายจะเก็บไว้ในโหลกลมๆ แล้วสะพายไหล่เดินขายน่ะค่ะ
นึกแล้วอยากให้เวลามันย้อนกลับไปจริงๆ



โดย: PrettyNovember วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:10:54:21 น.  

 
อ้าว..คุณดาวไม่ชอบหมี่กรอบเหรอคะ
ดีจัง ไม่มีคนแย่ง +555
ถ้าทานกับเส้นหมี่ขาว คงคล้ายกระเพาะปลาเนาะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:12:26:02 น.  

 

แหล่มเลยเน๊าะ...น้องก๋าตอบได้เคลียคัดเลยจ๊ะ
ขอบใจสำหรับโปสการ์ดจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:12:30:44 น.  

 
วันนี้มาชวนไปขี่จักรยานค่ะ




โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:0:22:20 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณดาว







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:6:52:08 น.  

 
ดีจังค่ะคุณดาว
ขอบคุณที่เอามาแชร์ค่ะ


ใช่ค่ะ อยู่ๆก็หนาวขึ้นมาซะ
ตอนร้อนก็บ่นนนน
พอหนาวเลยอึ้ง บ่นไม่ออก
ก็อยากให้เย็นลง แต่ไม่ใช่หนาวเกินน่ะนะคะ

วันพฤหัสนี้ถึงจะไปพบหมอที่จะผ่าค่ะ
ไปคุยกับเค้าดูก่อนว่าจะเอายังไงน่่ะค่ะ


โดย: little mouse in big apple วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:8:29:13 น.  

 
กลับกันเลยครับคุณดาว
เมื่อก่อนผมเป็นคนอารมณ์ร้ายมากครับ
แต่ตอนนี้ใจเย็นมากกกกกกกกกกกก 555

มากจนดูเริ่มเฉื่อยด้วยซ้ำครับ 555

ผมไม่ชอบตัวเองตอนสติแตกน่ะครับ 555
เวลาโรกธ ก็ใช้การเตือนตนไปเรื่อยๆ

เตือนได้บ้าง ไมไ่ด้บ้าง
แต่พอทำไปเรื่อยๆ
ก็รู้สึกเลยครับ
ว่าตัวเองใจเย็นลงเยอะเลย




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:10:58:54 น.  

 
ว่าจะเปลี่ยนข้อความหัวบล็อกแล้วล่ะ
"ยาก ๆ ไม่ ... ง่าย ๆ ทำ"
ก็แต่ละคนชอบกินรสชาดไม่เหมือนกัน
เลยไม่อยากใส่ระบุไปว่าอะไรเท่าไหร่
กลัวเขาเขียนมาว่าไม่อร่อย +555 เลยให้ปรุงเองตามชอบ
แต่ถ้าเป็นขนมหรือเบเกอรี่นี่ต้องระบุชัดค่ะ
เพราะอันนั้นต้องเป๊ะเนาะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:11:10:03 น.  

 
ขอบคุณสำหรับพรนะคะ อายุเหรอ ลืมไปเลยค่ะเราใจวัยทีนค่ะฮ่าๆๆ
แต่ความจำนี่วัยทอง ลืมเก่งมาก ที่คุณฝรั่งช่วยจำเค้าจะให้ทองเท่าอายุรึป่าวคะ สงสัยอยากเสียตังค์ อิๆๆ


โดย: supersupy วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:11:37:42 น.  

 
โอ้ว พลาดบล๊อกตอบคำถามคุณก๋าบล็อกนี้ไปได้อย่างไร
ปกติหนึ่งเป็นแฟนตอบคำถามคุณก๋าค่ะ

คุณก๋าตอบได้สมบูรณ์แบบเข้าใจง่ายเช่นเคยค่ะ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:12:27:40 น.  

 
คุณดาว
สมบูรณ์ทุกครั้งที่คุณก๋าตอบคำถามนะคะ
อ่านไปก็ อือๆ เห็นด้วยไป
สาธุๆ จริงๆ

เราอยู่ไกลวัด(กว่าเก่า) แต่ถ้าคิดได้แบบนี้
อยู่ไหนก็ปฏิบัติตัวเป็นคนดีได้เนาะ

ขอบคุณอย่างสูงที่แวะไปโหวตให้และเดินป่าด้วยกัน
บ้านแม่แอ๋นเข้าแนวบ้าเอ้าท์ดอร์ (ไปมั๊ย) ชอบมากๆค่ะ
เป็นตั้งแต่สมัยพ่อแม่เดทกัน มีลูกมาก็หาที่ไปเดินๆๆ
และเก็บสถิติซะงั้น ฝ่ายผู้ชายไม่เท่าไหร่หรอกเรื่องรายละเอียด
เราเองนี่ล่ะต้นคิดที่อยากไปให้ครบ ฮ่าๆๆ

ไก่ทอดน่ากินมากๆ ทอดน้ำมันท่วงเลยป่าวนี่ดูกรอบสวยได้ขนาด
เห็นแล้วนึกถึงวิงส์ที่หม่ำที่สปอร์ตบาร์วันนั้นเลย ฮ่าๆๆ
เก่งจังเลย
และขอบคุณมากที่ยกไปฝากนะคะ

ความหนาวเย็นมาถึงแล้ว รักษาสุขภาพเช่นกันจ้า




โดย: anigia วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:20:51:17 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

simplyusana
Location :
Wisconsin United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




You can take the girl out of the country, but you can't take the country out of the girl.
รักความเป็นไทย

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add simplyusana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.